playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว YOU SS4 Part 1 เปลี่ยนแนวสดใหม่จากโจคลั่งรักมาเป็นนักสืบจำเป็น! (ไม่มีสปอยล์)

Summary

เรื่องราวในคราวนี้แตกต่างจาก 3 ซีซั่นก่อนหน้ามาก โดยเปลี่ยนจากธีมสตอล์คเกอร์คลั่งรักแบบเดิมๆ มาเป็นแนวสืบสวนฆาตกรรมในแวดวงไฮโซ สไตล์อากาธาคริสตี้ของอังกฤษ โดยโจกลายมาเป็นนักสืบจำเป็น แต่ก็ยังมีฉากฆาตกรรมกับโรคตกหลุมรักผู้หญิงง่ายแบบเดิมอยู่ แต่เปลี่ยนให้โจไม่คลั่งรัก กลายมาเป็นการปกป้อง เป็นเหมือนการไถ่บาปที่เคยก่อไว้  นางเอกคนใหม่ก็มีความแปลกต่างไปจากภาคก่อนๆ ดี แล้วสิ่งที่ดีคือเรื่องราวตัวคนร้ายถูกเฉลยออกมาเลยในพาร์ท 1 ตอน 5  ไม่ยืดเยื้อไปพาร์ท 2 ตอน 10 อย่างที่เข้าใจ เรื่องราวจึงดำเนินไปค่อนข้างไว จบแบบมีฉากใหญ่เหมือนจบซีซั่นย่อย และเป็นการพลิกแนวทางของเรื่องนี้อีกครั้งที่น่าติดตามต่อมากๆ (พาร์ท 2 มาวันที่ 9 มีนาคม 2566)

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เปลี่ยนแนวมาเป็นสไตล์สืบสวนอังกฤษ
  • โจในลุคใหม่ที่ยังมีกลิ่นไอเดิมๆ อยู่
  • นางเอกคนใหม่มีความแปลก
  • สั้นๆ 5 ตอนจบ
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ความไม่สมเหตุผลแบบเดิมๆ ยังมีอยู่ (แต่ผู้ชมคงไม่สนใจแล้วมั้ง?)

ADBRO

YOU SS4 Part 1 Netflix จุดเริ่มต้นใหม่ในลอนดอน โจสาบานว่าจะฝังอดีตและใช้ชีวิตใหม่ในคราบอาจารย์มหาวิทยาลัยแบบสงบ  แต่เขากลับตกเข้ามาในวังวนฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ ในขณะที่เขาพยายามพิสูจน์ตัวเองช่วยเหลือคนอื่นเป็นการไถ่บาป ความหลงใหลครั้งใหม่ก็เริ่มเข้าครอบงำโจอีกครั้ง

ตัวอย่าง YOU SS4 Part 1

 

รีวิว YOU SS4 Part 1 (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์ที่ปกติมี 10 ตอนมาตลอด แต่คราวนี้ถูกหั่นเป็น 2 พาร์ท พาร์ทละ 5 ตอน โดยพาร์ท 2 จะฉายวันที่ 9 มีนาคม 2566 ซึ่งก็เป็นกลยุทธ์การปล่อยฉายซีรีส์ใหม่ของเน็ตฟลิกซ์เพื่อยืดอายุการดู และการคงสมาชิกไว้ไม่ใช่แค่สมัครมาเพื่อดูเรื่องนี้แล้วก็เลิกไป ซึ่งหลังๆ เน็ตฟลิกซ์มักทำกับเรื่องดังๆ มาหลายเรื่องแล้ว ซึ่งการที่ซีรีส์ถูกถ่ายจนจบแล้วมาหั่นก็เหมือนกั๊กไว้ค้างๆ คาๆ ไม่น่าดูเท่าไหร่ ที่ผ่านมาหลายเรื่องก็เป็นไปแบบนี้ คืออยู่ๆ ก็จบแบบห้วนๆ กลางทาง แต่กับเรื่องนี้เหมือนผู้สร้างตั้งใจทำให้เป็นพาร์ท 1-2 ที่มีสไตล์เรื่องราวแตกต่างกันจริงๆ แล้วก็มีการจบพาร์ทที่เหมือนจบซีซั่นเบาๆ ได้ค่อนข้างดีเลย

