รีวิวซีรีส์ Hit and Run (Netflix) พลิกแผ่นดินล่าสายลับระดับชาติจากผู้สร้างฟาวด้า
Hit & Run
สรุป
จากเรื่องราวและพล็อตที่ดูธรรมดาๆ ล่าล้างแค้นในช่วงครึ่งแรก กลายเป็นแนวปฏิบัติการสายลับที่หยิบยกเอาเรื่องราวต่างๆ จากอิสราเอลมาใส่เอาไว้ ผสมกับฉากแอ็กชั่นมันส์ๆ ในครึ่งหลังจนแทบจะเหมือนหนังคนละม้วน มีการเก็บรายละเอียดต่างๆ ของเรื่องราวได้ดีและชัดเจน ดูเพลินและสนุกมากในครึ่งหลัง แต่ติดตรงที่ใช้เวลาปูเรื่องนานไปหน่อย แถมการดำเนินเรื่องบางช่วงมันดูยืดเยื้อเกินจำเป็น ถ้าหากปรับจาก 9 ตอน เหลือสัก 6 ตอนน่าจะกำลังดี เรื่องราวมันจะได้กระชับขึ้น แต่ข้อดีของมันคือทำให้เราอินกับตัวละครพร้อมทั้งเสริมความอยากรู้ให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ถ้าหากใครกำลังมองหาซีรีส์ดราม่าแอคชั่นสืบสวนแบบเข้มข้นล่ะก็ เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- พลิกจากพล็อตเรื่องธรรมดาให้กลายเป็นกึ่งๆ ปฏิบัติการสายลับได้น่าสนใจ
- ฉากแอ็กชั่นดูสนุก
- ดราม่าเข้มข้น ทุกการกระทำของตัวละครมีเหตุ มีผลที่ตามมา
- ค่อยๆ ไต่ระดับความพีคไปเรื่อยๆ จนถึงตอนจบ
- มีพากย์ไทย
Cons
- ด้วยความที่พล็อตเรื่องดูธรรมดา ไม่เฉลยอะไรมาก ช่วงแรกของเรื่องดำเนินได้น่าเบื่อมาก
Hit and Run ซีรีส์ดราม่าแอ็กชั่นสืบสวน Original Netflix เมื่อภรรยาของเซเกฟ ถูกชนแล้วหนีจนเสียชีวิต เขาจึงต้องออกตามล่าหาความจริงว่าใครเป็นคนร้าย และเรื่องราวบางอย่างที่ภรรยาเขาปกปิดมาตลอดค่อยๆ โผล่ขึ้นมา จนกลายเป็นการตามล่าสายลับระดับชาติ
ตัวอย่าง Hit and Run
รีวิว Hit and Run Season 1
เซเกฟ คนขับรถไกด์นำเที่ยวในอิสราเอล แต่งงานใหม่กับภรรยาสาวสวยชาวอเมริกาอย่าง แดเนียล ชีวิตของเขาดูจะปกติสุขดี จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีรถปริศนา ขบเข้ามาพุ่งชนภรรยาของเขาจนเสียชีวิต เซเกฟพยายามสืบหาว่า ใคร ที่เป็นคนร้าย แต่ยิ่งสืบลึกลงไป นี่ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์ชนแล้วหนีธรรมดา ทำให้เขาต้องบินข้ามจากอิสราเอล มายังนิวยอร์ก เมืองเกิดของภรรยาเขาเพื่อหาความจริงว่า เธอคือใครกันแน่
