รีวิว Children of the sea ประสบการณ์การผจญภัยใต้ทะเลลึกเกินกว่าจินตนาการ
Children of the Sea รุกะผจญภัยโลกใต้ทะเล
สรุป
อยู่ในระดับดูได้เพลินๆ มีจุดเด่นในเรื่องของงานภาพที่สวยงามเเละล้ำลึกน่าค้นหา หนังค่อนข้างเหมาะกับคนชอบคิดวิเคราะห์เป็นพิเศษเพราะถ้าไม่ตีความ ไม่พยายามทำความเข้าใจ หนังเรื่องนี้ก็ดูจะน่าเบื่อไปเลยในทันที
Overall
6/10User Review
( votes)Pros
- งานเเอนิเมชันเเละงานอาร์ตทำได้ดีมาก
Cons
- ประเด็นคลุมเคลือไม่ชัดเจน
- หนังเเทบไม่ชวนให้จดจำอะไรเลยนอกจากงานภาพ
Children of the Sea รุกะผจญภัยโลกใต้ทะเล เป็นภาพยนตร์เเอนิเมชันญี่ปุ่นที่กำกับโดย วาตานาเบะ อายูมุ (Watanabe Ayumu) โดยเขาเคยกำกับงานเเอนิเมชันมาเเล้วหลายเรื่องทั้งเเบบฉายโรงเเละฉายทางโทรทัศน์ ยกตัวอย่างเรื่องที่เข้าฉายในบ้านเราอย่าง Doraemon the Movie: Nobita’s Dinosaur (2008) เเละ Doraemon the Movie: Nobita and the Green Giant Legend (2006) โดยคราวนี้เขาได้มากำกับเรื่อง Children of the Sea ซึ่งดัดเเปลงมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อเดียวกัน เเต่งโดย อิงาราชิ ไดสุเกะ (Igarashi Daisuke)
แอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้โปรดิวเซอร์อย่าง ทานากะ เอโกะ (Tanaka Eiko) ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารเเละเป็นประธานของบริษัท Studio 4°C. มานั่งเเท่นเป็นผู้ควบคุมดูเเลงานซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับงานเเอนิเมชันอย่าง The Animatrix (2003) เเละ Berserk Golden Age Arc I: Egg of the Supreme Ruler (2012)
ตัวอย่างหนัง Children Of The Sea รุกะผจญภัยโลกใต้ทะเล
เรื่องย่อ รุกะ เด็กสาวมัธยมต้นที่ มีปัญหากับเพื่อนร่วมชมรมแฮนด์บอลตั้งแต่วันแรกของวันหยุดฤดูร้อน รุกะจึงไปที่อควาเรียมที่เป็นที่ทำงานของพ่อ ในขณะที่เธอกำลังยืนอยู่หน้าอควาเรียมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝูงปลาเธอก็ได้พบกับพี่น้องปริศนา อุมิ และ โซระ “พวกเขาถูกเลี้ยงดูโดยฝูงพะยูน” พ่อของรุกะบอกเธอแบบนั้น รุกะ อุมิ และ โซระ มีความสามารถสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ ในเวลาเดียวกันก็มีอุกกาบาตตกลงมา และเกิดปรากฏการที่ปลาหายไปจากท้องทะเล ทั้งสามจึงร่วมมือกันออกผจญภัยไปในโลกใต้สมุทร เพื่อปกป้องเหล่าสัตว์น้ำจากมหันตภัย
จากเรื่องย่อที่ได้อ่านมานั้นฟังดูเหมือนจะเป็นเเนว ผจญภัย-เเฟนตาซี ซึ่งส่วนตัวเเล้วผู้เขียนค่อนข้างชอบเเอนิเมชันเเนวนี้จึงไม่พลาดที่จะไปรับชมเเต่พอได้เข้าไปดูจริงๆ เเล้วเรื่องราวกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ทันทีที่ดูจบก็อดจะคิดถึงเเอนิเมชันในตำนานอย่าง The End of Evangelion (1997) ที่มีบทสรุปของเรื่องที่ชวนอึ้งเเละสร้างความถามมากมายขึ้นมาในหัว วันนี้ผู้เขียนเลยอยากถ่ายทอดประสบการณ์การผจญภัยใต้ท้องทะเลตลอด 111 นาที นี้ให้คุณผู้อ่านได้สัมผัสความรู้สึกที่ผู้เขียนเผชิญเพื่อประกอบการตัดสินใจในการไปรับชม
