รีวิวจบ 8 ตอน The White Lotus SS3 (HBO) ซ้ำรอย ช้าเนิบ แต่สวยงามและเสียดสี
The White Lotus SS3
Summary
ซีซั่น 3 ที่มีความน่าสนใจตรงที่ถ่ายทำในประเทศไทย ภาพทุกฉากสวยงามมาก และให้มุมมองที่แปลกใหม่ของชาวต่างชาติที่มีต่อเมืองไทย พร้อมกับมุกเสียดสีสังคมที่คมคาย โดยยังคงรักษาโครงเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรมแบบเดิมไว้ อย่างไรก็ตาม ซีซั่นนี้มีถึง 8 ตอน ทำให้การดำเนินเรื่องที่ช้าอยู่แล้วยิ่งช้าลงไปอีก ช่วงแรกๆ ค่อนข้างอืด กว่าจะเริ่มสนุกจริงๆ ก็ผ่านไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว แม้ตอนจบจะตื่นเต้นกว่าซีซั่นก่อนๆ ด้วยจำนวนตัวละครที่เสียชีวิตมากกว่า แต่ก็จบแบบไม่เคลียร์ปมทั้งหมด ทิ้งไว้แบบปลายเปิด ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการปูเรื่องมาตลอด โดยเฉพาะลิซ่าที่บทแทบไม่ได้สำคัญกับแกนหลักของเรื่องเลย นอกจากนี้ยังมีพล็อตรองที่ใช้ตัวละครต่อเนื่องจากซีซั่น 1-2 ซึ่งหากใครเริ่มดูซีซั่นนี้เป็นซีซั่นแรก อาจจะไม่เข้าใจพื้นฐานของตัวละครนี้ จนใครที่ไม่ชอบซีรีส์ที่มีการดำเนินเรื่องช้าๆ แล้วต้องไปเริ่มดูตั้งแต่แรกก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- งานภาพสวยมากถ่ายทำสถานที่ท่องเที่ยวของไทยได้อย่างน่าประทับใจ
- การนำเสนอวัฒนธรรมไทยแท้ๆ มากมาย
- มุมเสียดสีสังคมไทยจากสายตาฝรั่ง
- ตอนจบมีผู้เสียชีวิตมากกว่าซีซั่นก่อนๆ
- ลิซ่าแสดงได้ดีและเป็นธรรมชาติสำหรับการแสดงครั้งแรก
- มีพากย์ไทย
Cons
- การดำเนินเรื่องช้ามาก
- ตอนจบไม่เคลียร์ปมทั้งหมด
- บทของลิซ่าน้อยไม่สำคัญมาก
ADBRO
The White Lotus SS3 ซีรีส์ HBO 8 ตอนจบ มีพากย์ไทย ที่นำเสนอเรื่องราวของเหล่าแขกไฮโซที่มาพักผ่อนในรีสอร์ตหรูบนเกาะภูเก็ต พร้อมดราม่าและความลับที่นำไปสู่การพลิกผันและโศกนาฏกรรม
รีวิว The White Lotus SS3 (ไม่สปอยล์)
ซีรีส์ชื่อดังเรื่องนี้เลือกถ่ายทำในประเทศไทยที่ภูเก็ต โดยใช้รีสอร์ตในเครืออนันตราเป็นฉากหลัก และได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์พิเศษคือการเปิดตัวลิซ่า BLACKPINK ในผลงานการแสดงครั้งแรก ด้วยองค์ประกอบที่น่าสนใจเหล่านี้ ทำให้ผู้เขียนที่ไม่เคยดูมาก่อนต้องย้อนกลับไปรับชมตั้งแต่ซีซั่นแรกเลยทีเดียว