ด้วยพล็อตเรื่องแรกเริ่มที่ดูเหมือนซีรีส์แอคชั่น ตามล่าล้างแค้นในแบบธรรมดามาก พล็อตเรื่องทั่วไปเห็นได้เกลื่อนกลาด มันทำให้การดำเนินเรื่องในช่วงแรกค่อนข้างน่าเบื่อมาก ใช้เวลาปูทางเรื่องราวกว่า 3 ตอนในซีรีส์ ตอนละ 40-50 กว่านาที ระยะเวลาค่อนข้างนาน แถมเรื่องราวจะพาเราค่อยๆ ทำความรู้จักตัวละครแต่ละตัวไปเรื่อยๆ เป็นเส้นตรง ตัดสลับกับความทรงจำของเซเกฟ สมัยภรรยาของเขายังไม่เสีย เหตุการณ์ต่างๆ ในช่วงต้นมันอืดอาดจนชวนหลับ แต่ซีรีส์เรื่องนี้ มันดำเนินเรื่องไปแบบ ค่อยๆ ไต่ระดับความพีคไปเรื่อยๆ
อย่างที่บอกว่า ยิ่งพระเอกเราสืบลึกลงไปเกี่ยวกับการตายของภรรยาตัวเองมากเท่าไหร่ เขาก็ค่อยๆ พบกับความลับที่ภรรยาของเขาซ่อนเอาไว้ ผุดขึ้นมามากเท่านั้น ในจุดนี้ของซีรีส์ มันกลายเป็นหนังคนละม้วน ที่จะค่อยๆ กระตุ้นต่อมความอยากรู้ของคนดูไปพร้อมๆ กับการค่อยๆ เฉลยปมต่างๆ ทีละเปลาะ ว่าตัวละครนั้นที่น่าสงสัย คือใคร หรืออดีตของตัวพระเอกที่ไม่ธรรมดา ก็เปิดเผยออกมาเหมือนกัน มันจะเกี่ยวกับสายลับมอสสาด ซีไอเอ และอีกหลายอย่างที่เป็นประเด็นทางการเมือง หยิบยกนำมาเล่าได้อย่างน่าสนใจ ผ่านตัวละครเซเกฟ ที่รับบทโดย Lior Raz ได้อย่างน่าสนใจ
ผลงานที่ผ่านมาของนักแสดงอย่าง Lior Raz คือฟาวด้า ซีรีส์แอคชั่นปฏิบัติการที่เนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยเขานำแสดงรวมถึงเขียนบทเอง และซีรีส์เรื่องนี้เขาก็เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทเหมือนกัน ทำให้พล็อตเรื่องมันมีความลึกกว่าที่เราเห็น แถมยังใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และพระเอกตาลุงหุ่นหมีหัวล้านคนนี้ ความพิเศษของเขาคือเคยเป็นสายลับที่เคยปฏิบัติงานมาจริงๆ มันเลยทำให้รายละเอียดต่างๆ ของเรื่องราว ไม่มีจุดไหนไม่สมเหตุสมผลเลย เขาพยายามเก็บรายละเอียดให้การดำเนินเรื่องและพล็อตสมจริงที่สุด
อย่างเช่น พระเอกบินจากอิสราเอล ข้ามมายังนิวยอร์กกับเพื่อนตามล่าคนร้ายไปที่ผับแห่งหนึ่งแล้วฆ่าคนตายไปสองคน ตัวพระเอกเป็นเพียงคนธรรมดาๆ จึงต้องจัดการเก็บกวาดหลักฐานต่างๆ ที่ตัวเองฆ่าคน ไม่งั้นก็จะโดนตามสืบ ไม่ใช่ว่าบุกเข้าหารังคนร้ายแล้วไล่จัดการเท่ๆ หลบหนีออกมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกการกระทำในเรื่องนี้มันมีเหตุ มีผล และมีผลที่ตามมาที่จะทำให้พวกพระเอกตกที่นั่งลำบากด้วย
Lior Raz นอกจากผลงานเรื่องฟาวด้า เขายังทำซีรีส์เรื่อง Tehran ลงบน Apple Tv+ ด้วย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสายลับมอสสาดสาว ที่ต้องเข้าไปหยุดยั้งแผนปฏิบัติการปล่อยนิวเคลียร์ จะสังเกตเห็นได้ว่าซีรีส์แต่ละเรื่องที่เขาทำ จะเกี่ยวข้องกับสายลับทางตะวันออกกลาง เป็นแนวแอคชั่นปฏิบัติการที่เหมือนกับเป็นสิ่งที่เขาถนัด ซึ่งทำมันออกมาได้ดี ทำให้ Netflix กล้าทุ่มทุนให้กับเขาเพื่อสร้างออริจินัลซีรีส์โดยเฉพาะ ทำให้เรื่องนี้ งานโปรดักชั่นจัดเต็ม แถมตีตลาดหลายประเทศรวมถึงไทย เพราะซีรีส์เรื่องนี้ “มีพาย์ไทย” ให้รับชมทุกตอนจนจบซีซั่น