เรื่องราวในคราวนี้แตกต่างจาก 3 ซีซั่นก่อนหน้ามาก ด้วยความที่ตัวเรื่องย้ายจากอเมริกามาลอนดอน แล้วก็เป็นการย้ายแบบที่มีเหตุผลลงตัว มีการเอาโลเกชั่นเรื่องราวใหม่มาเล่นให้สอดคล้องกับแนวทางใหม่ โดยที่ตอนแรกเป็นเหมือนช่วงค้างคาเคลียร์เรื่องแม่รี่แอนสาวที่โจปิ๊งตอนจบแล้วหนีมาที่นี่ ซึ่งพาร์ทส่วนนี้ถูกเล่าสั้นๆ แทรกระหว่างการแนะนำตัวตนโจใหม่ที่เป็นอาจารย์สอนวิชาวรรณกรรมในตอนแรก ก่อนที่ตัวเรื่องจะเปลี่ยนธีมสตอล์คเกอร์คลั่งรักแบบเดิมๆ มาเป็นแนวสืบสวนฆาตกรรม โดยเอาเรื่องของอากาธาคริสตี้ที่เป็นนิยายนักสืบฆาตกรรมดังของอังกฤษมาล้อไปกับเรื่องราวนี้ โดยโจต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับเหยื่อฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดกับลูกหลานชนชั้นสูงอังกฤษ โดยที่คนร้ายก็คือหนึ่งในกลุ่มที่โจเข้ามาคลุกคลีด้วย ซึ่งการให้โจที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องเองต้องมารับบทนักสืบตามล่าฆาตกรที่ดึงโจมาเกี่ยวข้อง ทำให้เรื่องราวดูฉีกแปลกใหม่แตกต่างไปจาก 3 ภาคก่อน และยังแตกต่างจากซีรีส์แนวเดียวกันอย่าง Dexter ไปได้อีกด้วย ก็ถือว่าเป็นไอเดียที่พาให้เรื่องนี้สดใหม่ ไม่ซ้ำซากจำเจแบบเดิมๆ ที่แม้จะสนุกอยู่ แต่หลายคนก็เริ่มเบื่อวงจรเรื่องราวชีวิตคลั่งรักแบบเดิมแล้วเหมือนกัน 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าตัวเรื่องจะไปแนวสืบสวนฆาตกรรมทั้งหมด ตัวเรื่องก็ยังหาฉากให้โจกลับมาเป็นฆาตกรได้แบบเดิมได้อยู่อีก และยังโหดแบบจิตๆ ได้เหมือนเดิม รวมถึงฉากฆ่าของฆาตกรคนใหม่ที่โหดพอกัน ทั้งยังเอาชิ้นส่วนศพมาเป็นที่ระลึกไว้ใช้ประโยชน์ในเกมการไล่ของเขากับโจได้อีก

อีกส่วนที่ตัวเรื่องยังคงให้น้ำหนักไว้อยู่ก็คืออาการหลงไหลหญิงสาวของโจ ซึ่งคราวนี้กลายเป็น 1 ในเหยื่อที่คนร้ายหมายปอง ทำให้โจต้องตามมาปกป้องอยู่ห่างๆ เป็นเหมือนการไถ่บาปที่เคยก่อไว้ แต่ก็ตามสูตรคือโจก็แพ้ใจและหลงรักไปจนได้ แต่ตัวเรื่องไม่ได้นำจุดนี้มาใช้เป็นเรื่องราวหลงไหลแบบก่อนๆ แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ว่าโจเปลี่ยนไปแล้ว และเขาจะไม่ให้คนที่ตัวเองหลงรักต้องเข้ามาพัวพันกับอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่กับเขา ทำให้เรื่องราวดูเป็นความรักแบบใหม่ที่โจจริงจังขึ้น ละเอียดรอบคอบขึ้น แต่ทั้งนี้นี่คือเรื่องราวแค่พาร์ท 1 ครึ่งเดียวอยู่ดี

 

ตัวเรื่องถูกดำเนินไปในแนวสืบสวนฆาตกรรมในแวดวงไฮโซ โดยที่ตัวคนร้ายถูกเปิดเผยเฉลยออกมาเลยในตอน 5  ไม่ยืดเยื้อไปตอน 10 อย่างที่เข้าใจ เรื่องราวจึงดำเนินไปค่อนข้างไว และในตอน 5 ก็จบแบบมีฉากใหญ่สำคัญกับเรื่องราว และทำให้ 5 ตอนที่เหลือเรื่องราวจะไม่ใช่แนวสืบสวนอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการต่อสู้กับแผนการร้ายครั้งใหญ่ของคนร้ายที่โจต้องหยุดยั้งให้ได้ ซึ่งนี่จะเป็นการพลิกแนวทางของเรื่องนี้อีกครั้ง ที่น่าติดตามมากๆ ครับ

 

 

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!