playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Dhamaka ประกาศข่าวแบบทริลเลอร์โคตรระทึกจากบอลลีวู้ด

สรุป

ถ้าหากว่าชอบหนังทริลเลอร์บีบคั้นหัวใจแบบมันส์ๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ตอบโจทย์มาก ด้วยการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับสังคมผ่านการรายงานข่าวก่อการร้ายวางระเบิดที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะชวนลุ้นระทึกได้ขนาดนี้ แม้ว่าเนื้อเรื่องบางจุดอาจจะมีข้อกังขาหรือประเด็นที่นำเสนอได้ไม่ละเอียดพอ แต่ในด้านอารมณ์ร่วมและความมันส์ ขอรับประกันเลยว่าคุ้มที่จะดูแน่นอน

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • remake จากหนังเกาหลีของปี 2013
  • ดำเนินเรื่องไหลลื่น ทริลเลอร์ตื่นเต้น บีบคั้น ชวนลุ้น
  • นำเสนอประเด็นทางสังคมและชนชั้นผ่านการประกาศข่าวได้สนุกและมีสีสัน
  • เพลงประกอบเข้ากับหนัง ช่วยบิ้วอารมณ์ได้ดี CG ก็สวย

Cons

  • ประเด็นบางอย่างที่นำเสนอมีความตื้นเขิน
  • ขาดรายละเอียดในเรื่องราวหลายอย่าง

ADBRO

Dhamaka คำขู่ ภาพยนต์บอลลีวู้ด อำนวยการสร้างโดย Netflix ลุ้นระทึกไปกับ อรชุน ปาทัค นักข่าวผู้ตกอับแต่แล้วก็ส้มหล่นเมื่อมีผู้ก่อการร้ายระเบิดสะพาน Sea Link โทรหาเขาเพื่อรายงานออกอากาศสด เขาจึงถือโอกาศนี้หวังจะไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้ประกาศข่าวเบอร์หนึ่งอีกครั้ง โดยหารู้ไม่ว่าที่หูของเขา มีระเบิดติดตั้งพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ อรชุนจึงต้องรายงานข่าวที่จะต้องแลกกับจิตสำนึกผิดชอบชั่วดีของเขา

 Dhamaka (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Dhamaka คำขู่

รีวิว Dhamaka คำขู่

ภาพยนต์อินเดียเรื่องนี้ ได้ดัดแปลงมาจากภาพยนต์เกาหลีเรื่อง ชนวนล่ามหาประลัย The Terror Live เมื่อปี 2013 พล็อตเรื่องต่างๆ ก็จะเหมือนๆ กัน แต่จะอยู่ในบริบทของความเป็นอินเดียมากว่านั่นเอง

อรชุน ปาทัค อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังที่ชีวิตตกต่ำ โดนลดขั้นต้องมาจัดรายการวิทยุ มิหนำซ้ำภรรยาสาวสวย โสมยา ขอหย่าร้างอีก ในรายการวิทยุที่เขาจัดก็จะเปิดช่วงให้สายจากทางบ้านโทรเข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อข่าวของวันนั้นๆ แต่แล้วก็มีสายหนึ่งนามว่า ราฆูบีร์ โทรเข้ามาขู่วางระเบิดสะพาน Sea Link ในมุมไบ แทนที่อรชุนจะโทรแจ้งตำรวจ แต่เขากลับเห็นโอกาสที่จะได้กลับไปเป็นผู้ประกาศข่าวรอบดึกอีกครั้งหนึ่ง จึงได้โทรสัมภาษณ์คนร้ายออกรายการสดเพื่อเพิ่มเรตติ้งให้ช่อง โดยแลกกับข้อเสนอของคนร้ายก็คือคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรีของอินเดีย

dhamaka netflix

เรื่องราวก็เข้มข้นขึ้น เมื่อทางช่องทีวีของเขาต้องการดราม่า เรียกเรตติ้ง ซึ่งมันสวนกระแสกับคำขอของคนร้าย จนทำให้มีผู้ที่ต้องตกอยู่ในอันตรายท่ามกลางการระเบิดสะพาน รวมไปถึงอดีตคนรักของเขาอย่าง โสมยา ที่ไปรายงานข่าว ณ สถานที่เกิดเหตุสดๆ ที่นั่นอีกด้วย ทำให้อรชุน ต้องหาทางถ่วงเวลาคนร้ายเพื่อให้ตำรวจตามจับตัวให้ได้ ส่วนทางช่องทีวีเองก็บีบบังคับให้เขาไม่ต้องทำตามคำขู่คนร้ายเพื่อเรียกเรตติ้ง โดยที่ไม่รู้ว่าในหูของอรชุน มีระเบิดฝังอยู่ในหูฟัง ทำให้เขาต้องเลือกตัดสินใจในการนำเสนอข่าว ที่มันจะตัดสินทั้งศีลธรรมและชีวิตของเขาเอง

การดำเนินเรื่องจะเซ็ตอัพอยู่แค่ไม่กี่สถานที่ หลักๆ เลยก็คือห้องออกอากาศ กับตัดภาพไปที่สะพานที่โดนระเบิดถล่ม มันเลยกลายเป็นเหมือนความลุ้นระทึกในห้องปิดตาย เพราะตัวพระเอกเองก็ออกจากห้องส่งไม่ได้จนกว่าจะรายงานข่าวหรือทำตามคำขอของคนร้ายจนสำเร็จ เพราะตัวเขาเองก็มีระเบิดอยู่ในหูฟังที่จะคร่าชีวิตเขาได้ทุกเมื่อ

จุดเด่นที่ต้องยกให้หนังเรื่องนี้เลยก็คือ การดำเนินเรื่องที่ลื่นไหลและโฟลวมาก โดยจะพาเราไปทำความรู้จักกับชีวิตของตัวเอกสั้นๆ ปัญหาชีวิต ทำไมเขาถึงต้องอยากรายงานข่าว จนเรื่องราวก็ค่อยๆ ระทึกและบานปลายมากขึ้นเมื่อคนร้ายต้องการคำขอโทษจากนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งตรงนี้มันไต่ระดับความลุ้นระทึกได้ดีมาก ยิ่งเหมือนเป็นสถานการณห้องปิดตายมันก็ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นเข้าไปอีก ลุ้นว่าพระเอกจะตัดสินใจอย่างไร ตำรวจจะหาตัวคนร้ายเจอก่อนไหม หรือพระเอกจะต้องทำตามคำขอของช่องทีวีที่ขัดกับ demand ของคนร้าย แม้จะดูวุ่นวาย อีรุงตุงนัง แต่มันก็บีบคั้นอารมณ์สุดๆ เหมือนกัน

อีกอย่างที่ทำได้ดีเลยก็คือความดราม่า แม้ว่าจะดูเหมือนเซ็ตไว้ว่านักข่าวภาคสนาม คืออดีตภรรยาของพระเอก จุดนี้ตัวเรื่องก็จะค่อยๆ บิ้วอารมณ์ของผู้ชมทีละนิดให้เราค่อยๆ อิน ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวาย

ประเด็นหลักจริงๆ ของเรื่องที่พยายามจะสื่อก็คือเรื่องราวของสังคม ที่มันสอดแทรกแง่คิดต่างๆ ให้เราได้ฉุกคิด แม้มันต้นฉบับจะเป็นจากหนังเกาหลี แต่บทต่างๆ ก็ตรงกับบริบทของสังคมอินเดีย และของไทยเราด้วยจนสัมผัสได้เกี่ยวกับเรื่องราวตรงนี้

