รีวิว Guilty หนังเฟมินิสต์พลังบวกจากประเด็น #metoo ในอินเดีย
Guilty
สรุป
เป็นภาพยนต์แนวสืบสวนที่เล่นประเด็นอ่อนไหวได้ดี นำเสนอความเฟมินิสต์ที่ไม่ตึงเครียดเกินไป และยังเป็นหนังอินเดียที่คนไม่ชอบหนังอินเดียสามารถดูได้แบบไม่ขัดใจอะไรแน่ ๆ
Overall
8/10User Review
( vote)Pros
- เป็นหนังอินเดียที่ดูสากล คนไม่ชอบหนังอินเดียดูได้
- เจาะประเด็นลึกกับเรื่องล่วงละเมิดกดขี่ทางเพศ ผ่าน #metoo
- มีความลับซ่อนอยู่หลายชั้นอย่างคาดไม่ถึง
- เพลงประกอบเพราะมีแปลความหมายไว้ครบ
- Kiara นางเอกสาวรุ่นใหม่จากบอลลีวู๊ด
Cons
- การตัดต่อสลับเรื่องเล่ายังไม่สมูธนัก
- ประเด็นการเมืองยังไปไม่สุด
- ฉากจบลากยาวมากไปสักนิด
Guilty คนผิด หนังอินเดีย Original Netflix เรื่องราวของ 3 วัยรุ่นที่ต้องไปพัวพันกับข้อกล่าวหาร้ายแรง จำเลยผู้แข็งข้อ แฟนสาวผู้ซื่อสัตย์ เขาอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย แต่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูกพิพากษา
ตัวอย่างหนังอินเดีย Guilty คนผิด
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่รักในโรงเรียนมัธยมปลายของอินเดีย “วีเจ” ลูกชายนักการเมืองดังและ “นานกี ทัตตา” (Kiara Advani) นักเรียนสาวดีเด่นที่ทั้งสวยและฉลาด ทั้งคู่อยู่ในกลุ่มนักดนตรีคนดังประจำโรงเรียน ก่อนที่หญิงสาวหน้าใหม่ “ตนุ กุมาร” จะย้ายเข้ามาและเริ่มที่จะยั่วยวน วีเจ และเรื่องทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากคืนวันวาเลนไทน์ที่ วีเจ และ ตนุ หายไปด้วยกัน ก่อนที่เธอจะป่าวประกาศลงในทวิตเตอร์ว่า วีเจ ข่มขืนเธอ…
ตัวภาพยนต์เปิดเรื่องมาด้วยมาดของหนังสืบสวน เป็นการสัมภาษณ์กลุ่มเพื่อนของทั้งพระเอกและนางเอกเพื่อไขคดีที่เกิดขึ้น มีการย้อนอดีตประกอบคำบอกเล่าให้เราเห็นภาพ ซึ่งรวม ๆ ก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนวันวาเลนไทน์ การแบ่งจังหวะของเรื่องไม่สับสน (แยกชัดว่าอะไรเกิดขึ้นตอนไหน) ในตอนแรกๆ จะมีทั้งการย้อนเพื่อบอกเรื่องราวของคืนเกิดเหตุ กับ การย้อนกลับไปเพื่อให้เรารู้ว่าตัวละครทั้งหมดรู้จักกันได้อย่างไร ผ่านการก่อตั้งวงดนตรีในโรงเรียน
