playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Tomb Raider: The Legend of Lara Croft งานแอนิเมชั่น Netflix ที่พาลาร่าลงหลุมอีกรอบ

Tomb Raider: The Legend of Lara Croft

Summary

งานดัดแปลง ลาร่า ครอฟท์ มาเป็นแอนิเมชั่นที่สอบตกตั้งแต่คาแรกเตอร์ดีไซน์ไม่มีเสน่ห์ดั้งเดิมเหลืออยู่เลย เนื้อเรื่องก็เกี่ยวกับการต่อสู้กับผีปีศาจจนดูแฟนตาซีหลุดกรอบการผจญภัยแก้ปริศนากับดักแบบดั้งเดิมไป มีการยัดตำนานเทพจีนแต่งเองที่ไม่เข้าท่ามา และยังทำให้ลาร่ามีทีมช่วยแต่ละด้านแบบพวกหนังสายลับดาษดื่น ซึ่งทำให้เสียตัวตนดั้งเดิมไปแทบทั้งหมด เพียงเพื่อจะให้มีเนื้อเรื่องหลายตัวละครไว้ขายซีรีส์ยาวๆ หลายซีซั่นเท่านั้น (จบแบบมีต่อเลย)

Overall
4/10
4/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ลาร่า ครอฟท์ แบบแอนิเมชั่น
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • บทแย่และไม่มีความแปลกใหม่
  • ใส่อะไรหลายอย่างมาจนเสียตัวตนเดิมไป

 

 

ADBRO

Tomb Raider: The Legend of Lara Croft ซีรีส์แอนิเมชั่น Original Netflix 8 ตอนจบซีซั่น 1 เรื่องราวของลาร่า ครอฟท์ ที่ต้องไล่ล่าขโมยที่เอาสมบัติโบราณของเพื่อนพ่อที่ตายไปจากคฤหาสน์ โดยสมบัติชิ้นนี้คือ 1 ใน 4 ของต้องสาปที่ทำลายล้างโลกได้ 
Tomb Raider: The Legend of Lara Croft (2024) on IMDb

 

รีวิว Tomb Raider: The Legend of Lara Croft

แอนิเมชั่นที่ดัดแปลงจากวิดีโอเกมชื่อดังที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่พอเป็นภาพยนตร์ปี 2018 ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ แค่รอดจากขาดทุนมานิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้ภาคต่อเงียบหายไปเลย การมาทำแอนิเมชั่นนี้ก็เพื่อหวังปลุกชีพตัวละครนี้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งก็ดูจะแย่กว่าเดิมซะอีกเมื่อการทำเป็นแอนิเมชั่นแม้จะลดต้นทุนลงได้มาก จินตนาการใส่ฉากเว่อร์ๆ ได้มากมาย แต่กลับมาตายเรื่องบทที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยสักนิด

ตัวเรื่องผูกโยงการตายของพ่อมาจนถึงเพื่อนพ่อที่มาตายจากการล่าสมบัติ ซึ่งสิ่งนี้กลายมาเป็นปมในใจ ลาร่า ครอฟท์ ทำให้เธอยกมรดกสมบัติทั้งหมดให้เป็นพิพิธภัณฑ์สาธารณะไป แต่ในระหว่างนั้นสมบัติชิ้นหนึ่งในนั้นถูกขโมยไป เป็นอัญมณีที่มี 4 ชิ้น มีตำนานเกี่ยวข้องกับการสร้างประเทศจีนและพลังการทำลายล้างโลกได้ ซึ่งเรื่องก็เดินหน้าให้ลาร่าต้องตามหาอัญมณีนี้กลับมาและหยุดขโมยที่กำลังรวบรวมอัญมณีทั้งหมดเพื่อความต้องการชำระแค้นส่วนตัว

