playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

ข้อมูลรายละเอียดในเทรลเลอร์ Final Fantasy 7 ของงาน Tokyo Game Show 2019

สำหรับงาน Tokyo game show 2019 เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับคอเกมที่ติดตามข่าวสารวงการเกมมาเป็นระยะๆ จะรู้สึกได้เลยว่าเหล่าเกมเมอร์แทบจะไม่มีโอกาสได้พักหายใจหายคอกันเลยโดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทาง Capcom เองก็ถือฤกษ์เปิดตัว Project resistance อย่างเป็นทางการไปแล้วมาถึงวันนี้กลับเป็นคิวของ Final Fantasy 7 Reamke (FF7 Remake) ซีรีย์เกม RPG ชื่อดังที่หลายสำนักต่างยกให้เป็นหนึ่งในตัวเต็งประจำปี 2020 เลยทีเดียว

FF7 Remake เทรลเลอร์ Tokyo game show 2019

โดยล่าสุดทางทีมผู้พัฒนาได้ปล่อยเทรลเลอร์เสียงพากษ์ภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับอัพเดทรายละเอียดต่างๆ ให้ได้รับชมกันไม่ว่าจะเป็นระบบการต่อสู้ มินิเกม ฉากคัตซีนต่างๆ ซึ่งนอกจากนี้ทางทีมผู้พัฒนาจะเปิดเผยรายละเอียดในส่วนอื่นๆ ภายในงานโตเกียวเกมโชว์ของปีนี้อีกด้วย

ตัวละครสำคัญที่ปรากฎในเทรลเลอร์ล่าสุด (เรียงตามภาพ)

  • รู้ด สมาชิกกลุ่มเติกส์ ชายหัวล้านที่สวมแว่นกันแดดอยู่ตลอดเวลา (เขาแอบรักทีฟาอยู่ด้วย)
  • เรโน หนุ่มผมแดงคู่หูกับรู้ด ผู้ใช้ไม้กระบองเหล็ก (Baton) เป็นอาวุธคู่กาย
  • เส็ง หัวหน้ากลุ่มเติกส์ ตัวเขาเคยรู้จักกับแอริธและแซคเป็นการส่วนตัวมาก่อน
  • เพรสสิเด้นท์ ชินระ ประธานบริษัทของ ชินระ คัมพานี (ชื่อ “เพรสสิเด้นท์” ที่ปรากฏในเกมเวอร์ชั่นก่อนคือชื่อเจ้าตัวจริงๆ ไม่ใช่ตำแหน่ง)
รู้ด
รู้ด

ADBRO

เรโน FF7 Remake
เรโน เวอร์ชั่น Final Fantasy 7 Remake
เส็ง (Tseng)
President Final fantasy 7 remake
เพรสสิเด้นท์ ชินระ

เหตุการณ์คลาวด์แต่งหญิงเวอร์ชั่นใหม่!

ในเทรลเลอร์เราจะได้เห็นเหตุการณ์ช่วงก่อนคลาวด์แต่งหญิง (ช่วงที่แอริธแต่งชุดสวยจนคลาวด์ตะลึงนั่นแหละ) โดยทางคลาวด์และแอริธต้องไปช่วยทิฟา ที่บุกเข้าไปในคฤหาสน์ของ Don Corneo เจ้าพ่อมาเฟียซ่องนางโลมที่มีอิทธิพลในแถบนั้น แต่คลาวด์ไม่สามารถผ่าเข้าไปได้ แอริธจึงวางแผนให้ คลาวด์ปลอมตัวเป็นผู้หญิงเข้าไปแทน เพราะ Don Corneo ชอบสาวสวย ตรงนี้จะมีมินิเกมเล็กน้อยให้ผู้เล่นได้ตามหาอุปกรณ์แต่งหญิงให้กับคลาวด์ไม่ว่าจะเป็นชุด วิกผม น้ำหอม และอื่นๆ หากหาของดีๆ มาใส่ได้ คลาวด์เวอร์ชั่นหญิงจะถูก Don Corneo เลือกไปขึ้นห้องร่วมเตียงแทนแอริธและทิฟา

Don Corneo
Don Corneo เวอร์ชั่นเก่ากับฉบับ FF7 Remake

เปิดเผยมนต์อสูรประจำช่วงแรกของไฟนอลแฟนตาซีทุกภาคกับท่าโจมตีสุดยอด

ชิวาสายน้ำแข็ง ท่าโจมตีประจำตัว Diamond Dust

มนต์อสูรอิฟริทสายไฟ ท่าโจมตีประจำตัว Inferno หรือ Flames of Hell

Shiva
มนต์อสูรชิวาสายน้ำแข็ง ท่าโจมตีประจำตัว Diamond Dust
อิฟริท
มนต์อสูรไฟ “อิฟริท” กับท่าโจมตีประจำตัว Inferno หรือ Flames of Hell ใ

