Maleficent 2 : Mistress of Evil
สรุป
หนังสนุกครับ แฟนๆ Maleficent ไม่ควรพลาด แต่แนะนำให้ดูภาคแรกมาก่อนนะ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- CG กราฟิกสวยงามอลังการ
- จบเรื่องราวได้สวย
- ป้ามาเลฯ พาฟิน
- น้องออโรราพาฝัน
Cons
- ฉากกลางคืนบางฉากมืดไปนิด
- เนื้อเรื่องเดาได้เลยไม่มีผลิกโผ
รีวิว Maleficent 2 : Mistress of Evil บทสรุปที่มาของนิทานยอดอมตะ “เจ้าหญิงนิทรา” ที่มาเติมเต็มภาคแรกให้สมบูรณ์ขึ้น
นับเป็นความชาญฉลาดของผู้สร้างที่ใช้ชื่อ Maleficent ตัวร้ายจากนิทานที่เอาจริงๆ ก็โผล่หน้าออกมาไม่เยอะเท่าไหร่ในนิทาน แต่นับเป็นหนึ่งในตัวร้ายที่มีลักษณะโดดเด่นน่าจดจำ มาตั้งแต่แรกแทนที่จะใช้ชื่อ Sleeping Beauty หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อไทยว่า เจ้าหญิงนิทรา เหมือนกับนิทาน Live Action คนแสดงเรื่องอื่นๆ ของดีสนีย์ ทำให้การพลิกเรื่องราวต่างๆ ให้ต่างจากสิ่งที่เรารู้ๆ มาได้อย่างอิสระ และก็ทำได้ดีมากๆ ในภาคแรก จนคนหลงรักตัวละคร Maleficent และ Angelina Jolie กับทั่วโลก (แล้วผมสังเกตว่าหนังที่เปลี่ยนชื่อมักจะได้มีภาค 2 ล่ะ)
เรื่องย่อจากภาค 1 (ใครรู้อยู่แล้วข้ามได้)
ผมขออนุญาตเกริ่นเล่าเรื่องพอสังเขปจากภาค 1 สักหน่อย เผื่อยังมีคนที่ไม่ได้ดูได้รู้ แต่ถ้าใครไม่เคยรู้เรื่องเจ้าหญิงนิทราเลย รบกวนไปหาดูเอาเองนะครับ ^^
ในภาคแรกของ Maleficent ได้กล่าวไว้ว่า มีประเทศ ประเทศหนึ่ง ชื่อว่า มัวส์ (Moors) เป็นประเทศลับแลที่มีขนาดใหญ่ และมีชายแดนติดอยู่กับประเทศต่างๆ ของมนุษย์มากมายหลายประเทศ และใช่…มัวส์นั้นเป็นประเทศหรือดินแดนของภูติ ไม่เคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ในประเทศนี้มาก่อน ในวันหนึ่งมีหนุ่มน้อยหน้ามนต์ชื่อ สเตฟาน พลัดหลงเข้ามาในป่า และได้พบรักกับ Maleficent นางฟ้าน้อยที่ไร้เดียงสา หลังจากนั้นกษัตริย์ พระเจ้าเฮนรี ได้ยกทัพบุกมัวส์เพื่อล่าอาณานิคม แต่ก็แพ้ให้กับ มาเลฟิเซนต์ ผู้ทรงพลัง จนได้ออกประกาศว่าใครสังหารนางได้จะให้สืบบัลลังก์ สเตฟานมักใหญ่ไผ่สูง จึงลอบเข้ามัวส์อีกครั้ง วางยามาเลฟิเซนต์ แต่ก็หักใจฆ่านางไม่ได้ เลยตัดแค่ปีกมาแอบอ้างรับรางวัลแทน