ตัวเรื่องพาลาร่าไปเจอกับที่เก็บอัญมณีทั้ง 4 จุดตั้งแต่แรก ซึ่งเรื่องก็อยู่กันคนละทวีป แต่มีจุดร่วมกันคือทุกที่มีปีศาจร้ายสิงสู่อยู่ ซึ่งเรื่องในภาคนี้เป็นการสู้กับพวกปีศาจวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมด โดยแทบไม่มีการไขปริศนากลไกอะไรในเรื่องเลย มีแค่ตอนท้ายที่มีฉากสำคัญหน่อยเท่านั้น ทำให้เรื่องกลายเป็นเหมือนลาร่าผจญภัยสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติแบบการ์ตูนมากๆ อย่างจิ้งจอกเก้าหาง ผีนักรบจีน สัตว์ประหลาดแปลกๆ แม้แต่ไดโนเสาร์ที่พยายามยัดมาให้เหมือนต้นฉบับก็ยังไปใส่เครื่องเคราให้เป็นไดโนเสาร์พิลึกๆ เหมือนมังกรจีนเข้าไปอีก แล้วเนื้อหาก็มีเทพจีนที่ผู้เขียนบทปั้นเรื่องเองใส่เข้าไปเยอะจนดูแล้วไม่รู้สึกถึงการผจญภัยค้นหาสมบัติดิบๆ แต่เป็นการชี้ทางของเทพเพื่อให้ลาร่ากู้โลกได้ประมาณนั้นเลย 

นอกจากนี้เรื่องยังพยายามใส่ปมความผิดในใจของลาร่าแทรกมาแบบฝืนๆ ตลอดเวลา เวลาจะทำอะไรก็เครียดกับเรื่องนี้ไปหมด ทั้งเรื่องทำเหมือนเธอต้องแบกรับความผิดในใจ แบบใครมาอธิบายช่วยเธอก็ทำเป็นไม่เข้าใจ ซึ่งแม้แต่คนดูก็คงไม่เข้าใจด้วย จุดนี้มันเป็นภาระของเรื่องมากกว่าที่ต้องมาเสียเวลาและไม่ได้ทำให้เรื่องลงลึกทางดราม่าได้เลย

นอกจากนี้บทก็พยายามขายทีมผู้ช่วยของลาร่าที่สร้างมาใหม่ให้มีคนเก่งแฮ็กเกอร์ไอที เพื่อนสาวสมัยเด็กที่โตมาแล้วเก่งพอกัน นักผจญภัยคู่หูตัวอ้วน ซึ่งคนหลังดูเป็นภาระมากกว่าจะมาช่วยอะไรได้มาก ซึ่งบทพวกนี้ทำมาเพื่อพยายามขายสเกลการปั้นซีรีส์นี้ให้มีความหลากหลายขึ้นต่อยอดไปทำหลายๆ ซีซั่นได้แค่นั้น แต่มันก็ทิ้งตัวตนดั้งเดิมลาร่าที่เน้นลุยเก่งคนเดียวไป กลายเป็นเหมือนพวกหนังรวมทีมแบบมิชชั่นอิมพอสซิเบิลแบบนั้น ซึ่งไม่ใช่เลยจริงๆ

ตัวงานแอนิเมชั่นอาจจะสมูธลื่นไหลไม่มีปัญหาอะไรตามสไตล์งานสร้างทุนเน็ตฟลิกซ์ แต่ว่าคาแรกเตอร์ดีไซน์ลาร่าก็มองไม่เห็นเสน่ห์แบบเดิมเหลือไว้เลย ทีมของลาร่าก็ดูเป็นตัวละครพื้นๆ ไม่มีความน่าสนใจ แม้แต่พวกตัวร้ายก็ดูไม่มีคาแรกเตอร์โดดเด่น เหมือนงานก็อปปี้ตัวละครเหมาโหลจากเรื่องอื่นมาใช้ครับ

 

สรุป งานดัดแปลง ลาร่า ครอฟท์ มาเป็นแอนิเมชั่นที่สอบตกตั้งแต่คาแรกเตอร์ดีไซน์ไม่มีเสน่ห์ดั้งเดิมเหลืออยู่เลย เนื้อเรื่องก็เกี่ยวกับการต่อสู้กับผีปีศาจจนดูแฟนตาซีหลุดกรอบการผจญภัยแก้ปริศนากับดักแบบดั้งเดิมไป มีการยัดตำนานเทพจีนแต่งเองที่ไม่เข้าท่ามา และยังทำให้ลาร่ามีทีมช่วยแต่ละด้านแบบพวกหนังสายลับดาษดื่น ซึ่งทำให้เสียตัวตนดั้งเดิมไปแทบทั้งหมด เพียงเพื่อจะให้มีเนื้อเรื่องหลายตัวละครไว้ขายซีรีส์ยาวๆ หลายซีซั่นเท่านั้น (จบแบบมีต่อเลย)

รวมรีวิว Netflix คลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!