รีวิว ครอบครัวล่าอสูร October Faction ซีรีส์น่าดู แต่ไม่ดูดีกว่า?
ครอบครัวล่าอสูร October Faction Netflix
สรุป
ซีรีส์พล็อตเรื่องน่าสนใจ ดัดแปลงมาจากคอมมิค ที่ถูกความ Netflix Adaptation ปู้ยี่ปู้ยำซะจนเละเทะ จนกลายเป็นเรื่องที่ไม่ได้น่าสนใจอะไร ถ้าหากใครอยากดูเรื่องนี้ ไปดูเรื่องอื่นดีกว่า
Overall
5/10User Review
( votes)Pros
- พล็อตเรื่องหลักน่าสนใจ
- ดัดแปลงมาจากคอมมิค
- Setup โลกมนุษย์ที่มีปีศาจอาศัยได้น่าสนใจ
Cons
- การแสดงและบทของตัวละครหลักห่วย ทำให้ไม่อิน
- CG ค่อนข้างห่วย
- Design หลายๆ อย่างในเรื่อง ทั้งอุปกรณ์และปีศาจเข้าขั้นแย่
- บทพูดเยอะ ยืดยาด อืดอาด แถมยังไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องหลักอีกต่างหาก
- ยัดเยียดดราม่าเรื่องสีผิว เรื่องครอบครัว และ LGBT ที่ดู Wanna be และไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลัก
ครอบครัวล่าอสูร October Faction ผลงานสร้างอีกเรื่องจาก Netflix ที่ว่าด้วยครอบครัวที่ดูธรรมดา แต่แท้จริงแล้วมนุษย์ลุงและป้าคู่นี้คือเจ้าหน้าที่ล่าปีศาจมือฉมัง พล็อตเรื่องต่างๆ ดูจากตัวอย่างแล้วน่าสนใจ แต่มันคุ้มที่จะเสียเวลาดูหรือไม่ ลองอ่านรีวิวนี้ดูครับ
ตัวอย่าง ครอบครัวล่าอสูร October Faction
เรื่องย่อของ ครอบครัวล่าอสูร October Faction
เนื้อเรื่องว่าด้วยครอบครัว Allan ที่พ่อ Fred และ แม่ Deloris คือนักล่าปีศาจที่กำลังพยายามเกษียณตัวเองจากงานพวกนี้ เพราะว่าเขามีลูกแฝดชายหญิง Geoff และ Viv ที่อยากจะให้ลูกๆ ใช้ชีวิตอย่างปกติ แต่แล้วพวกเขาก็ได้รับแจ้งข่าวการตายของคุณปู่ Samuel Allan จึงต้องกลับมารวมตัวกันที่บ้านของคุณปู่ แต่แล้วพวกเขาก็ต้องไปพัวพันเกี่ยวกับหายนะครั้งใหญ่ เกี่ยวกับการตื่นขึ้นของจอมเวทคนหนึ่ง
October Faction นั้น ดัดแปลงมาจากคอมมิคในชื่อเดียวกัน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2014 จนถูก Netflix นำมาสร้างเป็นเวอร์ชั่นคนแสดงเข้าฉายเมื่อ 23 มกราคม 2020 ซึ่งเนื้อเรื่องค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว ในคอมมิคสนุกกว่ามาก แต่ในซีรีส์นั้นเรียกได้ว่า เข้าขั้นแย่ แต่ก็ยังมีความสนุกอยู่
รีวิว ครอบครัวล่าอสูร October Faction
ว่าด้วยงานสร้างจาก Netflix ที่พล็อตเรื่อง หลายๆ อย่างในเทรลเลอร์ดูดี ซึ่งมันก็ดูดีแค่ตัวอย่างจริงๆ แต่ในตัวซีรีส์กลับดำเนินเรื่องได้ อืดอาด ยืดยาด เนิบนาบซะจนน่าหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ดูจากตัวอย่างมันน่าจะเป็นซีรีส์ที่โอเค ใช้ได้ มีการต่อสู้ ล่าปีศาจ เราเห็นพวกอมนุษย์แยกเขี้ยวใส่ตัวละครหลัก พอมาดูจริงๆ แล้ว มันก็ไม่ได้มีฉากการไล่ล่า หรือต่อสู้เยอะขนาดนั้น มันกลับกลายเป็นซีรีส์ดราม่าครอบครัว แถมผสมความสยองลงไปที่ดูพยายามยัดเข้ามา บวกกับชีวิตในรั้วโรงเรียนไฮสคูลและ LGBT ที่จะมีเข้ามา เพื่อ?
