playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Warriors of Future โหมกระหน่ำอัดแน่นแอ็กชั่น CG จนลืมเขียนบทดีๆ ใส่ลงไปด้วย (ไม่สปอยล์)

Warriors of Future

Summary

เป็นหนังที่พอดูเอามันส์จากฉากแอ็กชั่นเน้น CG ที่ยัดโหมกระหน่ำมาทั้งเรื่องได้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าดีมากอะไรนัก แล้วยิ่งมาเจอบทที่เอาง่ายเข้าขั้นแย่ก็ทำให้เรื่องนี้ดูจบแบบหัวโล่งจบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรน่าประทับใจถึงขั้นให้แนะนำชวนดูได้สักเท่าไหร่ครับ 

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • อัดฉากแอ็กชั่นเน้น CG กันทั้งเรื่อง
  • งานสร้างลงโรงของฮ่องกงทุน 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • CG อยู่ในขั้นดี
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตัวละครน่ารำคาญและลุคไม่ได้ไม่เหมือนทหารแทบทั้งเรื่อง
  • ยัดเยียดฉากดราม่าของเด็กเข้ามาผิดที่ผิดเวลา
  • บทเน้นเล่าง่ายๆ ไม่มีรายละเอียดรองรับให้น่าเชื่อถือ
  • CG ครึ่งแรกสู้กับเอเลี่ยนดูเป็นคัทซีนเกมมาก
  • กล้องเหวี่ยงไปมาไวหลายฉากจนดูมึนๆ

ADBRO

Warriors of Future หนังแอ็กชั่นไซไฟจากโรงฉายฮ่องกงมาลง Netflix  เมื่ออุกกาบาตยักษ์นำมาซึ่งเถาวัลย์ที่มีอานุภาพในการทำลายล้างมวลมนุษยชาติ กองกำลังพิเศษ ผู้เป็นความหวังแห่งอนาคต จึงถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อทำภารกิจแข่งกับเวลาในการกู้โลก

 Warriors of Future (2022) on IMDb

รีวิว Warriors of Future (ไม่สปอยล์)

หนังแอ็คชั่นไซไฟทุนสร้าง 45 ล้านเหรียญสหรัฐของฮ่องกงที่ฉายโรงบ้านเขาตอนเดือนสิงหาคมปี 2022 กำกับโดยนักทำวิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ Ng Yuen-fai เป็นการกำกับเรื่องแรกของเขา ซึ่งก็ทำให้หนังเรื่องนี้เน้นหนักไปจุดขายฉากไซไฟเต็มกระหน่ำทั้งเรื่อง แทบไม่มีฉากไหนเลยที่ไม่พึ่ง CG ซึ่งผลงานที่ออกมาก็นับว่าดีใช้ได้ แต่ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครึ่งแรกกับครึ่งหลังว่ามีความต่างกันมากพอสมควร

ครึ่งแรกตัวเรื่องพยายามขายแนวหน่วยทหารใส่ชุดรบในอนาคตสู้กับเอเลี่ยนที่นอกจากจะมีต้นไม้ยักษ์ที่เป็นตัวหลักของเรื่อง ก็ยังมีพวกเอเลี่ยนสัตว์ประหลาดที่วิ่งเพ่นพ่านในตึกร้างแถวนั้นด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้บอกเลยว่าดูแล้วค่อนข้างหลอกตาเป็น CG แบบพวกคัทซีนเกมมากกว่า มีความลอยๆ เน้นสู้เร็วๆ กล้องเหวี่ยงไปมากลบรายละเอียด CG จนดูแล้วมึนๆ ชวนอ๊วก แล้วการออกแบบสัตว์ประหลาดในเรื่องก็จีนมาก การเคลื่อนไหวเหมือนหมาล่าเนื้อปราดเปรียว แต่ตัวเป็นแนวแมลง ลายบนตัวออกจีนๆ เหมือนจะให้ดูเป็นลายแบบมังกรหรือสัตว์ในเทพนิยายจีนอะไรเทือกนั้น ซึ่งมันไม่ค่อยเข้ากันเลย แล้วก็ยังไม่มีที่มาที่ไปอะไร เหมือนตั้งใจยัดมาให้มีฉากแอ็กชั่นฟัดกับเอเลี่ยนเท่านั้น