รีวิว Children of the sea นี้จะเป็นการบอกเล่าประสบการณ์การดูเเอนิเมชันที่ต้องบอกเลยว่าคาดไม่ถึงว่าจะอาร์ตขนาดนี้ จากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาเรารู้เเน่ๆ ว่าจะมีความเเฟนตาซีเเละดูน่าจะตื่นเต้นไม่น้อย เเต่กลับกลายเป็นว่าเเอนิเมชันเรื่องนี้ไม่ได้มอบความรู้สึกสนุกตื่นเต้นอย่างที่คิดเเต่กลับดูเหมือนพยายามจะส่งสารอะไรบางอย่างให้ผู้ชมมากกว่า เเละความเเฟนตาซีของเรื่องที่เราเห็นนั้นเเท้จริงเเล้วมีความลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่คิด เเต่ทว่าความยากนั้นก็ไม่ได้ยากจนถึงขั้นจับต้องไม่ได้ ในทางกลับกันเราสามารถค้นหาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจได้ในหลายๆ จุดเลยด้วย
จากที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าหนังเเอนิเมชันเรื่องนี้ค่อนข้างจะมีความอาร์ตเเต่ทว่าจริงๆ เเล้ว ในส่วนเนื้อเรื่องเเละการดำเนินเรื่องนั้นเรื่องนี้ถือว่าดูได้ง่ายเเละเดินทางเป็นเส้นตรงไม่มีการตัดสลับไปมาให้งุนงงเเต่อย่างใด ในช่วงต้นเรื่องทำได้ดีมากทั้งการดำเนินเรื่องที่ไปเเบบไม่ช้าไม่เร็วเเละการเเนะนำตัวละครหลักอย่าง รุกะ ให้ดูน่าสนใจ เเละเพิ่มความน่าสนใจเเบบต่อเนื่องให้คนดูไปอีกเมื่อตัวละครอุมิเเละโซระปรากฎตัวขึ้น พฤติกรรมน่าสงสัยต่างๆ ที่เราได้เห็นเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้ยินได้สร้างคำถามในหัวขึ้นมามากมาย เเละในขณะที่ทุกอย่างกำลังน่าสนใจ หนังเรื่องนี้ก็ได้ประกาศให้ผู้ชมอย่างเราได้ทราบว่า “เราจะเฉลยคำถามที่ทุกท่านคาใจกันในช่วงท้ายนะ” หลังได้ยินเช่นนี้ความรู้สึกตลอดทั้งช่วงกลางเรื่องจึงกลายเป็นเพียงการรอคอย เเต่ทว่าหนังก็ไม่ได้จะปล่อยให้เรารอไปเรื่อยๆ โดยจะเริ่มเล่าในส่วนที่เป็นพล๊อตรองให้เห็นถึงปัญหาของทั้งตัวละครหลักเเละสมบทให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เเละให้เวลาเด็กๆ ทั้งสามคนได้สร้างความผูกพันธ์กัน
เเต่ถึงอย่างนั้นหนังกลับทำได้ดูเรื่อยๆ เนือยๆ กว่าที่คิด เเละช่วงนี้ก็ค่อนข้างนานด้วย จนกระทั่งช่วงท้ายที่รอคอยได้เริ่มต้น ความรู้สึกชวนติดตามกลับมาอีกครั้งระหว่างที่หนังกำลังค่อยๆ เดินทางไปสู่จุดไคลเเมกซ์ จนในที่สุดพอหนังเดินทางไปถึงจุดนั้น เราผู้ชมก็ถึงกับต้องตกตะลึงกับความอลังการงานสร้างที่ดูเเล้วอดคิดไม่ได้ว่าต้องทำขนาดนี้เลยหรือ เเสดงว่าบทสรุปต้องยิ่งใหญ่มากเเน่ๆ เเละในขณะที่กำลังชมภาพเพลินๆ พร้อมกับเตรียมรอฟังเฉลยของคำถามที่ค้างคาใจ โชว์เเฟนตาซีชุดใหญ่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ภาพที่นำเสนอออกมานั้นดำดิ่งลงไปลึกยิ่งกว่าท้องทะเลเเละลอยสูงเหนือกว่าท้องฟ้า คือมีการนำเสนอภาพที่อาร์ตมากจนทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจ เเละเนื้อหาที่เปิดเผยออกนั้นก็มีความเเฟนตาซีผสมกับวิทยาศาสตร์มากๆ จนทำให้บางฉากทำเอานึกว่ากำลังดูสารคดีเลยทีเดียว