มนต์กบที่ปกติใช้เสกใส่ศัตรให้กลายเป็นกบทำให้ไม่สามารถโจมตีปกติได้ทุกรูปแบบ (ผลลัพธ์คือพลังโจมตีหายหมด แถมร่ายเวทย์ไม่ได้) แต่คราวนี้คลาวด์ร่ายใส่ตัวเอง เพื่ออะไร?

ฉากส่งท้ายตอนจบเทรลเลอร์ที่ดูเป็นปริศนา แต่คาดว่าเป็นช่วงเหตุการณ์ที่ชินระรู้ที่ตั้งของกลุ่มกบฏเลยให้แผ่นเมืองด้านบนของ Sector 7 ตกใส่เมืองสลัมด้านล่าง กลุ่มพวกตัวเอกหยุดไม่ได้ ทำให้มีคนตายมากมาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงจบใกล้พาร์ทแรกของ FF7 Remake นี้ ตัวเกมยังไม่กำหนดว่าจะทำออกมากี่พาร์ทถึงจบได้ แต่จากในเทรลเลอร์มีการเพิ่มเหตุการณ์ใหม่แทรกเข้าไปหลายจุด ดังนั้นตัวเกมส่วนที่เหลือก็น่าจะถูกขยายออกยาวพอๆ กับเหตุการณ์ที่มิดการ์เช่นกัน

ending FF7 Remake
ฉากสุดท้ายของเทรลเลอร์ Final Fantasy 7 Remake เวอร์ชั่น Tokyo Game Show 2019

สำหรับแฟนๆ เกมโปรดอดใจรอกันสักนิดเพราะกำหนดการวางจำหน่ายเกมอย่างเป็นทางการคือวันที่ 3 มีนาคมของปีหน้า ซึ่งสำหรับใครที่คันไม้คันมือจนไม่รู้จะทำไงก่อนดีก็กดพรีออเดอร์ตามร้านจำหน่ายเกมใกล้บ้าน หรือจะพรีออเดอร์ผ่านทางดิจิตอลก็แล้วแต่สะดวก โดยตัวเกมจะลงให้กับแพล็ตฟอร์ม PS4 ครับผม


