รีวิว อนาคต Tomorrow And I (Netflix) แบล็คมิเรอร์ไทยที่ทำออกมาได้น่าประทับใจอยู่
อนาคต
-
นิราศแกะดำ - 7.5/10
7.5/10
-
เทคโนโยนี - 6.5/10
6.5/10
-
ศาสดาต้า - 9/10
9/10
-
เด็กหญิงปลาหมึก - 1/10
1/10
Summary
ซีรีส์แนวแบล็คมิเรอร์ไทยที่ทำได้ดีมากในแง่การออกแบบ CG ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับสังคมไทยได้แปลกตาดี แต่ว่าตัวเรื่องก็มีเด่นจริงๆ ในแนวไซไฟแค่ตอนนิราศแกะดำกับศาสดาต้าที่แนะนำเลยว่าห้ามพลาดจริงๆ ส่วนตอนเทคโนโยนีเน้นเสียดสีสังคมมากกว่าจะเป็นเรื่องราวแนวผลกระทบจากเทคโนโลยี ส่วนตอนสุดท้ายเด็กหญิงปลาหมึกเล่าเรื่องได้เลอะเทอะแย่มากทุกทาง จนเป็นตอนจุดบอดที่สุดของซีรีส์นี้แล้วครับ
*คะแนนในกรอบนี้เป็นเฉลี่ยจาก 4 ตอนรวมกัน
Overall
6/10User Review
( vote)Pros
- แนวแบล็คมิเรอร์ไทย
- งาน CG สวย
- ฉากติดเรตทางเพศ
Cons
- บางตอนเน้นเสียดสีมากจนล้นถี่มากเกินไป
- ตอนสุดท้ายแทบไม่มีประเด็นผลกระทบเทคโนโลยีเลย
อนาคต Tomorrow And I ซีรีส์ Original Netflix แนวไซไฟ 4 เรื่องเล่าถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่ออนาคตในแต่ละด้านของไทย โคลนนิ่งมนุษย์ หุ่นเซ็กส์ทอย AI สอนศาสนาพุทธ โลกร้อนจนฝนตกทั่วโลกไม่หยุด
รีวิว อนาคต Tomorrow And I (Netflix)
ซีรีส์ที่มาในแนวเดียวกับแบล็คมิเรอร์ที่ขายภาพสะท้อนด้านลบจากผลกระทบเทคโนโลยีในอนาคตที่ไม่ไกลจนเกินไปนัก ซึ่งของไทยเองก็โฟกัสไปถึงปัญหาสังคม จริยธรรม ศาสนา ผลกระทบโลกร้อน ที่เกิดขึ้นในไทยทั้งหมด ซึ่งเรื่องราวทั้ง 4 ตอนนี้ก็แยกจากกัน ดูตอนไหนก่อนก็ได้ไม่มีจุดเชื่อมถึงกันครับ
นิราศแกะดำ
ซีรีส์ตอนนี้เล่าเรื่องถึงการโคลนนิ่งและสร้างอวัยวะทดแทนขึ้นมาใหม่ โดยมีตัวเอกคือหมอนุ่น (รับบทโดย อิ้งค์ วรันธร) เป็นนักบินอวกาศขึ้นไปทดลองบนดวงจันทร์ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตตอนกลับมาและสามี นนท์ (รับบทโดย บอย ปกรณ์) ที่รักเธอมากตัดสินใจโคลนนิ่งขึ้นมาใหม่ ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นเรื่องผิดกฏหมาย เขาจึงลักลอบเสี่ยงโคลนเธอขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าเธอกลับมีความลับซ่อนอยู่