วันเวลาผ่านไปสเตฟานได้ขึ้นครองราชย์สมใจ และได้ลูกสาวคนหนึ่งนาม ออโรร่า ราชาสเตฟานได้เชิญเหล่านางฟ้ามาให้พรเจ้าหญิงที่วัง และแน่นอนมาเลฟิเซนต์ผู้ไม่ได้ถูกเชิญก็มาด้วยความแค้น แต่ก็เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และสาปเจ้าหญิงน้อยให้โดนเข็มปั่นด้ายตำนิ้วในวันที่อายุครบ 16 ปีเต็มและจะหลับไปตลอดกาลโดยที่ไม่มีใครสามารถลบล้างคำสาปนี้ได้ จากนั้นก็อย่างที่เรารู้กันเครื่องปั่นด้ายถูกทุบทิ้งทั้งหมด และนางฟ้าทั้ง 3 สุดเงอะงะก็พาเจ้าหญิงไปซ่อนไว้ในป่าอีกชั้นหนึ่ง และด้วยความเงอะงะนั้นทำให้เจ้าหญิงออโรราน้อยตกหน้าผาหลายต่อหลายครั้ง ร้อนถึงมาเลฟิเซนต์ต้องออกมาช่วยแบบห่างๆ เพราะอยากให้เจ้าหญิงครบ 16 ปีและเป็นไปอย่างคำสาป แต่หลังจากที่พบออโรราหลายครั้ง นางก็ทนความน่ารักของเจ้าหญิงน้อยไม่ไหว และเกิดความรักขึ้นจนอยากจะแก้คำสาปให้ แต่คำสาปแก้ไม่ได้จึงต้องเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปแทนว่า เมื่อเจ้าหญิงหลับได้แล้ว จะตื่นขึ้นได้ด้วยจูบของรักแท้ และแม้จะมีกำแพงหนาม, เจ้าชาย, และมังกร อยู่ครบตามนิทานแต่เรื่อวงราวที่เกิดขึ้นกลับไม่เหมือนอย่างที่เรารู้ๆ กันมาเลย ซึ่งรายละเอียดมากมายที่ต่างออกไปนี้ อาจจะทำให้คนดูบางส่วนคิดว่า “อ้าว แล้วนิทานที่เราฟังๆ มานี่มาจากไหน?” และนั่นแหละที่ต้องมี Maleficent 2 เพื่อมาทำให้ทุกอย่างเข้าร่องเข้ารอยมาขึ้น
แหย่รังนางพญาปีศาจ
แม้ว่า Maleficent จะโชว์ความเทพไว้สักเพียงใด ก็ยังมีมนุษย์ผู้โง่เขลาพร้อมจะท้าทายอำนาจของนางเพื่อเหตุผลเดิมๆ อย่างการขยายพื้นที่การปกครองให้อาณาจักรของตนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลเหนือประเทศอื่นๆ ออกไป เพียงแต่คราวนี้ประเทศที่ถูกหยิบยกขึ้นมากลายเป็นประเทศของเจ้าชายฟิลลิปแทน ซึ่งแน่นอนเป็นประเทศที่เรายังไม่รู้จัก ส่วนตัวอิจฉาคงไม่ต้องบอก ดูจากโปสเตอร์ก็รู้ว่าแม่ฟิลลิปนั่นแหละ หน้าตาร้ายมาก
เรื่องเปิดด้วยการเล่าเรื่องว่า เรื่องของ Maleficent นั้นก็นั่นแหละเหมือนกับที่เราฟังๆ มาจากนิทานสมัยเด็ก เมเลฟิเซนต์เป็นตัวร้าย เจ้าชายฟิลลิปเป็นผู้กอบกู้และรักแท้ของออโรรา (แหม แหม แหม… เล่นง่ายเลยนะ) ส่วนคนปล่อยข่าวก็เดาเอาเลยครับ ถูกแน่นอน
