playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Wheel of Time ซีรีส์แนวแฟนตาซีทุ่มทุนสร้างสุดอลังของ Amazon Prime (อัพเดทจบ ไม่มีสปอยล์)

The Wheel of Time

สรุป

ซีรีส์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่ทุกอย่างดูอลังการมากสมกับทุนสร้างที่ลงไป งาน CG สวยสุดๆ ฉากแอ็กชั่นต่อสู้กันโหดๆ มีทุกตอน แต่จะติดข้อเสียหลักๆ คือช่วงเปิดมา 3 ตอนแรก แทบไม่มีการอธิบายปูพื้นโลกในเรื่องให้คนดูเข้าใจ จนต้องไปหาอ่านจากที่ amazon ทำอธิบายไว้ให้ ซึ่งถ้าเข้าใจโลกในเรื่องนี้แล้วก็จะดูสนุกขึ้นมาก ตัวซีรีส์จบซีซั่นแล้วพร้อมเตรียมถ่ายทำซีซั่น 2 ต่อทันที (อัพเดทตอนนี้ฉายแล้ว 1 กันยายน 2566)

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
4 (4 votes)

Pros

  • แนวแฟนตาซีที่งานสร้างทุกส่วนอลังมาก
  • ทำจากนิยายดังมากมาก่อน
  • มีฉากที่ใช้ความรุนแรงสูง
  • CG คุณภาพสูง
  • โรซามันด์ ไพค์เป็นตัวเอกกับโปรดิวเซอร์หลักของเรื่องนี้

 

Cons

  • ช่วง 3 ตอนแรกแทบไม่มีการอธิบายปูพื้นให้คนดูเข้าใจโลกแฟนตาซีนี้เลย
  • มีการดัดแปลงจากนิยายไปมาก คนอ่านนิยายอาจจะไม่ชอบ

ADBRO

The Wheel of Time วงล้อแห่งกาลเวลา ซีรีส์แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ของ Amazon Prime ที่สร้างจากนิยาย 14 เล่มจบของ Robert Jordan, ตั้งแต่ปี 1990 – 2013 โดยใช้ทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญ กับซีซั่นแรกที่มี 8 ตอน ซึ่งถือว่าสูงมากกว่า Game of Thrones ในซีซั่นแรกที่ใช้ไป 60 ล้านเหรียญซะอีก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คุ้มค่าอลังการจริงๆ

 The Wheel of Time (2021) on IMDb

ตัวอย่าง The Wheel of Time วงล้อแห่งกาลเวลา

ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกยกให้เป็นซีรีส์เรือธงเรื่องแรกของ Amazon prime แต่เสียงวิจารณ์จากสื่อกับผู้ชมในช่วง 3 ตอนแรกไม่ดีนัก ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าอย่าพึ่งตัดสินกันจาก 3 ตอนแรก เพราะหลังจากนี้ไปเป็นอะไรที่สุดยอดมาก แต่ก็ต้องละไว้ว่านี่เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายไปมาก ซึ่งผู้เขียนเองไม่ได้อ่านนิยายมาก็ไม่อาจจะเทียบได้ว่าแตกต่างกันแค่ไหนครับ แต่จะเขียนในมุมของผู้ชมซีรีส์ล้วนๆ เท่านั้นครับ

เนื้อเรื่องเริ่มจากตัวเอก 5 คน ที่ใช้ชีวิตของวัยรุ่นธรรมดาๆ ในหมู่บ้านห่างไกลในหุบเขา ก่อนที่ชีวิตของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อ “มอเรน” หญิงลึกลับทรงอำนาจเดินทางมาถึงหมู่บ้านของพวกเขา โดยอ้างว่าหนึ่งในนั้นเป็นเด็กตามคำพยากรณ์โบราณผู้มีพลังเปลี่ยนสมดุลระหว่างแสงและความมืดไปชั่วนิรันดร์ ทั้งหมดออกเดินทางตามมอเรนไปยังหอคอยขาว ที่รวมของเหล่าอายเซได สตรีผู้มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติที่เรียกว่า “พลังเอก” ก่อนที่เจ้าอนธการที่ถูกขุมขังไว้จะทำลายคุกคุมขังออกมาได้ และเริ่มเปิดฉากสงครามครั้งสุดท้าย

ด้วยความที่ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อน ใครก็ตามที่เริ่มดูเรื่องนี้ก็คงงงกับการเปิดเรื่องมาแบบไม่มีการอธิบายใดๆ ในโลกแฟนตาซีเรื่องนี้ทั้งสิ้น ซึ่งก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดช่วงแรกของผู้สร้างเรื่องนี้ ที่ต้องให้คนไปศึกษาอ่านเองเพิ่มจากข้อมูลในลิ้งเรื่องนี้ของ Amazon Prime ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องต่างๆ เป็นการปูพื้นให้เข้าใจโลกในเรื่องนี้มากขึ้น แนะนำให้ทุกคนที่ดูไปไล่อ่านดูก่อนจะทำให้งงน้อยลงหรือเคลียร์เมื่อดูจบมากขึ้นครับ (คลิกอ่านกันได้ที่นี่ในหัวข้อสำรวจ)

แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ไปอ่านผู้เขียนขอเล่าคร่าวๆ ว่าเรื่องนี้ก็คล้ายๆ ลอร์ดออฟเดอะริงในทางหนึ่ง โดยมีตัวร้ายใหญ่สุดในตำนานเรียกว่า “เจ้าอนธการ” (เจ้าความมืด) ซึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงโลกในอดีต แล้วก็มีกลุ่มคนที่เป็นผู้ชายใช้พลังพิเศษที่เรียกว่า อายเซได รวมตัวกันไปต่อสู้ ซึ่ง 1 ในนั้นคือคนที่มีพลังพิเศษสูงสุดที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “มังกรจุติ” นำทัพไปปราบ แต่กลับผิดพลาดโดนเจ้าอนธการทำให้ชายเหล่านั้นวิปลาศไป จนกลายเป็นการทำลายล้างสิ้นยุคสมัยไปแทน แม้ว่าเวลาผ่านมาเป็นพันปีก็กลายเป็นว่าผู้ชายในโลกใครก็ตามที่มีพลังพิเศษก็จะกลายเป็นบ้าไปในที่สุด ตัวเอกของเรื่องนี้จึงเป็นกลุ่มผู้หญิงที่เรียกว่า “ภคินี” เป็นอายเซไดที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือปกป้องโลกจากการกลับมาของเจ้าอนธการ โดยมีภารกิจต้องตามหามังกรจุติที่จะวนเวียนกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง จากความเชื่อเรื่อง “วงล้อแห่งกาลเวลา” ที่เป็นตัวถักทอทุกชีวิตทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต เข้าด้วยกัน โดยตัวเอกคือกลุ่มตัวละครหนุ่มสาว 5 คนที่ต้องเดินทางค้นหาตัวตน และใครคือมังกรจุติ ซึ่งอายเซไดตามหาอยู่ ซึ่งนี่ก็คือธีมหลักโครงเรื่องคร่าวๆ ของเรื่องนี้ครับ

จุดเด่นสุดของเรื่องนี้ก็คืองานโปรดักชั่นที่สุดยอดมาก ระดับเดียวกับ Game of Thrones ได้เลย มีฉากโลเกชั่นที่ดูยิ่งใหญ่สวยงามตามธรรมชาติตลอดเวลา ร่วมกับการจำลองโลกแฟนตาซีที่ต้องเนรมิตสร้างขึ้นมาจริงๆ ร่วมกับฉากที่ใช้ CG ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เนียนกริบไร้ที่ติจริงๆ (แต่ตอนท้ายๆ เรื่องมีปัญหา CG ทำไม่เสร็จจนหลุดอยู่)

สัตว์ประหลาดในเรื่องก็จัดเต็มกันตั้งแต่แรก โดยมีตัวที่ชื่อว่าโทรลลอค ซึ่งก็คล้ายๆ ออร์คในเรื่องอื่น แต่โหดกว่า มีเขาบนหัว ซึ่งมากันเป็นฝูงกองทัพกับภูติเงา ที่เป็นตัวหัวหน้าคุมฝูง ซึ่งเรื่องนี้มีความโหดรุนแรงสูงมาก แบบควักไส้กินไส้กันเลย  นอกจากนี้ก็ยังมีตัวประหลาดออกมาเรื่อยๆ ซึ่งมีไฮไลท์ฉากแอ็กชั่นต่อสู้กันทุกตอน ไม่มีตอนไหนเสียเปล่าไปเลย โดยช่วงใช้พลังของอายเซไดของแต่ละคนเป็นอะไรที่อลังมากจริงๆ เป็นงาน CG ผสมกับเทคนิคพิเศษของจริงไปด้วยกัน อย่างฉากดินระเบิด ท่วงท่าดึงพลังก็เหมือนการร่ายเวทย์สวยๆ ที่ชวนดูมาก

นักแสดงแต่ละคนก็ลงตัวเหมาะสมกับบทบาที่ได้รับกันหมด โดยตัวเอกทั้ง 5 คนจะต้องเดินทางแยกกันเป็น 3 กลุ่ม โดยได้บทเฉลี่ยเท่าๆ กันหมด ชาย 3 หญิง 2 ซึ่งพวกนี้จะไม่ได้มีพลังอะไรพิเศษ มีนิสัยใจคอความถนัดแตกต่างกัน เป็นการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง ออกแนวการผจญภัยสู่โลกกว้างเหมือนหนังวัยรุ่นทั่วไปที่มีเรื่องรัก มิตรภาพ การทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่เส้นเรื่องหลักจะอยู่ที่มอเรน อายเซไดที่เล่นโดย โรซามันด์ ไพค์ (Rosamund Pike) ซึ่งคนดูคงติดภาพกันจาก Gone Girl แต่มาในเรื่องนี้เธอไม่ได้เล่นในบทร้ายแบบนั้นอีกแล้ว แต่บทของเธอก็ยังไม่อาจจะมองว่าดีได้เพราะตัวเรื่องยังเก็บความลับจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอไว้อยู่ว่าต้องการอะไรกับมังกรจุติกันแน่ และนอกจากนี้ตัวไพค์เองก็เป็นโปรดิวเซอร์ผู้ให้กำเนิดเรื่องนี้ด้วย

