playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Below Zero การเอาตัวรอดจากคนบ้าในรถคุกปิดตายสุดระทึก

สรุป

แม้ว่าพล็อตเรื่องแนวสถานที่จำกัดและห้องปิดตาย มาในธีมของรถขนส่งนักโทษ ด้านเนื้อเรื่องอาจจะดูตื้นไปหน่อย แต่เพราะมันไม่ใช่หนังดราม่า ส่วนเนื้อเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องเจาะลึก ซึ่งมันจะทดแทนด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม ไปพร้อมกับฉากไล่ล่ามันส์ๆ ฉากเอาตัวรอดที่ชวนให้หายใจติดขัด ขมวดคิ้ว ใจเต้นตุบๆ ได้ รวมไปถึงการพลิกหักมุมในบางตอนที่ไม่หวือหวา แต่เป็นสีสันชวนให้กดดัน ใครที่กำลังหาหนังมันส์ๆ ขอบอกเลยว่าอย่าพลาดเรื่องนี้ สเปนเขาทำหนังออกมาได้ดีจริงๆ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ธีมเรื่องในพื้นที่จำกัด นำเสนอด้วยความแปลกใหม่กับรถขนส่งนักโทษ
  • กดดัน ลุ้นระทึก รวมไปถึงฉากไล่ล่ามันส์ๆ
  • การเล่าเรื่องด้วยจังหวะนำเสนอที่ดี มีพลิกบทบาทและหักมุมให้ชวนลุ้น
  • ฉากตายเหวอๆ ชวนเสียวไส้
  • นำเสนอเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่เน่าเฟะ และศีลธรรมในใจของคน
  • CG สวยงาม เนียนตา

Cons

  • เนื้อเรื่องค่อนข้างธรรมดา และเดาง่ายในบางจุด
  • ตัวละครหลักยังไม่มีเสน่ห์ดึงดูดชวนให้ลุ้นตามมากพอ

ADBRO

Below Zero จุดเยือกเดือด หนังแนวแอ็คชั่นทริลเลอร์สุดระทึกของ Netflix จากสเปน กับการเอาตัวรอดของนายตำรวจที่กำลังขนส่งนักโทษ แต่แล้วก็มีบุคลปริศนาเข้าโจมตีจนเหลือเพียงเขาคนเดียว นายตำรวจต้องพยายามหาทางควบคุมนักโทษในรถที่ปิดตายให้ได้ พร้อมกับรับมือบุคลปริศนาที่ต้องการอะไรบางอย่าง ภายใต้ความกดดันและอากาศที่หนาวเหน็บ

 Below Zero (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Below Zero จุดเยือกเดือด

รีวิว Below Zero

จุดเยือกเดือด แอ็คชั่นไล่ล่ากับพล็อตเรื่องที่เล่นกับสถานที่เฉพาะและห้องปิดตาย โดยเรื่องนี้ต้องบอกว่านำเสนอได้แปลกใหม่ กับการเอาตัวรอดในรถขนส่งนักโทษ ทั้งรับมือกับนักโทษไม่ให้ตัวเองตาย พร้อมรับมือบุคลปริศนาที่พยายามทำอะไรบางอย่าง เขาต้องการช่วยนักโทษแหกคุก? หรืออะไรกันแน่ต้องไปติดตามชมในเรื่อง

เรื่องราว ว่าด้วยนายตำรวจมาร์ติน ที่เพิ่งได้รับคำสั่งให้ขนย้ายนักโทษตัวแสบจำนวนหนึ่ง ทั้งนักขโมยของ อันธพาลตัวเป้ง อดีตนักการเมืองหนีภาษี และอีกหลายๆ คน และมาร์ตินจะเป็นคนขับรถนักโทษ แต่แล้วก็เกิดการซุ่มโจมตี ทำให้เหลือตำรวจเพียงแค่มาร์ตินคนเดียว เขาต้องพยายามคุมสถานการณ์ กับพวกนักโทษที่พยายามจะฉวยโอกาสหลบหนีให้พวกเขาหนีไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว พร้อมทั้งรับมือกับบุคลปริศนาที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร หรืออยู่ฝ่ายไหน พวกนักโทษเองก็ต้องพยายามหาทางหลบหนีและเจรจากับบุคลปริศนาให้ช่วยด้วย