บัดนี้ ออโรรา ได้ขึ้นเป็นราชินีแห่งมัวส์ (บ้านเมืองเก่าของนาง นางไม่นับเป็นบ้าน) และรักกับเจ้าชายฟิลลิปที่เขาบังเอิญเจอในป่าจากภาคแรกแม้จะแค่ไม่กี่นาที ทั้งคู่ต้องการแต่งงานกัน เป็นเหตุให้มาเลฟิเซนต์ถูกล่อลวงสู่กับดัก และก็พลาดท่าเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่อยู่ๆ นางก็ถูกช่วยโดยบุรุษจากเผ่านางฟ้าตนหนึ่ง จริงๆ แล้วเผ่านางฟ้าได้สอดส่องดูพฤติกรรมของมาเลฟิเซนต์อยู่ตลอด แต่มีเหตุให้ไม่เผยตัว ตอนนี้นางรู้ว่าเผ่าพันธุ์ของนางนั้นยังไม่สิ้นสูญ และหวังจะแก้แค้นมนุษย์ ส่วนทางมนุษย์เองเมื่อเริ่มท้ายทายก็แปลว่าเตรียมการมาดีในระดับหนึ่ง ในที่สุดสงครามระหว่างมัวส์ และ เมืองมนุษย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเวทีให้ มาเลฟิเซนต์ได้โชว์เทพเหนือกว่าภาคเก่าขึ้นไปอีก
Maleficent 2 ยังคงคอนเซ็ปต์ หนังดูง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน เน้นการดึงดูดผู้ชมจากการแสดงที่โคตรใช่ของ Angelina Jolie และกราฟิก CG ที่สวยงามแถมยังดูอลังกว่าภาคก่อนเสียอีกด้วย แต่นั่นแหละทำให้เราสงสัยว่าพ้อยท์ของผู้กำกับน้อยไปรึเปล่า? ภาคก่อนนั้นเราได้เห็นฉากความรักของหนุ่มสาว มนุษย์กับนางฟ้า ฉากเลี้ยงเด็กที่ขำๆ แต่ฟิลกู๊ดดี ฉากสงครามที่ว้าวมากเพราะไม่ทันคิดว่าจะเจอในหนังเด็กแบบนี้ ฉากมากมายที่มีจากนิทานแต่บริบทของบางฉากได้ถูกเปลี่ยนไปแต่ก็เนียนดี มันทำให้ภาคนี้ดูโล่งไปหน่อยเพราะเหมือนจะเน้นมาที่ฉากการสู้รบแทน และแม้ว่ารูปแบบการสู้จะเปลี่ยนไป แต่ลึกๆ ผมก็รู้สึกกว่าการสู้กันบนพื้นแบบภาคก่อนว้าวกว่า แม้จะพูดแบบนั้นแต่การบภาคนี้ก็ไม่ได้ขี้เหร่หรอก ผมว่าน้องๆ เกมออฟโทรนเลยแหละ แค่ลดดีกรีลงหน่อย เพราะอย่าลืมว่านี่หนังเด็ก ที่เคยเป็นนิทานก่อนนอนมาก่อน และคงเป็นหนังดีสนีย์ไม่กี่เรื่องที่เราจะได้เห็นตัวละครตาย แต่เรื่องนี้ตายแบบไม่มีเลือดนะ แถมพลังของมาเลฟิเซนต์ก็โคตรยิ่งใหญ่อลังการ
กราฟิกภาคนี้ดีมาก แต่ไม่รู้ว่าผู้กำกับตั้งใจจะให้เกิดความเรียลรึเปล่า ฉากมืดเลยมืดจริงๆ เหมือนถ่ายแบบไม่เปิดไฟกันเลย ธรรมชาติเว่อร์ แต่ปวดตาคนดูนิดๆ เพราะมองอะไรไม่ค่อยเห็นและต้องเพ่งอยู่พอควร แต่ฉากกลางวันสวยสุดๆ
อย่างไรก็ตามสำหรับแฟนๆ Maleficent ผมว่าไปดูเถอะ หนังมันก็ยังดี แต่ถ้าใครรู้จักเจ้าหญิงนิทรา แต่ยังไม่ได้ดู Maleficent ภาคแรก ผมว่าย้อนไปดูภาคแรกกว่าก็ดีนะ ไม่งั้นอาจจะต่อไม่ติด