จากการรับชม ผู้เขียนพบว่าทั้งสามซีซั่นมีโครงเรื่องคล้ายคลึงกัน: เปิดฉากด้วยการเผยให้เห็นศพปริศนา โดยไม่เฉลยว่าเป็นใคร จากนั้นย้อนเล่าเหตุการณ์หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า ตามติดชีวิตของเหล่านักท่องเที่ยวที่มาพักที่โรงแรม White Lotus ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วโลก (ซีซั่น 1 ที่ฮาวาย ซีซั่น 2 ที่อิตาลี และซีซั่น 3 ที่ไทย) ระหว่างการพักผ่อน เราจะได้เห็นดราม่าและเรื่องราวชีวิตของแขกแต่ละคนในเชิงเสียดสีสังคม ควบคู่ไปกับความยุ่งยากของพนักงานต้อนรับที่ต้องมาพัวพันกับแขกเหล่านั้น ก่อนที่ตอนสุดท้ายจะเฉลยว่าศพในฉากเปิดเรื่องคือใคร และจบด้วยบทส่งท้ายสั้นๆ
ผู้เขียนยอมรับตรงๆ ว่าไม่ค่อยชื่นชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบซ้ำๆ เช่นนี้ แม้จะเปลี่ยนสถานที่และตัวละครไปในแต่ละซีซั่น แต่รูปแบบการดำเนินเรื่องและจุดจบก็คล้ายคลึงกัน ทำให้ขาดความแปลกใหม่ อีกทั้งการเล่าเรื่องยังค่อนข้างช้า ต้องใช้เวลาเกินครึ่งของซีรีส์กว่าจะถึงจุดที่เรื่องเริ่มสนุก
ที่น่าสนใจคือทั้ง 3 ซีซั่นมีเส้นเรื่องรองที่เชื่อมโยงกันผ่านตัวละครตั้งแต่ซีซั่นแรกจนถึงซีซั่นที่สาม หากผู้ชมไม่เคยรับชมซีซั่นก่อนหน้ามาก่อน อาจเกิดความสับสนกับปมและแรงจูงใจของตัวละครบางตัวได้ ดังนั้น ผู้ที่ตั้งใจจะรับชมเฉพาะซีซั่น 3 ควรเตรียมใจที่จะงงกับพล็อตรองนี้ อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของซีซั่นนี้คือตอนจบที่ตื่นเต้นกว่าซีซั่นก่อนๆ มาก มีตัวละครเสียชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าเรื่องจะไม่ได้เคลียร์ปมทั้งหมดให้จบสิ้น แต่อาจตีความได้ว่าเป็นการสื่อถึงแนวคิดการปล่อยวางตามหลักพุทธศาสนา ให้อยู่กับปัจจุบันและทำสิ่งที่ดีที่สุด
แม้จะไม่ชอบวิธีการเล่าเรื่องช้าๆ และโครงเรื่องซ้ำๆ ผู้เขียนยังต้องยอมรับว่าซีซั่นนี้ยังคงรักษาคุณภาพสูงไว้ได้ โดยเฉพาะการสร้างตัวละครแขกทุกคนที่มีเรื่องราวซับซ้อนและน่าปวดหัว มีการเสียดสีสังคมอย่างแสบสันต์ ตัวอย่างเช่น:
- มิตรภาพระหว่างเพื่อนรักที่เพิ่งได้เห็น “ธาตุแท้” ของกันและกัน
- ประเด็นการเมืองอเมริกันเรื่องการเลือกทรัมป์และการอาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส (ซึ่งเป็นมุกตลกที่อาจเข้าใจยากสำหรับคนไทย)
- ครอบครัวอเมริกันที่ร่ำรวยแต่กำลังเผชิญหายนะเมื่อพ่อถูกทางการเตรียมจับกุมเมื่อกลับประเทศ ทำให้ครอบครัวเสี่ยงต่อการล้มละลาย จนเขาพยายามหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย
- ลูกสาวคนเล็กที่สนใจศึกษาพุทธศาสนาในไทย ซึ่งเรื่องนำเสนอความขัดแย้งระหว่างหลักความพอเพียงกับนิสัยฟุ้งเฟ้อของเธอ
- ลูกชายสองคนที่พยายามทำตัวเป็น “ผู้ชาย” ในแบบที่ผิดๆ จนกลายเป็นเรื่องตลกร้าย
