รีวิว They Cloned Tyrone เหมือนเอา Jordan Peele มายำให้เละ จนสนุกแบบพิสดารสุดๆ (ไม่สปอยล์)
They Cloned Tyrone
Summary
นี่คือหนังคนผิวดำที่สนุกแบบเต็มไปด้วยความพิสดารจริงๆ แม้เรื่องอาจจะไม่ถึงกับใหม่หมดจรด เป็นการมิกซ์ยำเอานั่นนี่มารวมกัน เหมือนเอาแนวผลงานของผู้กำกับ Jordan Peele มายำให้เละมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่งานที่ออกมาได้ตามโจทย์ น่าจะถูกใจผู้ชมที่มองหาความแปลกใหม่ของหนังในทุกวันนี้ที่น้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสตรีมที่หาได้ยากกว่าในโรงซะอีกครับ
Overall
8/10User Review
( votes)Pros
- หนังที่เต็มไปด้วยเรื่องพิสดารชวนหักมุมรัวๆ
- หนังรวมดาราดัง John Boyega, Teyonah Parris, และ Jamie Foxx
- มีพากย์ไทย
Cons
- ภาพตั้งใจทำให้เก่าย้อนยุค ดูแล้วรำคาญตา
- ช่วงท้ายเรื่องจบแบบง่ายๆ
They Cloned Tyrone โคลนนิงลวง ลับ ล่อ หนัง Netflix รวมดาราดัง John Boyega, Teyonah Parris, และ Jamie Foxx เรื่องของคน 3 คนในวงการอาชญากรรม พ่อค้ายา โสเภณี แมงดา ได้มาพบเจอเรื่องสุดประหลาดในเมืองและสะเทือนขวัญไปทั่วประเทศ
ตัวอย่าง They Cloned Tyrone (มีสปอยล์หนัก)
รีวิว They Cloned Tyrone (ไม่สปอยล์ส่วนสำคัญ)
หนังคนผิวดำสุดพิสดารจากผู้กำกับหนังมือใหม่เรื่องแรก Juel Taylor แต่ก่อนนี้เป็นนักเขียนบทอย่าง Creed II ที่เหมือนเอาแนวผลงานของผู้กำกับ Jordan Peele มายำให้เละมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งถ้าใครได้ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้มาก่อน ก็จะเห็นว่ามันสปอยล์ฉากสำคัญเยอะมากจนถึงตอนจบเลย แนะนำว่าห้ามดูโดยเด็ดขาด! ซึ่งรีวิวนี้ก็จะไม่เผยสปอยล์มากไปเช่นกันครับ
เนื้อเรื่องมาในสไตล์ย้อนยุค ก่อนจะมีสมาร์ทโฟน ดังนั้นภาพตั้งแต่เปิดเรื่องจึงมีโมเสคและความไม่ชัด ภาพมืดๆ ตั้งแต่แรกไปจนจบเรื่อง ซึ่งนี่เป็นจุดที่กวนใจผู้ชมมากที่สุดของเรื่องนี้แล้ว แต่การที่เรื่องย้อนยุคก็เพื่อให้เรื่องนี้ดำเนินไปได้โดยมีคำถามน้อยสุด เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ชุดแรกที่ตัวเอก Fontaine ไปทวงเงินค้ายาจากเพื่อนแมงดา Slick ก่อนจบด้วยการโดนยิงพรุนคารถ แต่ฉากต่อมาคือเขาตื่นบนเตียงนอนและจำเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้ และก็กลับไปทวงเงินอีกรอบ แต่ Slick กับ Yo-Yo ยังจำเหตุการณ์นั้นได้ และทั้ง 3 คนก็พยายามพิสูจน์เหตุการณ์ประหลาดนี้ว่ามันคืออะไร ก่อนที่จะเจอเรื่องอลเวงที่ไต่ระดับเลยเถิดขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งตามหาคำตอบยิ่งเจอแต่คำถามตามมาพร้อมกับสิ่งประหลาดไม่หยุดหย่อน โดยที่อารมณ์ของเรื่องคือทั้งสนุก ตลก ตื่นเต้น ระทึกขวัญไปพร้อมๆ กันตลอดเวลา ก่อนที่เรื่องจะจบลงในชั่วโมงแรกด้วยฉากเหมือนหนังซอมบี้เล็กๆ บวกกับ The Matrix แล้วก็เฉลยความจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนนี้ทั้งหมด ซึ่งถ้าไม่ได้ดูเวลาก็คงคิดว่าคงจบที่ตรงนี้ แต่เรื่องนี้คือครึ่งเรื่องเท่านั้นเองครับ!
