playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว XO Kitty ซีรีส์รักวัยรุ่นที่ฟิวชั่นสไตล์อเมริกันผสมเกาหลีได้อย่างลงตัวสวยงามมาก (ไม่มีสปอยล์)

XO Kitty

Summary

โดยรวมนี่คือซีรีส์วัยรุ่นอเมริกา+เกาหลีใต้ที่ถูกปรุงผสมฟิวชั่นกันมาอย่างดี เป็นแนว Coming of age มากกว่าแนวรักใสๆ เพียงอย่างเดียว เรียกว่าเป็นเรื่องแรกของวงการเลยก็ได้ที่มีส่วนผสมแบบนี้ และก็กล้ายกระดับซีรีส์วัยรุ่นเกาหลีใต้ขึ้นมาอีกระดับ ด้วยประเด็นเรื่องเพศสภาพสมัยใหม่ทั้งชายและหญิง LGTBQ ที่บททำออกมาได้ดี ภาพลักษณ์ออกมาใสๆ ไม่ติดเรตจนเกินไป รวมถึงใส่ฉากโรแมนติกสูตรสำเร็จหวานๆ ไว้เต็มทั้งเรื่อง จากหลายคู่รักที่สลับวนไปมาสไตล์ฝรั่ง ผู้ชมเกาหลีอาจจะไม่ชิน แต่ก็ทำให้ความรักในเรื่องนี้คาดเดาไม่ได้เลยว่าใครจะลงเอยกับใครจนนาทีสุดท้ายของเรื่อง นอกจากนั้นยังมีซับพล็อตความลับของครอบครัวนางเอกที่ผูกปมซับซ้อนสไลต์เกาหลีไว้อีกชั้นด้วย ซึ่งแม้จะดูน้ำเน่า แต่กลับเป็นอะไรที่ลงตัวอย่างมาก รวมถึงนักแสดงทุกคนก็มีเสน่ห์สวยหล่อออร่าจับ โดยเฉพาะความสามารถนักแสดงเกาหลีที่ต้องต้องพูด 2 ภาษาอังกฤษสลับเกาหลีไปมาตลอดทั้งเรื่องทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก แนะนำเลยว่าห้ามพลาด แม้คุณจะไม่ใช่ผู้ชมทาเก็ตแนวนี้ก็อาจจะหลงรักเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวรักวัยรุ่นอเมริกาผสมเกาหลีที่ผสมกันได้ลงตัวกลมกล่อมมาก
  • บทมีความลึกผูกเรื่องซับซ้อน
  • ฉากโรแมนติกสไตล์เกาหลีเยอะ
  • เล่นประเด็น LGTB ได้อย่างกล้าหาญ
  • นักแสดงวัยรุ่นสวยหล่อมากทั้งเรื่อง
  • ตัวละครพูดอังกฤษสลับเกาหลีลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ผู้ชมสายเกาหลีที่ชอบสูตรเดิมๆ อาจจะผิดหวัง
  • ยังไม่ถึงกับมีฉากติดเรตแบบฝรั่ง

ADBRO

XO Kitty ด้วยรัก จากคิตตี้ ซีรีส์ Netflix แนวรักวัยรุ่น 10 ตอนจบ ตอนละ 30 นาที เป็นสปินออฟจากภาพยนตร์ชุด “แด่ชายทุกคนที่ฉันเคยรัก (To All the Boys I’ve Loved Before) เริ่มเรื่องราวครั้งใหม่ ด้วยตัวละครลูกครึ่งอเมริกันเกาหลี “คิตตี้ ซอง คัฟวี่ย์” ที่กลับมาพร้อมการผจญภัยครั้งใหม่ในโรงเรียนนานาชาติชื่อดังของกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ เพื่อมาพบกับความรักทางไกลที่รอมาแสนนาน แต่ก็ได้รู้ว่าความสัมพันธ์นั้นสลับซับซ้อนกว่าที่คิดไว้มาก