อีกประเด็นหนึ่งของเรื่องที่นำเสนอหลักๆ ได้อย่างน่าสนใจเลยก็คือ การรายงานข่าว หรือการขายข่าว โดยตัวเอกของเราจะมีสโลแกนที่ว่า ทุกคำที่ผมพูด คือความจริง แต่นั่นจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ เหรอ? เมื่อทุกอย่างคือเรตติ้ง ผู้ชมต้องการดราม่า ตัวเอกก็จะต้องตัดสินใจว่าจะนำเสนอข่าวแบบไหนถึงจะโอเคกับตัวเขา หรือกับสังคมเกี่ยวกับเรื่องราวนี้

ในอีกแง่มุมหนึ่ง แม้ตัวเรื่องจะเล่าไปอย่างลื่นไหล ลุ้นระทึก ไม่มีช่วงให้หยุดพักหายใจ ไปเรื่อยๆ บีบคั้นอารมณ์แบบทริลเลอร์ นำเสนอประเด็นหลักได้ค่อนข้างครบถ้วน แต่ทว่าตัวหนังขาดรายละเอียดต่างๆ หลายอย่างมาก ยิ่งถ้าคุณเป็นคนดูประเภทที่ชอบจับผิดหนังล่ะก็ อาจจะถึงขั้นไม่สบอารมณ์เลยทีเดียว

เช่นเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคนร้ายที่ดูเหมือนจะมีอะไร แต่ก็ตื้นเขิน ยิ่งการปรากฏตัวในช่วงสุดท้ายมันก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์ หรือหักมุมอะไรเลย (รีโมตระเบิดดูง๊องแง๊งเหมือนกับของเด็กเล่นด้วยซ้ำ) แม้ว่าประเด็นของตัวร้ายมันจะทำหน้าที่สะท้อนถึงคนชนชั้นล่าง ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจนลุกขึ้นมาแก้แค้นคนชั้นบน ผ่านคนชั้นกลางอย่าง อรชุน นักข่าวที่ทุกๆ คนต่างเชื่อถือ เพื่อให้นายกหรือคนที่อยู่ตำแหน่งสูงสุด เห็นหัวประชาชนตาดำๆ บ้าง แต่รายละเอียดอย่างการวางแผนต่างๆ ของคนร้าย ไม่ได้นำเสนอลงไปในหนัง ทำให้เหมือนมันยังขาดๆ มิติของคนร้ายไปพอสมควรเลย

แต่ก็พอเข้าใจได้อยู่บ้าง เพราะสิ่งที่หนังมันพยายามจะนำเสนอมาตลอดและมาเซอร์ไพรส์คนดูในตอนท้ายให้เราฉุกคิดว่า คนร้ายตัวจริง อาจจะไม่ใช่คนที่ระเบิดสะพาน แต่อาจจะเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวกว่านั้นก็ได้ ไม่ขอสปอลย์ตรงนี้ให้ไปดูเอาเองนะครับ

สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมากอีกอย่างก็คือเรื่องของงานภาพ กราฟฟิก CG และเพลงประกอบที่ไม่มีตรงไหนขัดหูขัดตาเลย ทำได้เนียนและสมจริง เพลงประกอบก็บิ้วอารมณ์ ฉากดราม่าก็มีเพลงเพราะๆ ซึ้งๆ ช่วยบิ้วอารมณ์ผู้ชมอีกทีหนึ่ง

ถ้าหากว่าชอบหนังทริลเลอร์บีบคั้นหัวใจแบบมันส์ๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ตอบโจทย์มาก ด้วยการนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับสังคมผ่านการรายงานข่าวก่อการร้ายวางระเบิดที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะชวนลุ้นระทึกได้ขนาดนี้ แม้ว่าเนื้อเรื่องบางจุดอาจจะมีข้อกังขาหรือประเด็นที่นำเสนอได้ไม่ละเอียดพอ แต่ในด้านอารมณ์ร่วมและความมันส์ ขอรับประกันเลยว่าคุ้มที่จะดูแน่นอน

รับชม Dhamaka คำขู่ ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!