ครึ่งหลังเรื่องมาอีกแนวกลายเป็นความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง จากความจริงที่เกิดขึ้นในชั่วโมงแรก ก่อนที่เรื่องจะค่อยๆ เผยความลับที่ค้างคาไว้เล็กๆ เรื่องชีวิตของตัวเอก Fontaine แล้วก็จุดชนวนเรื่องราวให้กลับไปจัดการปัญหาที่คาไว้ในตอนแรกอีกครั้ง ซึ่งการกลับไปนั้นเรื่องตั้งใจทำให้เป็นแนวหักมุม แต่พอเฉลยออกมามันค่อนข้างง่ายมากผิดกับเนื้อเรื่องในชั่วโมงแรก แต่ด้วยความที่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เป็นแนวซีเรียสจริงจังแต่แรก มันมาในแนวดาร์คคอเมดี้ ผู้ชมที่อินกับช่วงแรกก็คงไม่ติดใจอะไรมาก แต่ใครดูแบบจริงจังก็อาจจะขัดใจกับส่วนนี้ได้เช่นกัน แต่ตัวเรื่องก็เหมือนรู้จึงมีเฉลยความลับสำคัญของที่มาเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งจุดนี้ช่วยเติมเต็มให้เรื่องแน่นดีขึ้นพอสมควรเลย ก่อนที่จะปิดท้ายในเอนด์เครดิตด้วยการวนลูปในที่ใหม่อีกรอบ! ซึ่งกลายเป็นตอนจบที่ลงตัวต่อยอดไอเดียของซีรีส์ไปไกลขึ้นไปอีกไม่มีที่สิ้นสุดเลย
ตัวเรื่องนอกจากจะสนุกไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนแล้ว นักแสดงทั้ง 3 คนก็ยังถือว่าได้บทนำสูสีกันไปหมด John Boyega ที่เป็นตัวเอกของเรื่องนี่บอกตรงๆ ว่าจำไม่ได้เลยว่านี่คือฟินจากสตาร์วอร์ เขาแสดงบทนี้ได้ดิบเถื่อนเหมือนเป็นพ่อค้ายาที่มีอีโก้สูง อารมณ์ร้อนเดือด มีหนวดเครา ไม่มีคราบความหล่อแบบปกติเหลืออยู่เลย แต่ลึกๆ ก็มีปมดราม่าน้องชายในวัยเด็กเจือปนอยู่เสมอ และนี่เป็นจุดสำคัญของเรื่องนี้ด้วย
Teyonah Parris นักแสดงที่มาจาก WandaVision ในบทของ Monica Rambeau ที่ไปต่อใน The Marvels มาในเรื่องนี้เธอคือโสเภณีที่ตอนแรกดูเหมือนไม่มีสมอง แต่พอเรื่องเดินหน้าไปเรื่อยๆ เธอกลับมีความคิดฉลาดขึ้นเรื่อยๆ มีความอยากเป็นหมออยู่ในตัว แต่เมืองนี้จำกัดเธอไว้แค่โสเภณี จนกระทั่งความลับของเมืองแตกนั่นแหละจึงเป็นการกระตุ้นสิ่งที่เธออยากทำขึ้นมาจริงๆ อีกครั้ง
Jamie Foxx ในบทแมงดาวัยละอ่อนกวนๆ ที่แต่งหน้าใส่วิกจนจำกันไม่ได้เลย แต่บทของเขาคือตัวโจ๊กที่สุดของเรื่องแล้ว ด้วยบทพูดกวนๆ ชวนให้น่าหมั่นไส้ตลอดเรื่อง แต่ในความกวนนั้นก็มีความฉลาดแบบวายร้ายซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องก็หยอดให้เขาเป็นคนหาทางออกให้กลุ่มในตอนหลัง แม้บทนั้นจะดูทะแม่งๆ ก็ตามที
โดยรวม They Cloned Tyrone นี่คือหนังที่สนุกแบบพิสดารจริงๆ แม้เรื่องอาจจะไม่ถึงกับใหม่หมดจรด เป็นการมิกซ์ยำเอานั่นนี่มารวมกัน แต่งานที่ออกมาได้ตามโจทย์ น่าจะถูกใจผู้ชมที่มองหาความแปลกใหม่ของหนังในทุกวันนี้ที่น้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสตรีมที่หาได้ยากกว่าในโรงซะอีกครับ