ครึ่งหลังฉากแอ็กชั่นหันไปสู้กับหุ่นยนต์ทหารที่ออกไล่ล่าพวกพระเอก ซึ่งพอตัดความเป็นสัตว์ประหลาดเอเลี่ยนออกไป CG ที่ดูแบบเกมจ๋ามากในตอนแรกกลับดูดีขึ้นมาก มีโชว์ฟังก์ชั่นสู้รบของชุดเกราะทหาร การเก็บรายละเอียดของชุดกับหุ่นก็สวยสมจริง แต่ฉากต่อสู้ยังคงมีความเร็วเหวี่ยงกล้องไปมา มีการปะทะต่อยเตะตัวๆ กับหุ่น เหมือนหนังบู๊ที่คนใส่เกราะชกกับหุ่นกันดุ้นๆ รวมถึงฉากขับรถหนีหุ่นยักษ์ไล่ล่ายาวนานที่ทำออกมาสนุกตื่นเต้นเลย เรียกว่าจากที่ครึ่งแรกดูแล้วน่าเบื่อจะหลับ มาครึ่งหลังนี่ปลุกให้ตื่นตาดูได้จนจบสบายๆ เลย

แต่ถึงตัว CG จุดขายของเรื่องจะทำได้ดีน่าชื่นชม แต่บทกลับเข้าขั้นแย่ในหลายๆ อย่าง ตั้งแต่พล็อตเรื่องที่ลวกๆ ง่ายๆ แค่ทีมพระเอกต้องฉีดไวรัสเข้าแม่ของพืชต่างดาวให้ได้ ซึ่งก็เปิดมาแบบเล่าเกริ่นเรื่องในยุคนั้นสั้นๆ แล้วก็เข้าภารกิจเลย ดูเหมือนไวทันใจดีก็ใช่ แต่มันกลับไม่ได้ให้รายละเอียดที่ทำให้ดูแล้วน่าเชื่อถือเลยว่าทำอย่างนี้ๆ จะช่วยโลกไว้ได้ ตัวเรื่องก็พยายามยัดเยียดดราม่าเด็กน้อยกำพร้าแม่ที่เจอระหว่างทำภารกิจให้พระเอกนึกถึงลูกสาวตัวเอง แล้วก็หาเรื่องตัดซีนบิ้วให้เศร้านึกถึงเด็กเป็นช่วงๆ ระหว่างเจอเรื่องคับขัน ซึ่งมันไม่เข้ากันเลยจริงๆ นอกจากนี้ยังมีทหารหนุ่มทะเลาะกับแฟนตามมาในภารกิจกู้โลก แต่กลับทำตัวงี่เง่าปอดแหกเป็นภาระตลอดเรื่อง หน้าตาลุคก็ไม่เข้ากับความเป็นทหาร เหมือนบทจงใจยัดมาให้คนดูรำคาญ เพื่อจะให้เขามีซีนเป็นฮีโร่นิดๆ ท้ายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ และยิ่งตัวละครทหารหญิงที่เป็นคนคุมภารกิจนี่ยิ่งลุคไม่ได้ การแสดงไม่ผ่านเลยดูแข็งๆ ซึ่งแสดงโดย Carina Lau เป็นโปรดิวเซอร์เรื่องนี้ด้วย

ส่วนตัวเอกของเรื่อง 3 คนก็พยายามทำให้มีปมดราม่าปูมหลังที่ว่าทั้ง 3 คนสนิทกันมานานแต่ต้องมาทะเลาะแตกคอกัน แต่ได้กลับมาร่วมภาระกิจกู้โลกที่ช่วยประสานรอยร้าวความสัมพันธ์ให้กลับมา ซึ่งก็เหมือนใส่มางั้นๆ แถมยังออกแนวตลกซะมากกว่าเมื่อต้องนั่งทะเลาะกันในช่วงคับขันชี้ชะตาโลกแบบนี้

โดยรวมก็ถือเป็นหนังที่พอดูเอามันส์จากฉากแอ็กชั่นที่ยัดโหมกระหน่ำมาทั้งเรื่องได้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดว่าดีมากอะไรนัก แล้วยิ่งมาเจอบทที่เอาง่ายเข้าขั้นแย่ก็ทำให้เรื่องนี้ดูจบแบบหัวโล่งจบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรน่าประทับใจถึงขั้นให้แนะนำชวนดูได้สักเท่าไหร่ครับ 

ปล.เอนเครดิตมีทิ้งท้ายเป็นภารกิจใหม่เผื่อทำต่อได้อีก

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!