เริ่มจากตอนแรกของซีรีส์ โดยปกติแล้วซีรีส์ที่ดี ควรจะมัดใจผู้ชมให้ได้อยู่หมัดในตอนแรก แต่เรื่องนี้ขอบอกเลยว่า ไม่มีอะไรดึงดูดให้ดูต่อ นอกเสียจากฉากที่ปีศาจโผล่ออกมา สองฉาก ถ้ามันไม่ทิ้งปมจากตอนแรก ไปตอนต่อไปก็คงทำใจดูไม่ลง และได้แต่หวังว่าปมภายในเรื่องที่ใส่เข้ามาให้เราสงสัย จะช่วยเพิ่มความสนุกให้เรื่องได้บ้าง
การดำเนินเรื่องในตอนแรกที่เราคาดหวังจากตัวอย่างว่า มันน่าจะมีการโชว์พวก ทักษะการต่อสู้ แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจของนักล่าอสูร แก่แต่เก๋า แต่มันก็ดูดาดๆ เรื่อย เรียบๆ และเฉยมาก ความน่าสนใจก็คงเป็น Setup โลกมนุษย์ ที่มีองค์กรที่ชื่อ Presidio คอยส่งคนไปกำจัดพวกเหล่าอมนุษย์ หรือนักเวท Warlock ที่เป็นภัยต่อมนุษย์ โดยใช้พวกอุปกรณ์และเทคโนโลยีไฮเทคต่างๆ และเราก็จะได้เห็นว่า พวกปีศาจ หรืออมนุษย์พวกนี้ แฝงตัวและใช้ชีวิตอยู่กับมนุษย์แทบทุกหย่อมหญ้า มันเป็นพล็อตเรื่องที่ดี และน่าสนใจใช้ได้เลย ทำให้เราสงสัยว่า ปีศาจจะมีอะไรบ้าง มนุษย์หมาป่า ซอมบี้ แวมไพร์ ฯลฯ แล้วพวกมนุษย์จะจัดการยังไง ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ขอบอกเลยว่า ไม่มีอะไรแบบนั้นในเรื่อง และน่าผิดหวัง
เนื้อเรื่องของครอบครัว Allan ที่มีคุณพ่อ Fred และคุณแม่ Deloris เป็นนักล่าปีศาจในองค์กร Presidio อยู่แล้ว แต่ทั้งคู่ปกปิดความลับนี้ไม่ให้ลูกแฝดทั้งสองรู้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาคือใคร เด็กๆ รู้แค่ว่าพ่อแม่ของเขาเป็นคนขายประกันที่ต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เพราะงาน แต่ความจริงคือเขาต้องลงไปปราบปีศาจในพื้นที่ต่างๆ ทำให้ลูกๆ ต้องย้ายโรงเรียนบ่อย พอมาลงหลักปักฐานในเมืองบ้านเกิดของคุณพ่อ Fred และต้องเรียนไฮสคูลที่นั่น ลูกๆ จึงต้องพยายามปรับตัวเข้ากับสังคมที่นั่นให้ได้ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวว่ามีพลังบางอย่างในตัวกำลังตื่นขึ้น
กลายเป็นว่าพาร์ทเนื้อเรื่องของลูกแฝด Geoff และ Viv กลายเป็นเรื่องราวในรั้วโรงเรียนไฮสคูลที่ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมให้ได้ พร้อมกับการตื่นขึ้นของพลังบางอย่างในตัว โดย Geoff มีพลังมองเห็นวิญญาณ ส่วน Viv สามารถมองเห็นอนาคตได้ ดูเผินๆ ก็น่าสนใจดีว่าพวกเขาได้พลังนี้มาจากไหน แต่ความน่าสนใจและความน่าสนุก ถูกฉุดรั้งด้วยดราม่าในไฮสคูลที่ดูยัดเยียดเข้ามา ในพาร์ทของ Geoff