เนื้อเรื่องตอนแรกที่เปิดมาล้ำมากๆ งาน CG ในเรื่องนี้โชว์หลายอย่างดีมากแบบผิดหูผิดตาคอนเทนต์ไทยปกติเลย แต่ตัวเนื้อเรื่องยังคงเล่าเรื่องโคลนนิ่งไม่ลึกมาก ออกแนวผิวเผินทั่วไปที่หลายเรื่องก็เคยทำมาแล้ว โดยมีความขัดแย้งในสังคมไทยอยู่แค่ฉากเดียวคือพ่อแม่ของหมอนุ่นไม่อยากให้โคลนนิ่งเพราะเชื่อว่านุ่นไปดีแล้วไม่มีทุกข์ตามแนวทางพุทธของไทย ซึ่งฉากโต้เถียงตรงนี้คือประเด็นที่ดีที่สุดของเรื่องควรจะนำเสนอได้มากกว่านั้นอีก แต่คนเขียนบทคงต้องการอยากเล่าเรื่องหักมุมในเวลาต่อมาเท่านั้น เรื่องจึงพลิกกลับมาความลับของหมอนุ่นที่แม้จะหักมุมก็จริง แต่มันไม่ค่อยน่าเชื่อได้สนิทใจนักเมื่อมองถึงความขัดแย้งจากการแต่งงานกับนนท์ ซึ่งบอย ปกรณ์ รับบทสามีที่รักภรรยาทุ่มเทตอนเสียเธอไปจนเหมือนคนบ้า แต่ก็คือสมบบาทกับหน้านิ่งๆ ของเขาครับ ซึ่งช่วงท้ายนี้คือคอนเทนต์ขาย Woke จัดๆ ซึ่งที่จริงควรนำมาเล่าเป็นเนื้อหาหลักแต่แรกเลยจะเข้มข้นได้มากกว่านี้ แต่โดยรวมก็เป็นตอนเปิดที่ทำได้ดีน่าประทับใจอยู่ครับ
เทคโนโยนี
เล่าเรื่องของวงการค้าประเวณีโดยใช้หุ่นเซ็กส์ทอยเพื่อไม่ให้ผิดกฏหมาย โดยเป็นเรื่องของ CEO สาว เจสสิก้า (รับบทโดย วี วิโอเลต) ลูกสาวหญิงขายบริการในเมือง Gamalore เมืองสมมุติที่ตั้งอยู่ในไทย เธอต้องการท้าชนกับสังคมโดยเปิดคลับเซ็กส์โรบอทให้เป็นเรื่องปกติ โดยมี วิธ (รับบทโดย ธามไท) แฟนหนุ่มผู้คลั่งไคล้เซ็กส์คอยทำหน้าที่เสมือนที่ปรึกษาโปรเจกต์นี้ให้กับเธอ
ตอนนี้เนื้อหาดูแล้วน่าจะเจาะลึกท้าทายประเด็นล่อแหลมต่างๆ ในไทยมากที่สุด มีฉากโป๊เปลือยเยอะมาก แต่ว่าบทกลับพยายามเล่นเรื่องล่อแหลมเหล่านี้แบบเสียดสีประชดประชันให้ดูตลก อย่างการทำใบอนุญาตที่ต้องผ่านด่านคนใหญ่คนโตแบบมุดใต้โต๊ะ พิธีกรรายการที่เชิญเธอมาคู่กับป้าหัวอนุรักษ์ หุ่นที่ล้อเลียนการแสดงปิงปองโชว์ โดยธีมฉากในเรื่องก็ไม่ได้เป็นแนวอนาคตล้ำๆ แบบตอนแรก แต่มาในแนวเรโทรเก่าๆ เชยๆ ผสมกับความไฮเทคนิดหน่อยเข้าไปเท่านั้น โดยฉากเรโทรพวกนี้ก็มีเพื่อทำให้เรื่องเข้ากับธีมเสียดสีเป็นตลกร้าย แต่มันกลายเป็นการบั่นทอนเนื้อหาหุ่นเซ็กส์ทอยที่สามารถเล่นขยายเนื้อเรื่องได้มากกว่านั้นเยอะครับ ยกตัวอย่างการเข้ามาแทนที่อาชีพโสเภณีได้จริงๆ แค่ไหน ทำไมต้องเปิดคลับแนวซ่องให้มีปัญหา ไม่ผลิตขายส่งนอกหรือผลิตเข้าอุตสาหกรรมตามบ้านเลยแข่งกับญี่ปุ่นและจีนที่น่าจะเป็นเจ้าตลาดอยู่ก่อนแล้ว บลาๆๆ ซึ่งเรื่องแทบทิ้งไปหมดเหลือเพียงแค่ความต้องการเสียดสีความเก่าคร่ำครึของสังคมไทยมือถือสากปากถือศีลเท่านั้นครับ