Below Zero จุดเยือกเดือดพล็อตเรื่องของหนังแนวทริลเลอร์แอ็คชั่นนั้น โดยทั่วไปแล้วมันจะไม่ล้ำลึก พลิกหักมุมหลายตลบมา ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเหมือนกัน กับพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างตื้น และตรงไปตรงมา แต่ว่าการนำเสนอหรือการเล่าเรื่องทำออกมาได้ดี จังหวะการเฉลย การวางปมที่ค่อยๆ คลายทีละนิด ประกอบกับความกดดันที่ชวนลุ้นตัวโก่งทำให้เรื่องนี้น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีช่วงเกริ่นและช่วงเนิบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงแรก แล้วก็เดือดยาวยันจบไปเลย มีช่วงให้พักหายใจบ้างเล็กน้อย

ความลุ้นระทึกแรกก็คือ การที่ตัวเอกเป็นตำรวจที่รอดชีวิตเพียงคนเดียว ต้องพยายามรับมือกับคนที่โจมตีรถ ไม่พอ เขาต้องคุมนักโทษให้อยู่ในความสงบ แต่นักโทษที่เขาขนมาก็มีแต่พวกตัวแสบๆ ทั้งนั้น มันจึงทำให้นักโทษแหกห้องขังภายในรถได้ ซึ่งมันจะมีการเจรจา รวมถึงการพลิกฝั่งของนักโทษบางคน ที่จะค่อยๆ เฉลยปมที่เกี่ยวกับบุคลที่โจมตีรถออกมา

ระทึกที่สอง บุคลปริศนาที่โจมตีรถ เขาไม่ได้จะพานักโทษบางคนแหกคุกแต่ต้องการนักโทษบางคน ทำให้การหนีของนักโทษข้างในรถไม่ได้เป็นตามคาด จนทำให้รถคุกกลายเป็นห้องปิดตาย ไม่มีใครออกไปได้ ไม่มีใครเข้ามาได้ และบุคลปริศนานี้ดูเหมือนจะบ้าพอตัว จากที่เห็นในตัวอย่าง เขาฆ่าไม่เลือกฝ่าย รวมไปถึงจุดไฟเผานักโทษสดๆ ในรถอีกด้วย ทำให้พวกนักโทษต้องเลือกว่าจะร่วมมือกับตำรวจหรือเชื่อคนนอกดี

ระทึกที่สาม ความหักมุมและความตายที่คาดไม่ได้ ในเรื่องนี้มีหลายวิธีการตายของทั้งนักโทษ และของตำรวจที่เซอร์ไพรส์ให้เรา บางฉากก็ทำให้รู้สึกเสียวไส้ได้พอสมควร และการใส่พล็อตเรื่องที่หักมุมชวนให้ลุ้นตามของฝั่งตำรวจ รวมไปถึงปมปริศนาและแรงจูงใจของผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นๆ นี้

โดยรวมนั้น ทางด้านเนื้อเรื่องของเรื่องนี้มันก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรมาก เพียงแต่มันใส่เข้ามาได้ถูกจังหวะ ค่อยๆ เฉลยปมของเรื่อง ซึ่งถ้ามองดูจริงๆ ตัวละครแต่ละตัวโดยเฉพาะตัวเอกของเรา เราแทบไม่ได้รู้สึกลุ้นให้เขาอยู่รอดเท่ากับนักโทษบางคน ที่เป็นตัวป่วน และเรารู้สึกว่าเขามีปูมหลังที่ชวนติดตามมากกว่าตัวเอกที่เป็นตำรวจเสียอีก แต่การเลือกนำเสนอด้านเนื้อเรื่องของเรื่องนี้มันน่าจะตรงใจกับคนส่วนใหญ่ ที่มันจะเกี่ยวกับความเน่าเฟะของระบบยุติธรรมของกฏหมายที่ใส่มาในเรื่อง มีทั้งเรื่องศีลธรรมและความถูกต้องสอดแทรกเข้ามาและมันก็ทำได้ดีไม่น้อย แต่อย่างที่บอกว่า องค์รวมของเนื้อเรื่องถ้ามองดูจริงๆ มันตื้น แทบไม่มีอะไรเลย ข้อดีของมันก็คือดูง่าย เสพง่าย แต่ข้อเสียก็คือในบางจุด เราไม่ได้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครเท่าที่ควร คือยังไงก็คิดในใจได้ว่าตัวเอกยังไงมันก็รอด แต่อยากให้หาอะไรใส่เพิ่มให้มันน่าลุ้นกว่านี้อีกนิดหนึ่งจะดีกว่า

