“ดิว ไปด้วยกันนะ” DEW
สรุป
โครงเรื่องดี ดูไว้เป็น Reference ได้ “ไม่หวังมาก ก็จะไม่ผิดหวัง”
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- หนังภาพสวย วิวสวย
- นักแสดงเล่นดี
- ของย้อนยุคมากมายชวนคิดถึง
Cons
- มีฉากที่ไม่เข้ากับจังหวะเวลาเยอะไปหน่อย
- บางจุดตามต้นฉบับมากไปจนไม่สมเหตุสมผล
[รีวิว] “ดิว ไปด้วยกันนะ” หนังใหม่สุดทะเยอทะยาน ที่อาจไปไม่ถึงฝัน… ของมะเดี่ยว ชูเกียรติ ผกก. รักแห่งสยาม
ตัวอย่างหนัง “ดิว ไปด้วยกันนะ“
สำหรับหนังเรื่องนี้จัดว่ามีประเด็นเยอะมากสำหรับผม เรามาค่อยๆ ไปทีละสเต็ปละกันนะครับ
“ดิว” เป็นหนังที่ใช้คำว่า “ภาพยนตร์ดัดแปลง” ได้อย่างเหมาะสมมาก ต้นฉบับคือ Bungee Jumping of Their Own ภาพยนตร์จากปี 2001 ของเกาหลี เป็นยุคที่หนังเกาหลีเพิ่งจะพัฒนาหลังจากกระแสความสำเร็จของ il Mare ในปี 2000 ซึ่งการที่ผมเลือกไม่ใช้คำว่า รีเมคก็เพราะว่า ตัวละครถูกเปลี่ยนไปมากแบบสลับขั้วกันเลยทีเดียว ซึ่งจุดนี้อาจจะเพราะความมีเอกลักษณ์ของพี่มะเดียวล่ะมั้ง เพราะตอนแรกที่ได้เห็นทีเซอร์ของหนังเรื่องนี้ผมยังงงๆ เลยว่า ระดับมะเดียว จะมาทำงานรีเมคจริงหรอ? และเมื่อได้ดูผมก็บอกเลยว่าใช้คำว่า “รีเมค” ไม่ได้หรอก
ผมบอกไว้ตรงนี้ก่อนว่าผมชอบ “รักแห่งสยาม” มาก และหน้าหนังของ “ดิว” ไม่ว่าจะเป็นทีเซอร์ หรือโปสเตอร์ก็เป็นแบบที่ผมสนใจ ทำให้อยากดูเรื่องนี้สุดๆ
ว่ากันด้วยเรื่อง “ดิว ไปด้วยกันนะ” เพียวๆ แบบไม่เคยดูเวอร์ชั่นเกาหลีมาก่อน
ย้อนกลับไป 23 ปีก่อน หนังเปิดฉากมาด้วยเมืองเล็กๆ ที่โคตรสงบอย่าง “ปางน้อย” ดิว นักเรียนชายที่เพิ่งย้ายมาใหม่ กำลังเดินทางไปโรงเรียนผ่านเมืองที่ไม่มีผู้คนสักคนเดียว และถูกทักโดย “ภพ” พระเอกของเรา ทั้งคู่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่สื่อถึงกันจนสนิทกันอย่างรวดเร็ว แต่ในสมัยนั้นความรักระหว่างเพศเดียวกันถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด และยอมรับไม่ได้ในสังคม ทำให้ทั้งคู่จำเป็นต้องจากกันในที่สุด แต่หลังจากนั้น 23 ปีให้หลัง โชคชะตาก็นำให้ ภพ และ ดิว ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่ไม่ใช้การกลับมาพบกันแบบธรรมดาๆ ทั่วไป และนั่นก็นำพาเรื่องราวทั้งหมดไปสู่ตอนจบที่อินดี้สุดๆ (เดี๋ยวจะมาบอกว่าทำไม)
สิ่งที่สะดุดตา และเหมือนเป็นลายเซ็นของพี่มะเดียวก็คงเป็นการหา โลเคชั่น, อุปกรณ์ย้อนยุค และการถ่ายภาพที่สวยมากๆ เอาจริงๆ นี่มันงานศิลปะชัดๆ มุมกล้องก็มีมุมแปลกใหม่ให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ และก็อย่างที่หลายๆ คนรู้ว่าต้นเรื่องมาของหนังก็เปิดประเด็น LGBTQ เลย แต่นักแสดงนำทุกคนถือว่าเล่นได้ดีนะ ดูมันค่อนข้างพอดีไม่เยอะไป ไม่น้อยไป ค่อนข้างดูเป็นชายที่ต้องแอบรักชายดี (ยกเว้นฉากนึงที่ ดิว ดันคอสเพลย์เป็นทาทายัง สมัยออกอัลบั้มแรก คือ…ผู้ชายจริงเขาจะแต่งตัวเลียนแบบนักร้องหญิงจริงหรอ? แกต้องแอ๊บนะดิว!) ก่อนดูผมแอบกังวลเรื่องนักแสดงเด็กอยู่เหมือนกัน แต่พอดูแล้วผมว่าผ่าน ทุกคนเลย