จุดเริ่มต้นกับเรื่องราวช่วงแรกของเมืองมิดการ์

ชินระ คัมพานี แรกเริ่มเป็นบริษัทเล็กๆที่ทำการค้นคว้าพัฒนาอาวุธ แต่ภายในหนึ่งชั่วอายุคน ชินระก็ได้กลายเป็นผู้มีอำนาจทางการเมืองระดับโลกเพราะว่าการค้นพบพลังงานมาโกะ (mako energy) ซึ่งเป็นพลังงานที่ได้มาจากการสกัดสสารสีเขียวที่เกิดขึ้นภายในแกนของดวงดาว (โลก) การนำมาโกะนี้มาใช้งานนั้นสามารถทำได้โดยใช้เตาปฏิกรณ์มาโกะ (mako reactors) ทางบริษัทได้ค้นพบหลังจากนั้นอีกไม่นานว่า มาโกะสามารถนำมาใช้งานได้สองอย่างคือ สร้างพลังงาน และสร้างวัตถุทรงกลมขนาดเล็กที่เรียกว่า “มาทีเรีย” (materia) ซึ่งทำให้มนุษย์มีพลังเวทมนตร์ และยิ่งไปกว่านั้น ชินระได้เรียนรู้อีกว่า ถ้านำพลังงานมาโกะมาถ่ายทอดเข้าไปโดยตรงในคนที่มีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ จะทำให้คนๆนั้นได้ครอบครองความสามารถเหนือมนุษย์อย่างถาวร
จากการที่ชินระเป็นผู้ครอบครองพลังงานมาโกะและการสร้างมาทีเรีย ทำให้ชินระสามารถผลิตนักรบเหนือมนุษย์ขึ้นมาเรียกว่า “โซลเจอร์” (SOLDIER) ต่อมาได้มีการส่งกองกำลังทหารนี้ออกมาเพื่อยุติความขัดแย้งระดับโลกที่ยืดเยื้อมากกว่าสองสามปีได้อย่างรวดเร็ว และสภาพสังคมหลังสงครามนั้น ทำให้ชินระซึ่งมีทั้งพลังงานมาโกะและมารีเรีย ได้เป็นผู้ครอบครองโลกนี้ได้อย่างรวดเร็ว
เมืองเล็กๆที่อยู่ภายใต้การปกครองของชินระได้ถูกรวมกันเป็นเมืองเมืองเดียว เมืองใหม่นี้มีชื่อว่า มิดการ์ (Midgar) การประเคนความสุขต่างๆให้กับผู้เป็นใหญ่ของชินระนี้เอง ทำให้ชินระละเลยการเอาใจใส่ต่อประชาชนที่มีฐานะไม่สู้ดีของเมืองมิดการ์ ชินระได้มีการสร้างตึกสูงเสียดฟ้าเพื่อเป็นฐานทำการใหญ่และสร้างแผ่นโลหะขนาดยักษ์ปิดเหนือเมืองด้านล่างเพื่อให้เป็นที่ทำงานของคนผู้มีฐานะ ปล่อยให้เมืองด้านล่างหรือที่เรียกว่า สลัม (slums) ถูกบดบังแสงอาทิตย์และท้องฟ้าไปหมด และทำให้อากาศเป็นพิษอีกด้วย เพราะเหตุนี้เอง ผู้คนมากมายที่อาศัยอยู่ในสลัมมีสุขภาพที่ทรุดโทรมลงและพิกลพิการ โดยที่ชินระไม่ใส่ใจนักที่จะช่วยเหลือพวกชาวเมือง
การดำเนินการของชินระเริ่มที่จะพบกับอุปสรรคจากกลุ่มคนที่เชื่อว่าการใช้พลังงานมาโกะนั้นกำลังทำให้แก่นของจิตวิญญาณของโลกหมดไป การเติบโตขึ้นของแก่นจิตวิญญาณถูกเรียกว่า “ไลฟ์สตรีม” (Lifestream)ซึ่งระบุอยู่ในปรัชญาชื่อการศึกษาชีวิตแห่งดวงดาว ในปรัชญานี้ได้กล่าวว่ากระแสพลังงานนี้ไม่ได้เป็นเพียงพลังงานชีวิตของโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งพลังของทุกชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกด้วย เมื่อชีวิตใดๆได้เกิดขึ้นบนโลกนี้ พลังงานงานส่วนหนึ่งจากโลกจะถูกดึงไปเพื่อให้ชีวิตนั้นดำเนินต่อไป เมื่อชีวิตนั้นเติบโตขึ้น ประสบการณ์ต่างๆจะทำให้จิตวิญญาณของชีวิตนั้นเติบโตขึ้นด้วย ต่อมาหากชีวิตนั้นดับลง จิตวิญญาณที่เติบโตและเต็มไปด้วยประสบการณ์ของชีวิตนั้นจะกลับคืนสู่โลก ทำให้ไลฟสตรีมเติบโตขึ้น ดังนั้น ผู้ที่เชื่อหลักคำสอนของปรัชญานี้ได้โต้ตอบชินระว่า การกระทำของชินระที่กำลังทำอยู่คือการดูดพลังงานของโลกให้หมดไปอย่างช้าๆ ผลลัพธ์สุดท้ายจะทำให้ชีวิตทุกชีวิตบนโลกดับสลายลง
หนึ่งในผู้ศรัทธาหลักปรัชญาได้ตัดสินใจว่ามีหนทางเดียวที่จะป้องกันการทำลายโลกของชินระ คือการต่อต้านชินระโดยใช้วิธีรุนแรง โดยมีการรวมกลุ่มและตั้งเป็นองค์กรขึ้นมาชื่อว่า “อะวาลานช์” (AVALANCHE) โดยองค์กรนี้เริ่มที่จะทำสงครามยืดเยื้อกับชินระ มุ่งเน้นไปที่การโจมตีเตาปฏิกรณ์มาโกะและความพยายามที่จะสังหารประธานของชินระด้วย ต่อมา ถึงแม้ว่ากลุ่มอะวาลานช์กลุ่มแรกๆได้ถูกกวาดล้างไปโดยทีมสังหารของชินระที่ชื่อ “เติกส์” (The Turks) แต่ก็ยังมีบุคคลคนหนึ่งของอะวาลานช์ที่ยังเหลืออยู่และมุ่งที่จะสานต่อจุดมุ่งหมายดั้งเดิม บุคคลนั้นชื่อ “บาร์เร็ต วอลเลซ” (Barret Wallace) ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของไฟนอลแฟนตาซีภาคนี้

ติดตามอ่านข่าวสารของเว็บไซต์เราได้ที่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!