การดำเนินเรื่องเป็นการเล่าผ่านมุมมองของ นานกี กับ ดานิศ (ทนายของวีเจ) เป็นหลัก ที่ทั้งคู่ต่างพยายามสืบหาความจริงในคืนนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ วีเจข่มขืนจริงหรือไม่? หรือตนุเป็นฝ่ายสมยอมเองกันแน่ โดยมีกระแสจากโลกออนไลน์เข้ามาเป็นประเด็นหลักกับ #metoo แฮชแท็กที่เกี่ยวกับการถูกคุกคามทางเพศจากผู้ชายที่มีอำนาจกว่า ซึ่งในกรณีนี้ก็คือวีเจลูกชายนักการเมืองดัง แถมเป็นหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนที่คนมองว่ามีแต่ผู้หญิงเข้าหาง่ายๆ แฮชแท็กอีกอันก็คือ #evillaughter เสียงหัวเราะปริศนาของใครสักคนที่มีส่วนรู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัว ซึ่งก็เหมือนผู้ร่วมกระทำผิดไปในตัว และด้วยพลังของโซเชียลมีเดียทำให้เรื่องราวถูกขยายวงไปไกลทั่วประเทศ กระทบกับเรื่องราวการเมืองในอินเดีย จนถึงขั้นเกิดการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้ตกเป็นเหยื่อ #metoo คนล่าสุดอย่างตนุโดยเฉพาะ
ซึ่งเรารู้สึกว่าโซเชียลมีเดียในอินเดียเป็นเครื่องมือช่วยลดความไม่เท่าเทียมในประเทศที่ผู้หญิงไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้เท่ากับผู้ชาย (ที่อาจจะช่วยได้แค่นิดนึง) ต้องชมว่าหนังสามารถเล่นประเด็นหนักให้ออกมาสนุกได้ มีความซับซ้อนหลอกล่อให้คนดูคิดติดตามหาความจริงไปกับทั้งคู่ ซึ่งหนังมีช่วงพลิกกลับตาลปัตรไปอีกทาง จนสุดท้ายเรื่องราวไปไกลกว่าตอนแรกมากอย่างคาดไม่ถึงกับประเด็นในตอนจบที่ซ่อนความลับไว้อีกชั้น และก็เคลียร์ปริศนาทั้งหมดได้อย่างหมดจรด พร้อมกับคำตอบของชื่ิอเรื่อง Guilty คนผิด คือใครไปพร้อมกัน ถือเป็นหนังสืบสวนที่เน้ือหาหนักแต่ดูง่ายไม่ซีเรียสขนาดนั้น (งงไหม) คือจริง ๆ แล้วต้องถือเป็นความเก่งที่ทำประเด็นอ่อนไหวเรื่องการกดขี่ทางเพศอย่างรุนแรงที่เป็นปัญหาใหญ่ของอินเดียให้ออกมาเป็นหนังที่ดูแล้วมีพลังบวก ทั้งที่เนื้อหาไม่ควรจะรู้สึกดีได้เลย
สปอยล์เบาๆ จุดพลิกกลับของเรื่อง
ช่วงกลางเรื่องไปหนังเริ่มเผยให้เห็นถึงความผิดปกติไม่ชอบมาพากลจากตัวละครหลัก นานกี ที่เริ่มปรากฏลักษณะของคนเป็นโรคทางจิต และมีอาการประสาทหลอน แบบเป็นปริศนาเพิ่มมา
เรื่องนี้เป็นหนังอินเดียที่น่าจับตามองอีกเรื่องนึงเลยจริงๆ ตอนแรกเราไม่ได้ตั้งความหวังอะไรเอาไว้เลย คือคิดไว้ว่าคงไม่สนุกเท่าไหร่ เราไม่ใช่คอหนังอินเดีย ที่ค่อนข้างออกไปทางไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่พอดูเรื่องนี้บอกเลยว่าเปลี่ยนความคิด ตัวหนังไม่ได้มีความน่ายืดเยื้อรำคาญ บทก็ทำออกมาดี (ไม่อยากใช้คำว่าดีมาก เดี๋ยวกลายเป็นคาดหวังไว้เยอะแล้วจะไม่สนุก) เหมือนหนังฝั่งยุโรปที่เอาคนอินเดียมาแสดงจะพูดแบบนี้เลยก็ได้ ใครที่ไม่ช๊อบไม่ชอบหนังอินเดีย เราว่าสามารถดูเรื่องนี้ได้แบบไม่ปัญหา และอาจจะเป็นการเพิ่มแนวหนังจากประเทศที่เรามองข้ามในลิสต์ได้เลยล่ะ