เลือกโจทย์ผิดชีวิตเปลี่ยน…
ข้างบนคือสิ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ แต่เอาจริงๆ นะหนังมีช่องโหว่เยอะมาก ผมว่าไม่มาสเตอร์พีซอย่างที่หวังเลย …หรือผมหวังมากไป? มาเริ่มกันที่ มีหลายฉากเลยที่ “น้องหลิว” หน้าเทามาก แบบลอยสุดๆ นี่ยังไม่คิดว่านางเป็นนักเรียน ม.4 ที่แต่งหน้าออกจะเข้มกว่า “พี่อร” เมียคนปัจจุบันของ “พี่ภพ” อีกนะ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีอีกหลายซีนที่ไม่ควรจะมี การมีซีนเหล่านั้นเป็นต้นเหตุให้หนังพังมาก ผมไม่ค่อยอยากจะบอกหรอกเพราะกลัวว่ามันจะเป็นการสปอย แต่ที่แน่มี 2 ฉากที่ขัดใจสุดๆ และผมคิดว่าน่าจะพอบอกได้ คือฉากย้อนอดีตที่ดันทำให้เห็นว่า ภพ พระเอกของเรามีกลับมาที่ปางน้อยหลังจากที่หนีออกจากไปประมาณปีกว่า ซึ่งต้นเรื่องดันทำให้เราคิดว่าหนีไป 23 ปีเลยแล้วค่อยกลับมาทีเดียว ฉากนี้แหละทำให้คิดเลยว่าแล้วยังไงต่อ? หลังจากกลับมาบ้านแล้วกลับไปกรุงเทพยังไง? ทำไม 23 ปีให้หลังพี่ชายภพในปัจจุบันถึงทักว่า “ทำธุระกิจเจ๊งเลยกลับมาบ้านสินะ”? ทำไมห้องมันรกเหมือนไม่มีคนอยู่มานาน? (ไปดูแล้วจะรู้เอง ผมอธิบายมากจะไม่ดี) ฯลฯ คือฉากนี้มันต้องมีเพื่อบอกเรื่องราวบางอย่าง แต่เมื่อพี่มะเดียวเลือกจะให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ควรจะใส่ฉากแบบอื่นที่ได้ผลลัพธ์เหมือนกันจะดีกว่า
…และฉากที่ 2 คือฉากจบที่ผมงงกับมันมากๆ แต่ตอนยู่ในโรงผมแอบคิดบวกว่า อืม..หนังเกาหลียุคนั้นมันก็ชอบจบแบบนี้แหละแล้วก็เดินออกจากโรงมา (ถึงตรงนี้ ในใจผมให้คะแนนไว้ 6.5/10 นะครับ รู้สึกว่าโครงเรื่องหลักๆ ดีมาก, นักแสดงเล่นดี, ภาพสวย, แต่ลำดับภาพมีที่แปลกๆ เป็นระยะ)
แต่เพราะ 2 ฉากข้างบนนี้แหละที่ทำให้พอผมออกจากโรงมา ต้องรีบกลับมาหาเวอร์ชั่นเกาหลีมาดู… ว่าจริงไหมที่มันต้องจบแบบนี้ ซึ่งมันจะนำไปสู่ประเด็นต่อไป ที่เราจะดำดิ่งลงไปอีก ประเด็นต่อไปมีสปอยล์บอกไว้เลยครับ จะข้ามไปดูหนังในโรงก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านก็ได้นะครับ เตือนกันก่อน
ผมเชื่อละว่าพี่…อินดี้จริงๆ
ตั้งแต่ตรงนี้ไป จะมีการพูดถึงบริบทที่เปลี่ยนแนวคิดของหนังเรื่องนี้ไปเลยนะขอเตือนอีกครั้ง(สปอย)