แต่ด้านความเป็นหนังแอ็คชั่น ทริลเลอร์ ไล่ล่า เอาตัวรอดในพื้นที่จำกัด ข้อนี้หนังทำออกมาได้ดีสุดๆ ทำให้คนดูขมวดคิ้วลุ้นตามไปด้วยเลยว่าตัวเอกจะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร นักโทษแต่ละคนจะทำแบบไหน เพราะเหตุการณ์มันค่อนข้างวุ่นวาย นักโทษบางคนต้องการจะแหกรถคุกออกไป แต่อีกคนกลับไม่อยากออกจนกลืนกุญแจลงท้อง ทำให้ทุกคนทั้งนักโทษละตำรวจถูกขังด้วยกัน และต้องทำตามเงื่อนไขของบุคลปริศนาที่คอยควบคุมข้างนอกและขับรถท่ามกลางอุณหภูมิหนาวเหน็บอีกด้วย แต่ตรงนี้ก็น่าเสียดายที่ชื่อหนังก็คือจุดเยือกเดือด แต่ไม่ได้ใส่อุปสรรคความหนาวเย็นมาทำให้เรื่องกดดันเท่าไหร่ มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่โดยรวมมันก็ยังพอเข้าธีมกับชื่อหนังได้อยู่โดยเฉพาะในตอนท้ายของเรื่องกับการเอาตัวรอดของตำรวจและนักโทษ

ในตอนท้ายสุด หนังจะนำเสนอและเล่นกับศีลธรรมของตัวละครเอก รวมไปถึงคนดู ซึ่งถ้าใครโฟกัสกับตัวเรื่องดีๆ ก็จะพอเดาได้ แต่จังหวะการเฉลย การพลิกบท หักมุม ต้องยกให้จริงๆ แม้มันจะไม่ได้พลิกหักมุมแบบ เฮ้ย เอาอย่างนี้เหรอ แต่การพลิกหักมุมของมันจะเป็นแบบทำให้เราใจเต้น ลุ้นว่าตัวเอกจะคิดในแบบที่เราคิดหรือเปล่า และอีกอย่างที่ต้องขอชมเลยก็คือด้านงานภาพกับ CG ที่เนียนตา ช่วยเสริมให้มันกลายเป็นหนังที่ดีได้ (หนังเรื่องนี้ 18+ มีทั้งฉากตายโหดๆ ยิงมือหลุด รวมไปถึงเห็นอวัยวะเพศชายด้วย)

สรุปแล้ว แม้ว่าพล็อตเรื่องแนวสถานที่จำกัดและห้องปิดตาย มาในธีมของรถขนส่งนักโทษ ด้านเนื้อเรื่องอาจจะดูตื้นไปหน่อย แต่เพราะมันไม่ใช่หนังดราม่า ส่วนเนื้อเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องเจาะลึก ซึ่งมันจะทดแทนด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม ไปพร้อมกับฉากไล่ล่ามันส์ๆ ฉากเอาตัวรอดที่ชวนให้หายใจติดขัด ขมวดคิ้ว ใจเต้นตุบๆ ได้ รวมไปถึงการพลิกหักมุมในบางตอนที่ไม่หวือหวา แต่เป็นสีสันชวนให้กดดัน ใครที่กำลังหาหนังมันส์ๆ ขอบอกเลยว่าอย่าพลาดเรื่องนี้ สเปนเขาทำหนังออกมาได้ดีจริงๆ

รับชม Below Zero จุดเยือกเดือด ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านบทความรีวิวหนัง/ซีรีส์อื่นๆ ได้ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!