รีวิว Unfrosted ศึกป๊อบทาร์ต (Netflix) ตลกฝืดสุดๆ กับหนังขายวงการธุรกิจอาหารเช้าอเมริกา
Unfrosted
Summary
หนังจากนักแสดงตลกอเมริกาที่แย่สุดๆ ในทุกทาง ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ขนม Pop-Tarts ที่เอามาเล่นแบบมั่วซั่วเละเทะมาก การต่อสู้ทางธุรกิจที่มีแต่มุกตลกฝืดๆ นักแสดงมีชื่อเสียงก็ไม่ได้ช่วยหนังได้เลย จัดเกรดว่าเป็นหนังขยะของ Netflix เลยก็ว่าได้ครับ
Overall
1/10User Review
( vote)Pros
- ประวัติศาสตร์ขนม Pop-Tarts
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทมั่วเละเทะมาก
- นักแสดงมีชื่อ แต่บทแย่
- ไม่ตลกเลย (โดยไม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหาร)
Unfrosted ศึกป๊อบทาร์ต ภาพยนตร์ Original Netflix เรื่องราวในปี 1963 คู่แข่งทางธุรกิจอย่างเคลล็อกก์และโพสต์แข่งขันกันสร้างขนมปังกรอบที่อาจจะเปลี่ยนแปลงมื้ออาหารเช้าอเมริกาไปตลอดกาล
รีวิว Unfrosted ศึกป๊อบทาร์ต
หนังจาก Jerry Seinfeld ที่เป็นดาราตลกและ Standup comedian (เดี่ยวไมโครโฟน) ที่โด่งดังคนหนึ่งของอเมริกา ได้ลงมากำกับและเขียนบทหนังเรื่องแรก ซึ่งก็เอาเนื้อเรื่องของการกำเนิด Pop-Tarts ขนมปังแผ่นอาหารเช้าของเด็กๆ ในอเมริกามาเป็นเค้าโครงเรื่องบางส่วน แล้วก็แต่งเติมเรื่องเข้าไปให้มันดูกาวแบบมั่วๆ มาก อย่าง การเอาคอมพิวเตอร์หน้าตาประหลาดๆ ไลฟ์โค้ชออกกำลังกาย คนทำจักรยานมาช่วยสร้างอาหารเช้านี้ หรือการใส่เรื่องให้มีการสืบความลับคู่แข่งโดยใช้ภารโรงติดกล้องไว้ที่ไม้ม็อบ สืบจากเด็กที่ลงไปคุ้ยขยะทิ้งแล้วของอีกฝ่ายมากิน ซึ่งไอเดียเพี้ยนๆ เหล่านี้ก็หาความตลกไม่ได้เลยสักนิด โดยที่ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราไม่เข้าถึงวัฒนธรรมอาหารเช้าอเมริกาเลยด้วย โดยที่ดูเอาเนื้อหาทางการแข่งขันธุรกิจก็ไม่ได้สาระความจริงอะไรเลยอีกด้วย
นอกจากนี้แล้วการพยายามรวมดารารุ่นใหญ่หลายคนมาเล่น อย่าง ฮิว แกรนต์ คริสเตียน สเลเตอร์ ก็เหมือนการขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะบทที่ให้ดาราพวกนี้ก็เป็นแค่ตัวประกอบสมทบเรื่องที่ไม่ได้มีสาระหรือสำคัญกับเรื่องเลย อย่าง ฮิว แกรนต์เล่นเป็นมาสคอตเสือบนกล่องที่พยายามจัดม็อบประท้วงบริษัท ก็เป็นแค่ตัวป่วนที่ออกมาบางฉากเท่านั้น หรือแม้แต่ Jerry Seinfeld ในบทตัวเอกที่คิดขนมปังนี้ก็ไม่ได้รู้สึกถึงบทและเอกลักษณ์ของตัวเองเขาเองเลย เทียบกับเดี่ยวไมโครโฟนคนอื่นที่มาทำหนังใน Netflix อย่าง Kevin Hart กับ Bill Burr นี่ยิ่งห่างชั้นกันมาก เด็กสองคนที่คุ้ยขยะกินในเรื่องยังมีบทและการแสดงที่เด่นกว่าอีก
สรุปเป็นหนังจากนักแสดงตลกอเมริกาที่แย่สุดๆ ในทุกทาง ทั้งเรื่องประวัติศาสตร์ขนม Pop-Tarts ที่เอามาเล่นแบบมั่วซั่วเละเทะมาก การต่อสู้ทางธุรกิจที่มีแต่มุกตลกฝืดๆ นักแสดงมีชื่อเสียงก็ไม่ได้ช่วยหนังได้เลย จัดเกรดว่าเป็นหนังขยะของ Netflix เลยก็ว่าได้ครับ