ครับพอดูเวอร์ชั่นเกาหลีจบลง คะแนนก็ดิ่งลงไปเหลือ 6/10 ทันที… คือเวอร์ชั่นเกาหลีเอาจริงๆ หนังไม่ได้ตั้งใจจะซับพอร์ต LGBTQ หรอกก็มันตั้งแต่ปี 2001 แล้วนี้ ผมเข้าใจว่าหนังแค่ต้องการเพิ่มระดับความยากของอุปสรรค เพื่อบีบทางออกของโศกนาฏกรรมแห่งความรักนี้ให้แคบลงมากว่า ใช่ครับ Bungee Jumping of Their Own จัดเป็นหนัง Romantic Drama แบบจัดๆ เลยแหละ (ดูปีที่ฉายด้วยนะ)
หนังตัวอย่างต้นฉบับ Bungee Jumping of Their Own (2001)
“Bungee Jumping of Their Own” นั้นว่าด้วยเรื่องรักแรกพบของ ชายหญิงคู่หนึ่งที่แม้ทั้ง 2 คนจะรักกันมากแต่ก็ไม่สามารถสมหวังกันได้ โดยอุปสรรคใหญ่สุดในหนังคือ นางเอกประสบอุบัติเหตุ แล้วกลับมาเกิดใหม่เป็นเด็กนักเรียนชายในชั้นเรียนของพระเอกแม้ว่าด้วยอานุภาพแห่งความรักของทั้ง 2 ทำให้เขาสามารถจำกันและกันประหนึ่งระลึกชาติได้ก็ตาม แต่การที่ครูผู้ชาย จะรักกันอย่างออกหน้าออกตากับนักเรียนชายในห้องตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการสุดๆ ในยุคนั้นแน่นอน เมื่อหาคำตอบไม่ได้ฉากจบที่เป็นที่มาของชื่อหนังเลยเป็นทางออกที่ดูโอเค
แต่ “ดิว ไปด้วยกันนะ” ของพี่มะเดียวนั้นเลือกที่จะเล่าเนื้อเรื่องต่างออกไป คือ เริ่มจากความรักอย่างบริสุทธิ์ของ ชายกับชาย ที่หาทางออกไม่ได้มาตั้งแต่ต้น จนในที่สุดโชคชะตาก็เวียนกลับมาจนทั้งคู่ได้อยู่ในสถานะที่เกือบจะถูกต้องคือ ชายและหญิง ต่างกันตรงที่ครูผู้ชาย และนักเรียนหญิงที่อายุน้อยกว่า 25 ปีในห้องที่ตัวเองดูแล จะเป็นที่ยอมรับในสังคมไหม? คือจริงๆ มันฟังดูเหมือนจะยากนะ แต่ด้วยการที่พื้นหลังของเรื่องเกินขึ้นในเมือเล็กๆ ที่ห่างไกลผู้คนจริงๆ ประจวบกับพี่เวียร์ก็หน้าไม่ได้แก่เท่าไหร่ ผมว่าปี 2019 เรามีคำตอบให้กับโจทย์นี้ได้อย่างมากมาย แถมง่ายกว่าของเกาหลีด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นผมบอกเลยมองว่า ฉากจบของไทย ที่ผมงงนั้น โคตรไร้สาระเลย! ไม่มียังจะดีซะกว่า เทียบกับเกาหลีคือไม่เห็นฝุ่น
ผมรู้สึกว่าการเลือกสลับขั้วของพี่เดียวนั้นอาจจะเป็นก้าวที่พลาดที่ทำให้หนังดูพังๆ ถ้าเลือกจะเปลี่ยนขั้วตัวละครขนาดนี้ จริงๆ เปลี่ยนบริบทอื่นๆ ของหนังไปด้วยน่าจะดีกว่า การที่ยึดอะไรบางอย่างของเกาหลีไว้อย่างการกระโดดบันจี้จั๊มเนี่ย มันทำให้หนังมันอึนๆ จริงๆ นะ ยังมีอีกหลายฉากที่ทำออกมาง่ายไป เลยไม่ประทับใจเท่าไหร่ แต่ไม่อยากสปอยไปมากกว่านี้แล้ว เลยยังไม่เล่าละกัน
ปล. ปกติเวลาผมดูหนัง โรแมนติก ไม่ว่าจะคอมเมอร์ดี้ หรือดราม่า ก็มันจะมีการเสียน้ำตากันบ้างอย่างน้อยก็ซึมๆ คลอๆ จะด้วยว่า เศร้า, ซึ้ง, ประทับใจ, หรือดีใจก็ตามที แต่สำหรับ “ดิว ไปด้วยกันนะ” นั้นผมเฉยมาก ออกไปทาง มึนๆ งงๆ ด้วยซ้ำ ส่วนตัวนับเป็นผลงานที่ผมออกจะผิดหวังอยู่บ้างจริงๆ เพราะงั้นส่วนตัวผมคงต้องบอกว่า “บาย ไม่ไปด้วยนะ”