- คู่รักที่ฝ่ายชายเคร่งเครียดตลอดเวลา ตรงข้ามกับฝ่ายหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างปล่อยวาง เหมือนหยินกับหยาง
- พวกต่างชาติหนีคดีมาไทยกับฝรั่งวัยเกษียณที่มาลงเอยที่ไทยเช่นกัน
ในส่วนของนักแสดงไทย ลิซ่าแสดงได้ดีมากสำหรับการแสดงครั้งแรก ดูเป็นธรรมชาติและสมจริง แต่น่าเสียดายที่บทของเธอค่อนข้างเรียบและไม่มีอะไรลึกซึ้ง เป็นเพียงคนที่ไก่ต๊อก (เมธี ทับทิมทอง) ยามเฝ้าโรงแรมหลงรักเท่านั้น โดยบทของไก่ต๊อกกลับมีเรื่องราวที่สอดคล้องกับธีมเรื่องมากกว่า ส่วนดอม เหตระกูล และเล็ก-ภัทราวดี มีชูธน ก็ได้รับบทเป็นเพียงตัวละครสมทบที่มีเรื่องราวไม่โดดเด่นมากนัก
ด้วยการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งตามข่าวมีมูลค่าถึง 150 ล้านบาท ทำให้ฉากต่างๆ ในซีรีส์ถ่ายทำออกมาได้อย่างสวยงาม ราวกับเป็นซีรีส์ส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะ ในเรื่องมีการนำเสนอสถานที่สำคัญของภูเก็ตอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสู้กับงู ปาร์ตี้ฟูลมูน รวมไปถึงวัฒนธรรมไทยอย่างสงกรานต์ การชกมวยไทย การรำไทยโบราณ การนวดสปาไทย อาหารไทย และเพลงประกอบในเรื่องใช้ของไทยเกือบหมด ที่น่าสนใจคือซีรีส์นำเสนอมุมมองของชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากมุมมองของคนไทยเอง ทำให้ผู้ชมไทยได้เห็นว่าชาวต่างชาติรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่คนไทยมองว่าธรรมดา เช่น ลิงที่มีจำนวนมากตามสถานที่ท่องเที่ยว
สรุป The White Lotus SS3 ที่มีความน่าสนใจตรงที่ถ่ายทำในประเทศไทย ภาพทุกฉากสวยงามมาก และให้มุมมองที่แปลกใหม่ของชาวต่างชาติที่มีต่อเมืองไทย พร้อมกับมุกเสียดสีสังคมที่คมคาย โดยยังคงรักษาโครงเรื่องเกี่ยวกับการฆาตกรรมแบบเดิมไว้ อย่างไรก็ตาม ซีซั่นนี้มีถึง 8 ตอน ทำให้การดำเนินเรื่องที่ช้าอยู่แล้วยิ่งช้าลงไปอีก ช่วงแรกๆ ค่อนข้างอืด กว่าจะเริ่มสนุกจริงๆ ก็ผ่านไปเกินครึ่งเรื่องแล้ว แม้ตอนจบจะตื่นเต้นกว่าซีซั่นก่อนๆ ด้วยจำนวนตัวละครที่เสียชีวิตมากกว่า แต่ก็จบแบบไม่เคลียร์ปมทั้งหมด ทิ้งไว้แบบปลายเปิด ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับการปูเรื่องมาตลอด โดยเฉพาะลิซ่าที่บทแทบไม่ได้สำคัญกับแกนหลักของเรื่องเลย นอกจากนี้ยังมีพล็อตรองที่ใช้ตัวละครต่อเนื่องจากซีซั่น 1-2 ซึ่งหากใครเริ่มดูซีซั่นนี้เป็นซีซั่นแรก อาจจะไม่เข้าใจพื้นฐานของตัวละครนี้ จนใครที่ไม่ชอบซีรีส์ที่มีการดำเนินเรื่องช้าๆ แล้วต้องไปเริ่มดูตั้งแต่แรกก็อาจจะไม่ไหวเหมือนกัน