ตัวเรื่องยังพยายามซ่อนปมเบื้องหลังของตัวเจสสิก้าไว้ ซึ่งมาเฉลยเอาตอนจบเป็นปมในใจที่ทำให้เธอต้องผลิตหุ่นพวกนี้ออกมา แต่มันมาเพื่อเป็นตอนจบเรื่องไปเฉยๆ ก็เลยไม่ได้มีพลังผลักดันให้คนตระหนักคิดถึงปัญหานี้มากนัก (จริงๆ เนื้อหาตรงนี้ควรหยิบมาเล่นเป็นเรื่องหลักมากกว่าด้วย)
โดยรวมก็ถือว่าพอดูสนุกได้โดยเฉพาะคนที่ชอบแนวเสียดสังคมไทยครับ
ศาสดาต้า
ศาสนาพุทธต้องพบกับการดิสรัปครั้งใหญ่ เมื่อมีบริษัทผลิตอุปกรณ์ AI ที่ช่วยสอนธรรมะได้ติดตัวโดยไม่ต้องพึ่งพระ แถมยังมีผลบุญตอบแทนให้ใช้ได้ทันที ทำให้พระไทยเกิดวิกฤตทันที แต่พระอเนก (รับบทโดยเร แม็คโดแนลด์) พระผู้เชื่อในศาสนาแบบดั้งเดิม และเชื่อว่า AI ไม่สามารถแยกถูกผิดได้อย่างชัดเจนเสมอไป
ตอนนี้คือตอนที่ดีสุดของซีรีส์ชุดนี้แล้ว ดีซะจนผู้เขียนรู้สึกเสียดายที่เอามาทำเป็นแค่หนังสั้นแบบนี้ ทั้งๆ ที่มันสามารถขยายโลกในเรื่องไปได้มากมายจนเป็นซีรีส์ยาวๆ 6-8 ตอนก็ยังน่าจะได้ เหมือนเป็นสาธุเวอร์ชั่นอนาคต จุดดีที่สุดของตอนนี้คือการจำลองโลกอนาคตของไทยได้อย่างน่าทึ่งมาก ตั้งแต่ฉากเปิดที่พระต้องเดินบิณฑบาตโดยมีหุ่นเด็กวัดคอยเดินตาม โดยที่หุ่นเด็กวัดก็มีเรื่องราวของตัวเองอีก มีจ่าเฉยแบบหุ่นยนต์เดินมาช่วยคนข้ามถนนที่มีโฮโลแกรมกั้นเป็นทางม้าลายแทน แต่ก็ยังมีปัญหาเดิมๆ คือคนไม่เคารพกฏอยู่ดี ซึ่งเรื่องสร้างสังคมไซไฟแบบไทยๆ ได้เด่นชัดมากกว่าตอนอื่นมาก แม้แต่การออกแบบอุปกรณ์ AI ที่เรียกว่าอัลตร้าก็ยังดูเป็นไปได้จริง ด้วยรูปแบบเนคเลสห้อยคอแล้วมีการเชื่อมแบบพระเครื่องเข้าไปเวลาใช้งานก็เป็นโฮโลแกรมฉายขึ้นมาเหนือหัว ซึ่งการออกแบบโลกในตอนนี้ดูล้ำ แต่ก็ผสมกับความเป็นไปได้จริงแบบไทยๆ ด้วย
ตัวเนื้อเรื่องเองก็ลึกล้ำ เมื่อเรื่องเล่าถึงปัญหาพระถูกดิสรัปอย่างรุนแรงจากอุปกรณ์ AI ที่ชื่อว่าอัลตร้า ซึ่งคนก็นิยมซื้อหามาใช้กันหมดแม้แต่วัยรุ่น สังคมไทยกลายเป็นพวกบ้าสะสมบุญกันไปหมด ซึ่งพระอเนกก็เจอปัญหานี้ด้วย และไม่รู้จะหาทางออกยังไงเมื่อไม่มีคนทำบุญหรือสนใจฟังพระเลย โดยเรื่องให้เขามีปมในใจซ่อนอยู่ว่าทำไมถึงมาเป็นพระทั้งๆ ที่ก่อนนี้เป็นพนักงานเขียนโค๊ดระดับหัวกะทิของบริษัทไอทีใหญ่ที่กำลังเข้าตลาดหุ้น แล้วก็นำจุดนี้มาวกกลับใช้ในตอนหลังเป็นแนวธุรกิจต่อสู้กันตรงๆ กับอัลต้า โดยบทเขียนเนื้อหาลงลึกถึงปัญหาวงการสงฆ์กันตรงๆ ทุกอย่างแล้วหยิบเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้หมดไป โดยที่ยังมีเรื่องราวการทำธุรกิจสะสมบุญที่ลึกกว่าแค่ดิสรัปพระ แต่ดำดิ่งมีบอสวายร้ายตัวใหญ่ห้ำหั่นทางธุรกิจใหญ่โตเลย ซึ่งบอกเลยเสียดายมากๆ ว่าเอามาทำแค่ตอนเดียวแบบนี้ครับ
