รีวิว Windfall ระทึกขวัญทุนต่ำเล่นกันแค่ 3 คนด้วยสไตล์ฮิตช์ค็อก (ไม่มีสปอยล์)
Windfall
สรุป
หนังที่ตั้งใจสร้างในสไตล์ระทึกขวัญแบบฮิตช์ค็อก อาจจะราบเรียบในการดำเนินเรื่อง ด้วยตัวแสดงเพียงแค่ 3 คนกับเรื่องราวพื้นๆ ไม่หวือหวา แต่สร้างความน่าติดตามให้คนดูอดทนรอดูเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ ได้ดี พร้อมกับตอนจบที่พาให้ผู้ชมอึ้งคาดไม่ถึงได้เลยเหมือนกัน
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- ใช้สไตล์ระทึกขวัญแบบฮิตช์ค็อก
- เล่นกันทั้งเรื่องด้วยตัวหลัก 3 คน
- ผู้กำกับ ดารานำ เขียนบทคนเดียวกัน
- ความสวยของ ลิลลี่ คอลลินส์
- ตอนจบที่ชวนอึ้ง
- มีพากย์ไทย
Cons
- สไตล์ฮิตช์ค็อกทำให้ดูเหมือนหนังเก่า คนดูปัจจุบันอาจจะไม่ชอบ
- การดำเนินเรื่องที่ราบเรียบค่อยๆ ไปอาจจะไม่เหมาะกับคนดูใจร้อน
- ตอนจบอาจจะดูเข้าใจเหตุผลของตัวละครยากสักนิด
Windfall ภาพยนตร์ Netflix แนวระทึกขวัญ เรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวที่เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของพวกเขา ก่อนพบว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในบ้านก่อนแล้ว
ภาพยนตร์ความยาว 1 ชั่วโมงครึ่ง มีเสียงพากย์ไทย
ตัวอย่าง Windfall
ภาพยนตร์เรื่องนี้เขียนบท กำกับ แสดงนำโดย ชาร์ลี แมคโดเวลล์ ควบ 3 ตำแหน่ง และพ่วงด้วยผู้เขียนบท Se7en (แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์) ซึ่งตรงนี้เป็นตัวคำโปรยโปรโมทอยู่บนตัวอย่างเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นเครดิตให้พอเชื่อใจได้ว่านี่ไม่ใช่หนังทุนต่ำโนเนมของเน็ตฟลิกซ์ เพราะทั้งเรื่องจะมีตัวละครหลักกันอยู่แค่ 3 คน กับสถานที่เดียวทั้งเรื่อง นอกจากนั้นตัวเรื่องยังนำเสนอแนวระทึกขวัญแบบของสไตล์ฮิตช์ค็อก ซึ่งทำให้ตัวเรื่องมีความลึกลับกดดันมากยิ่งขึ้น
เนื้อเรื่องดำเนินไปแบบง่ายๆ โดยมีคู่รักสามีภรรยาเศรษฐีสองคนมาพักที่บ้านพักตากอากาศ แต่แล้วก็เจอกับชายแปลกหน้าที่หลบอาศัยอยู่ในบ้านก่อนแล้ว ซึ่งเรื่องราวจะดำเนินไปแบบเหมือนการจับตัวประกันเรียกร้องเอาเงิน ซึ่งอาจจะงงว่าเล่นกันอยู่ 3 คนทั้งเรื่องจะทำยังไง แต่บทก็หาทางให้เรื่องราวในวงจำกัดนี้มันไปได้เรื่อยๆ แม้แรกๆ อาจจะข้องใจนิดๆ ว่าทำไมสองคนนั้นไม่ยอมต่อสู้ แต่ตัวเรื่องจะค่อยๆ เฉลยในเวลาต่อมาว่าทำไม แล้วก็ค่อยๆ เข้าถึงปมต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ อย่างชายแปลกหน้าลึกลับนี่คือใคร เขามาจากไหน สองคู่รักนี้จริงๆ แล้วเป็นไง โดยทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นผ่านบทสนทนาในระหว่างที่ทั้งคู่ถูกจับเป็นตัวประกัน