Álvaro Morte
บทมังกรจุติในตอน 4 นักแสดงที่เล่นก็คือ Álvaro Morte ที่เล่นเป็นโปรเฟสเซอร์ของ Money Heist ใน Netflix

นอกจากตัวละครที่ใช้พลังพิเศษได้แล้ว ในเรื่องก็จะมีตัวละครผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้ชายคู่หูคอยปกป้องเหล่าอายเซไดอีกที โดยบทหลักจะอยู่ที่ “ลาน” เป็นนักดาบปกป้องมอเรน เป็นตัวละครแนวเอเชียของเรื่องนี้ที่มีบทบาทสำคัญกับเรื่องมาก ส่วนคนอื่นก็จะใช้อาวุธอื่นต่างๆ กันไป

 

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังขยายโลกให้มีกลุ่มอื่นเสริมเข้ามาอีก อย่างกลุ่มเสื้อคลุมขาว ที่เป็นเหมือนนักรบศาสนาคอยไล่ล่าอายเซไดอีกที กลุ่มคนผู้รับใช้เจ้าอนธการ เป็นคนปกติที่มองเห็นกลุ่มตัวเอกในความฝัน กลุ่มคนเร่ร่อนที่เข้าใจเรื่องวงล้อเวลาเป็นอย่างดี วณิพกที่รอบรู้เรื่องต่างๆ เหมือนมีความลับสำคัญซ่อนไว้ ซึ่งการเซ็ตรายละเอียดตัวละครพวกนี้ไว้เป็นอย่างดี ก็ช่วยให้เรื่องนี้มีโครงสร้างเรื่องราวเทียบเท่าลอร์ดออฟเดอะริงหรือเกมออฟโธรนส์ได้เลยเช่นกัน

โดยตัวโลกและโครงเรื่องของซีซั่นแรกอาจจะมีความคล้ายการเดินทางของคณะแหวนในลอร์ดออฟเดอะริงค่อนข้างมาก แต่ตัวเรื่องค่อยๆ มีรายละเอียดที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะโลกที่เน้นพลังพิเศษผู้หญิงเป็นใหญ่ ผู้ชายไม่สามารถใช้พลังได้ ถ้าใช้ได้ก็คือจะกลายเป็นคนวิกลจริตไป ทำให้เรื่องเทน้ำหนักมาที่ตัวละครหญิงในเรื่องมากกว่าผู้ชาย แต่ในตอนท้ายๆ ของเรื่องเราก็จะได้รู้ความลับว่าจริงๆ แล้วพลังในเรื่องผู้ชายก็คือ ผู้มีพลังมากกว่า ตัวเรื่องก็เหมือนพยายามสะท้อนโลกที่ชายเป็นใหญ่แล้วบ้าคลั่งในอำนาจจนเกิดสงคราม ซึ่ง The Wheel of Time ก็เหมือนกงล้อเวลาในโลกจริงๆ ของสังคมเราที่มนุษย์เวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการช่วงชิงอำนาจในแบบต่างๆ แต่ตัวเรื่องนี้คือให้อำนาจเป็นพลังพิเศษ แล้วเซ็ตโลกที่ย่อยยับด้วยฝีมือชาย ก่อนจะให้ผู้หญิงเป็นคนปกครอง แต่แล้วกงล้อเวลาก็หมุนกลับมาเช่นเดิม

ด้วยความเหมือนในตอนแรกกับการหาผู้กล้าในตำนานไปจัดการเจ้าอนธการ แต่เรื่องราวในซีรีส์จบแบบแตกต่างออกไปจากลอร์ดออฟเดอะริงไปเลย กลายเป็นแค่จุดเริ่มต้นของศึกสงครามใหม่ที่ใหญ่กว่า แล้วก็ค่อนข้างเดายากว่าเรื่องจะไปทิศทางไหน เพราะมีการแตกแขนงออกไปหลายทาง โดยที่ทุกตัวละครคือบทสำคัญที่ผูกพันกันทั้งหมด

 

ตอนนี้ตัวซีรีส์จบซีซั่นแล้วที่ 8 ตอนพร้อมเตรียมถ่ายทำซีซั่น 2 ต่อทันที (อัพเดทตอนนี้ฉายแล้ว 1 กันยายน 2566)

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!