การแสดงของเร แม็คโดแนลด์ในบทพระเองก็ยอดเยี่ยมมาก เรเล่นได้เหมือนพระที่มีปมในใจสะกดคนดูไว้ได้ตลอด ก่อนที่เนื้อเรื่องตอนหลังจะทำให้เขาค้นพบทางออกด้วยการต่อสู้กับอัลตร้า ซึ่งก็หลุดมาเป็นอีกตัวตน โดยมี อะตอม (รับบทโดยเผือก พงศธร) มารับบทผู้ช่วยพระเอก+กับเป็นตัวยิงมุกตลกโจ๊กเล็กๆ ประกอบเรื่องครับ
สรุปนี่คือตอนที่ดีมากทั้งเนื้อหาเรื่องราวประเด็นต่างๆ จนห้ามพลาดเลยครับ
เด็กหญิงปลาหมึก
เล่าเรื่องสังคมเล็กๆ ในสลัมคลองเคยใหม่ โดยมีฉากปัญหาฝนตกไม่หยุดจากโลกร้อนทำให้น้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอเมริกากำลังผลิตวัคซีนใหม่มาแก้ปัญหาให้มนุษย์ชาติ เพียงแต่วัคซีนนี้มีผลกระทบทำให้คางมีหนวดปลาหมึกงอกออกมา!
ตอนที่แย่สุดๆ ไม่ใช่แค่ของซีรีส์เท่านั้น แต่แย่มากถ้าแยกออกไปเป็นเรื่องเดี่ยวก็คงไม่ถูกอนุมัติสามารถสร้างออกมาได้ด้วย ด้วยบทที่เขียนขึ้นมาเพื่อแค่ต้องการหาเรื่องล้อเลียนเสียดสีหลอกด่าลุงตู่ในยุคโควิดกับปัญหาวัคซีนนำเข้า ซึ่งมันก็เก่ามากแล้วจนไม่รู้จะหยิบมาทำเป็นตลกบ้าๆ บอๆ ทำไมอีก โดยมุกก็โคตรไร้สาระมากอย่างฉากถีบหน้าลุงตู่ที่เห็นในโลกออนไลน์ชอบใช้กันก็ยังหยิบมาเล่นเป็นตลกสามช่าอีก แถมเนื้อหาของตอนนี้แทบไม่มีการลงลึกในเรื่องปัญหาโลกร้อนอะไรเลย นอกจากฉากเปิดที่บอกว่าฝนตกทั่วโลก กรุงเทพต้องยกเมืองขึ้นมา 2 ชั้น แต่ก็เหมือนถ่ายกันชั้นเดียวมีน้ำท่วมขังข้างทางนั่นแหละ ฉากไซไฟในเรื่องแทบไม่มีอะไรให้เห็น หลายอย่างที่ใส่ไปก็เปะปะมากจนไม่รู้จะใส่มาทำไมให้เหมือนซิตคอมไทยๆ อย่างแมวหนูกลายพันธ์ที่มาโผล่ให้เป็นมุกตลกแค่นั้นแล้วก็ไป
ตัวเรื่องก็ยังเน้นเล่าเรื่องเด็กสองคนที่คนหนึ่งเป็นแนวตลกอยู่แล้ว แตงกวา ชนัญธิชา ที่เล่นบทหน้าเด๋อๆ ด๋าๆ แบบเดิมมาตลอด อีกคนคือตัวเอกของเรื่อง เด็กที่ร้องเพลงเพราะจนลุงตู่ในเรื่องนี้หันมาสนใจสังคมสลัมคลองเตยเล็กๆ นี้ ซึ่งบทของทั้งคู่ก็แทบไม่มีเนื้อหาสาระอะไรกับแนวไซไฟเลยทั้งสิ้น มีแค่ตอนจบที่คนเขียนบทต้องการจะหักมุมเสียดสีตอนจบของโลกเท่านั้นครับ
สรุปเป็นตอนที่แย่ทุกอย่างมากจนไม่แนะนำให้ต้องเปิดดูเลยจะดีกว่าครับ