และเป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็นจริงๆ ไม่มีการเล่าอะไรออกมาทั้งหมด ผู้ชมต้องค่อยๆ ปะติดปะต่อให้เข้าใจเอง และถึงแม้จะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็จะพอคาดเดาแบ็คกราวด์ของทั้ง 2 ได้ประมาณหนึ่ง ซึ่งตัวเรื่องก็ไม่ได้ต้องการให้คนดูรู้ทั้งหมด เพราะสุดท้ายแล้วจะไปเฉลยในตอนจบของเรื่องว่าแต่ละคนเป็นใครอย่างไรกันแน่กับสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้
ด้วยความตั้งใจใช้สไตล์ฮิตช์ค็อกในการเล่าเรื่อ การงถ่ายทำมุมกล้อง โทนภาพ ดนตรีประกอบ ทุกอย่างจึงดูเหมือนหนังเก่าย้อนยุค แต่เรื่องราวไม่ได้ย้อนยุคไปตามเพราะมีมือถือ มีอินเตอร์เน็ต มีโน๊ตบุ๊ค กล้องวงจรปิด อยู่ในเรื่องครบ โดยการใช้สไตล์นี้ดำเนินเรื่องก็ลงตัวกับเรื่องราวอารมณ์ความกดดันที่เกิดขึ้นแบบเงียบๆ ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นทีละนิด ผู้ชมไม่สามารถเดาเรื่องราวต่อไปได้เลยว่าจะเกิดอะไร และอยู่ๆ ก็จะมีอะไรบางอย่างแทรกมาให้เป็นจุดพีคคั่นแบบคาดไม่ถึง ซึ่งถือว่าเรื่องนี้ทำสำเร็จ แม้ตัวภาพยนตร์กับเรื่องราวอาจจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่ก็สามารถพาให้ผู้ชมอดทนดูจนจบเพราะอยากรู้บทสรุปของเรื่องได้แน่ๆ แม้อาจจะมีคนทนไม่ไหวกับสไตล์การดำเนินเรื่องแบบเงียบๆ เนิบๆ ของฮิตซ์ค็อกก็ตาม ยังไงก็ต้องอยากรู้ตอนจบของเรื่องนี้แน่นอน และมันก็เป็นตอนจบที่ถือว่าคาดเดาไม่ได้ เกินกว่าที่คิดมาก แม้ในเรื่องความสมเหตุผลอาจจะมีสงสัยอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นไปได้แน่ๆ ถ้าคิดถึงในโลกแห่งความจริงที่เกิดขึ้นเมื่อทุกคนต่างหาผลประโยชน์จากกันและกัน และต้องเอาตัวรอดในสังคมที่ชนชั้นฐานะบีบคั้นกันขึ้นเรื่อยๆ อย่างทุกวันนี้
นักแสดงหลักทั้ง 3 คน คือเล่นโดยไม่มีชื่อตัวละครทั้ง 3 คน ลิลลี่ คอลลินส์ จากซีรีส์ Emily in Paris ก็สวยสมบทบาทภรรยาของเศรษฐีในเรื่องที่เล่นโดย เจสซี่ เพลมอนส์ โดยความสวยของเธอเป็นตัวขับเคลื่อนปมเรื่องราวอย่างหนึ่งในแง่ที่ว่าสาวสวยคนนี้แต่งงานกับเศรษฐีคนนี้เพราะอะไร ซึ่งแม้เรื่องจะไม่ถึงกับบอกออกมาตรงๆ แต่คนดูก็พอจะเข้าใจตรงจุดนี้ได้ โดยผ่านการซักถามของตัวเอกชายปริศนาที่จับตัวช่มขู่พวกเขาไว้ ซึ่งนักแสดงอย่างชาร์ลีต้องเล่นควบ 3 หน้าที่ในเรื่องนี้ถือว่าทำได้อย่างดีเยี่ยมเลย
สรุป Windfall สนุกและดีไหม
เป็นหนังที่ราบเรียบในการดำเนินเรื่อง สนุกในแบบที่ตัวหนังต้องการให้เป็นแบบฮิตช์ค็อก แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้ชมวงกว้างนัก แต่นี่คือหนังทุนต่ำจำกัดตัวละครที่เขียนบทมาดีเลย ควรค่าแก่การดู