XO, Kitty (2023) on IMDb

รีวิว XO Kitty

ซีรีส์วัยรุ่นฝรั่ง+เกาหลี ฟิวชั่นรวมไว้ในเรื่องเดียวกัน ซึ่งก็น่าจะมาจากความพยายามเจาะตลาดเกาหลีใต้ให้หันมารับชมซีรีส์ฝรั่งกันบ้าง งานนี้ก็เลยต้องย้ายโลเกชั่นไปอยู่ในโรงเรียนนานาชาติกรุงโซล รวมดาราหลายเชื้อชาติโดยเรื่องราวฟิวชั่นกันทั้งสองฝั่งได้อย่างลงตัวเกินคาด

ก่อนอื่นผู้ชมต้องรู้ก่อนว่าเรื่องนี้ทำมาจากหนังชุด 3 ภาคจบของ Netflix ในชื่อ  To All The Boys I’ve Love Before (ภาค 1) To All The Boys : PS. I Still Love You (ภาค 2) และ To All The Boys : Always and Forever (ภาค 3) โดยเรื่องนี้เป็นสปินออฟแยกออกมา ผู้สร้างคนเดิม โดยใช้ตัวละครที่ชื่อ Kitty น้องสาวของนางเอกในเรื่องนั้น และเป็นนักแสดงคนเดิม Anna Cathcart แต่ผู้ชมไม่จำเป็นต้องดูทั้ง 3 ภาคนั้นก่อนก็ได้ เพราะเรื่องราวของ Kiity จะเป็นการเริ่มเรื่องใหม่กับตัวละครใหม่เกือบทั้งหมดที่เกาหลีใต้ มีเพียงแค่ช่วงเปิดเรื่องเท่านั้นที่อยู่อเมริกา และก็ลัดฟ้ามาเกาหลีใต้ทันที 

ด้วยความที่เรื่องนี้เริ่มต้นใหม่ เนื้อเรื่องของหนังที่ดรอปลงในภาคหลังๆ จึงไม่มีผลกับเรื่องราวในเรื่องนี้เลย และก็ไม่ได้นำมาเชื่อมโยงอะไรกันทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นการรีเฟรชเรื่องราวสดใหม่กับตัวละครวัยรุ่นใสๆ หลายเชื้อชาติ แต่หลักๆ  ก็คืออเมริกากับเกาหลี ซึ่งเป็นการคัดเลือกนักแสดงได้อย่างมีคุณภาพมาก เพราะตัวละครในเรื่องที่เป็นเกาหลีต้องมีบทพูดภาษาอังกฤษเป็นหลักสลับเกาหลี ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะหานักแสดงมาเล่นให้พูดได้เป็นธรรมชาติลื่นไหล แต่เรื่องนี้ทำได้อย่างเยี่ยมยอด ไม่มีที่ติ รวมถึงตัวนักแสดงก็ยังคงหน้าตาดี มีเสน่ห์กันทุกคน ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ไปกลุ่มนักแสดงในเรื่องนี้น่าจะดังขึ้นไปอีกหลายเท่าแน่นอนครับ โดยเฉพาะนักแสดงวัยรุ่นชายทั้งหลายที่มีเสน่ห์ออร่าจับกันทุกคน

แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากคือ การผสานรูปแบบซีรีส์วัยรุ่นฝรั่งเข้าไปในโครงสร้างสูตรสำเร็จซีรีส์เกาหลีได้เป็นอย่างดี ส่วนตัวผู้เขียนเป็นแฟนซีรีส์ฝรั่งทุกแนว และก็ดูซีรีส์เกาหลีด้วย แต่แฟนโดยทั่วไปมักจะเลือกฝั่งและไม่อินกับรูปแบบของอีกฝั่ง ยกตัวอย่างซีรีส์ฝรั่งต้องมีเรื่องความรักที่เปลี่ยนคู่ไปมา ความรักหลายเส้ามากๆ หรือฉากปาร์ตี้เมาเหล้าเต้นรำพวกนี้ ซีรีส์เกาหลีจะไม่มีแบบนี้เลย แล้วความรักในซีรีส์เกาหลีคือ พระเอก นางเอก พระรอง บทวางไว้เป็นสูตรสำเร็จตายตัว เน้นฉากโรแมนติกหวานๆ สโลวโมชั่นพระเอกจูบนางเอกแทน ซึ่งเรื่องนี้มีหมดทั้ง 2 อย่าง ไม่มีส่วนไหนขาดหายไปเลย แม้ผู้ชมสายซีรีส์เกาหลีอาจจะไม่ชินกับรูปแบบการเปลี่ยนคู่ไปมาเหมือนพวกโลเลของฝรั่ง แต่บทของเรื่องนี้ก็ถูกเขียนออกมาดีพอจะทำให้ผู้ชมเชื่อและอินตามได้ แถมยังมีความกล้าเล่นเรื่อง LGTB ในแบบที่รับรองว่าเซอร์ไพรซ์มาก ถึงขั้นกรี๊ดถูกใจแน่นอน เรียกว่างานนี้คือการเจาะตลาดผู้ชมกลุ่ม LGTB ในเกาหลีใต้หรือทั่วโลกที่ดูซีรีส์เกาหลีเป็นหลัก ซึ่งอาจจะอยากให้มีแบบนี้มานานแล้วก็ได้ แต่ทำไม่ได้เพราะติดขนบธรรมเนียมเดิมๆ ของเกาหลีใต้ สังคมที่นั่นยังไม่ถึงกับยอมรับเรื่องพวกนี้ได้อย่างที่อื่น โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นเพียงเด็กมัธยมปลายในเรื่องด้วย 

นอกจากนั้นแล้วบทยังถูกเขียนมาในโครงสร้างซีรีส์เกาหลี ที่มักเล่นเรื่องปมครอบครัวในอดีตที่ซับซ้อน ตัวละครที่เราเห็นในตอนแรกดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ จะเริ่มเข้าไปเกี่ยวข้องกับความลับของแม่นางเอก Kitty ที่เคยเรียนอยู่ที่นี่ และผูกเรื่องโยงกันหลายชั้นมาก เป็นการค้นหาชาติกำเนิดของตัวละครที่เหมือนพล็อตหนังน้ำเน่า แต่ลงตัวกับซีรีส์เรื่องนี้อย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ด้วยความที่เรื่องนี้ทันสมัยและแหวกขนบธรรมเนียมเกาหลีไปมาก ผู้ชมที่ตั้งใจมาดูเรื่องราวความรักแบบที่ต้องจบแบบแฮปปี้ก็อาจจะทำใจลำบากสักหน่อย เพราะเน้นเรื่องราวการเติบโตของตัวละคร Kitty ที่มีความรักทางไกลใสๆ กับหนุ่มเกาหลี แต่พอได้มาพบเจอจริงๆ กลับไม่โรแมนติกอย่างที่วาดฝันไว้ แม้จะพยายามสร้างฉากโรแมนติกมากมายให้ผู้ชมได้ฟิน แต่เรื่องราวจริงๆ คือการเติบโตที่ต้องมีความผิดหวัง อกหัก พบรักใหม่ การค้นพบตัวเอง พบทางเดินใหม่ในชีวิต ทั้งความรักและการเรียน รวมถึงเรื่องการเรียนรู้ขนบธรรมเนียมเกาหลีที่นางเอกเป็นเด็กวัยรุ่นฝรั่งที่มักแสดงออกแบบตรงๆ แต่ทางเอเชียไม่ได้ชอบแบบนั้น นี่จึงเป็นซีรีส์ที่เน้นเรื่องราวแบบ Coming of age มากกว่าจะเป็นรักโรแมนติกสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ แต่ก็ยืนยันว่าตอนจบเป็นเรื่องราวที่สวยงามมาก และมีทิ้งท้ายไว้ทำต่อซีซั่นได้อย่างสวยๆ อีกด้วย

 

โดยรวมนี่คือซีรีส์วัยรุ่นอเมริกา+เกาหลีใต้ที่ถูกปรุงผสมฟิวชั่นกันมาอย่างดี เรียกว่าเป็นเรื่องแรกของวงการเลยก็ได้ที่มีส่วนผสมแบบนี้ แนะนำเลยว่าห้ามพลาด แม้คุณจะไม่ใช่ผู้ชมทาเก็ตแนวนี้ก็อาจจะหลงรักเรื่องนี้ไปเลยก็ได้ครับ

 

Including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!