ส่วนรายละเอียดเล็กๆ น้อย ที่แอบใส่มาแล้วทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาใส่ใจ ก็มีให้เห็นหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นคอลัมนิสต์สาวผิวสี ที่เป็นเพื่อนเก่าแก่ของเซเกฟ ถูกถามว่าทำไมถึงใส่สร้อยสัญลักษณ์เหมือนกงจักร ตัวละครก็อธิบายว่าเขาเป็นชาวยิว ไม่เคยเห็นชาวยิวผิวสีหรือไง มันเหมือนเป็นกิมมิคเล็กๆ ที่ทำให้เรารู้จักตัวละครนี้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เรื่องราวไม่ค่อยได้เล่าเกี่ยวกับตัวละครนี้มากเท่าไหร่
ฉากแอ็กชั่นไล่ล่าต่างๆ ทำออกมาได้ดีและดูสนุก แต่มันไม่ใช่ซีรีส์ที่เน้นแอคชั่นไล่ล่าจ๋าขนาดนั้น ความเข้มข้นของเรื่องจะอยู่ที่เรื่องราวโดยรวมเกี่ยวกับอดีตของแดเนียล และเซเกฟที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมามากกว่า ว่าทำไมอีตาลุงหัวโล้นไกด์นำเที่ยวมันโหดจัง ทำไมซีไอเอถึงต้องตามจ้องที่จะฆ่าเขา แล้วสายลับมอสสาดมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ ต้องติดตามลุ้นในเรื่อง แถมตอนท้ายสุดก็มีความหักมุมให้คนดูกดดัน พร้อมทิ้งเชื้อทำซีซั่นสองต่อแน่นอน สานต่อการตามล่าล้างแค้นให้เข้มข้นขึ้น
จากเรื่องราวและพล็อตที่ดูธรรมดาๆ ล่าล้างแค้นในช่วงครึ่งแรก กลายเป็นแนวปฏิบัติการสายลับที่หยิบยกเอาเรื่องราวต่างๆ จากอิสราเอลมาใส่เอาไว้ ผสมกับฉากแอ็กชั่นมันส์ๆ ในครึ่งหลังจนแทบจะเหมือนหนังคนละม้วน มีการเก็บรายละเอียดต่างๆ ของเรื่องราวได้ดีและชัดเจน ดูเพลินและสนุกมากในครึ่งหลัง แต่ติดตรงที่ใช้เวลาปูเรื่องนานไปหน่อย แถมการดำเนินเรื่องบางช่วงมันดูยืดเยื้อเกินจำเป็น ถ้าหากปรับจาก 9 ตอน เหลือสัก 6 ตอนน่าจะกำลังดี เรื่องราวมันจะได้กระชับขึ้น แต่ข้อดีของมันคือทำให้เราอินกับตัวละครพร้อมทั้งเสริมความอยากรู้ให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องราวได้ง่ายขึ้น ถ้าหากใครกำลังมองหาซีรีส์ดราม่าแอ็กชั่นสืบสวนแบบเข้มข้นล่ะก็ เรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
รับชม Hit and Run ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่