หลังเหตุการณ์ทุกอย่างจบลงพร้อมกับความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวหนังเองก็ไม่ได้ใจร้ายเเต่อย่างใดมีการอธิบายเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้เราเข้าใจภาพล้ำๆ ที่เห็นได้ง่ายขึ้น เเต่ในทางกลับกันพอได้ฟังเหตุผลเเล้วกลับทำให้ความรู้สึกร่วมดรอปลงจนเผลอคิดไปว่าจำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ? ถ้ามองอีกมุมการปล่อยไว้ให้คนดูไปทำความเข้าใจกันเองอาจส่งผลดีกว่านี้ก็ได้
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คือในส่วนของการดำเนินเรื่อง เเม้รวมๆ ความสนุกของหนังจะอยู่เเค่ในระดับเฉยๆ เเต่องค์ประกอบอื่นๆ ของเรื่องนั้นถือว่าทำได้ดีพอจะให้เรานั่งดูได้จนจบ ที่เเน่ๆ คือเรื่องของภาพระดับฉายโรงความสวยงามคงไม่ต้องพูดถึง เเต่จุดเด่นจริงๆ ของหนังเรื่องนี้คือความ เซอร์เรียลลิซึม (Surrealism) ที่ชวนให้เรารู้สึกถึงพลังบางอย่างของหนังความรู้สึกของตัวละคร ในส่วนถัดมาเรื่องของการทำความเข้าใจหนัง ว่าทำไมเป็นเเบบนั้นเเบบนี้ ภาพนี้จะสื่ออะไร ในหลายๆ จุดก็อยู่ภายใต้ความเข้าใจของวิทยาศาสตร์ที่ค้นได้ด้วย Google อย่างการใช้ พะยูน เป็นตัวละครที่เลี้ยงอุมิกับโซระนั้นมีความสมเหตุสมผลเพราะพะยูนนั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเช่นเดียวกันคน หรืออย่างฉากไคลเเมกซ์ที่ค่อนข้างดูล้ำไปไกล เเต่จริงๆเเล้ว (spoil : อย่างการกำเนิดจักรวาลไปจนถึงสิ่งชีวิต เราก็ยังสามารถศึกษาเเละทำความเข้าใจได้ไม่ยากเช่นกัน) อยู่ภายใต้ขอบเขตที่ใช้วิทยาศาสตร์ช่วยอธิบายได้ในหลายๆ จุด นับเป็นข้อดีที่ไม่ว่าจะเข้าใจในตอนที่ดูเลยหรือออกมาค้นหาต่อก็ได้อรรถรสที่ดีกันไปคนละเเบบ
สุดท้ายความไม่ชัดเจนของประเด็นที่จะสื่อไม่ว่าจะในเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อนหรือเรื่องคุณธรรมใส่มาผิวเผินเกินไป ออกมากันคนละนิดคนละหน่อยทำให้ดูจบแล้วเหมือนไม่ได้อะไรกลับมานอกจากภาพสวยๆ ติดตาของเหล่าปลา ท้องทะเลและพวกฉากอาร์ตๆ จนชวนให้รู้สึกว่าผู้สร้างใส่ใจกับเนื้อหาและภาพมากกว่าเรื่องของตัวละครไปเสียหน่อย
สุดท้ายถึงจะเป็นประการณ์การดูหนังที่ทำได้เเค่ในระดับดูได้เพลินๆ เเละรวมๆ ก็เเทบจะไม่ได้อะไรกลับมาเสียเท่าไหร่ เเต่ถ้าใครชอบดูงานเเอนิเมชันสวยๆหรือการได้คิดวิเคราะห์จุดต่างๆ หนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์เเละไม่เเน่ว่าคุณอาจจะเป็นคนที่สัมผัสถึงข้อความที่หนังเรื่องนี้จะสื่อก็เป็นได้