แฝดชายที่เป็นเกย์ เข้าโรงเรียนก็ถูกบูลลี่ เรื่องเพศ แต่ไปๆ มาๆ ก็ดันมีความรักกับคนที่เคยบูลลี่เขาเพราะพลังมองเห็นวิญญาณ ละก็ใส่ฉากโรแมนติก ชาย-ชาย เข้ามาแบบพร่ำเพรื่อ พร้อมกับบทพูดให้กำลังใจ ซึ่งผมไม่ได้ขัดข้องกับพวก LGBT หรือไม่ได้ไม่ชอบอะไร แต่อันนี้คือไม่เข้าใจจริงๆ ว่า เขาจะใส่เข้ามาในเนื้อเรื่องทำไม? มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่องหลักเลยสักนิด ไม่มีผลกระทบต่อเรื่องหลักด้วย ซึ่งเนื้อหาหลักจริงๆ ควรจะโฟกัสเกี่ยวกับการล่าปีศาจ ดราม่าสงครามระหว่าง เผ่าพันธ์มนุษย์ และอมนุษย์ อะไรก็ว่าไป แต่ดันยืดเรื่องด้วยดราม่าไฮสคูล ที่ดูแล้ว wanna be จนทำให้เนื้อเรื่องหลักจืดชืดลงมากกว่าที่มันควรจะเป็น
ความแย่ต่อมาของเรื่องนี้คือ บทพูด และการแสดงของตัวละครหลัก คู่ผัวเมีย Fred Allan รับบทโดย J.C. MacKenzie และ Deloris Allan รับบทโดย Tamara Taylor คือบทของทั้งสองคนนี้ ควรจะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือมือเก่า แต่เก๋าเกมในเรื่องการล่าปีศาจ แต่ในเรื่อง เราไม่สามารถปักใจเชื่อได้เลยว่าสองคนนี้คือนักล่าปีศาจ มองยังไงก็มนุษย์ลุงและป้าที่มีปัญหาเรื่องครอบครัวเท่านั้น ด้วยการแสดงต่างๆ และการวางบทที่ดู ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งถ้าหากเทียบกับคอมมิค Fred จะนิสัยค่อนข้างเป็นคุณพ่อที่เข้มงวด ขรึมๆ และก็มีความเก่งระดับ Top Agent ในองค์กรล่าปีศาจ ส่วนคุณแม่แม้จะอายุมาก แต่ก็แต่งตัวแซ่บ แถมยังเก่งในด้านต่อสู้แบบสุดๆ พอมองกลับมาในซีรีส์ มองยังไงก็ไม่อินจริงๆ ว่าพวกเขาเก่งกาจขนาดนั้น
ในด้านบทพูด ที่ใส่เข้ามาพร่ำเพรื่อ(อีกแล้ว) มันอืดอาด ยืดยาด ไม่ส่งผลอะไรต่อเนื้อเรื่อง คือถ้าตัวละครหลักและตัวประกอบเริ่มคุยกันเกี่ยวกับประเด็นสำคัญในเรื่อง แค่เปิดหัวข้อ ละ Skip ไปตอนจบบทสนทนา คุณก็สามารถเดาได้อยู่ดีว่าเนื้อหาที่พวกเขาพูดจะเป็นแบบไหน บทพูดมีแต่น้ำท่วมทุ่ง เนื้อหาสำคัญน้อยนิด ยกตัวอย่างเช่นฉากคุยกันของเด็กวัยรุ่นในงานศพคุณตาตอนแรก มันเป็นการคุยเล่นกันที่ไม่ส่งผลกับเนื้อเรื่อง ไม่ได้มีอะไรมาก แต่ความยาวของฉากนั้นปูเพื่อไปอีกฉาก กินเวลาเกือบๆ 5 นาที คือไม่เข้าใจว่าซีรีส์จะนำเสนอฉากคุยเล่นกันพวกนี้เข้ามาทำไมเยอะแยะ แถมยังไม่น่าสนใจ และเป็นแบบนี้ตลอดทั้งเรื่อง
ในด้านภาพ บางฉากที่อยู่ในป่า โลเคชั่นสวย แต่ภาพรวมของทั้งเรื่อง ทั้งกราฟฟิค ที่หลายๆฉาก ดูลอยๆ ไม่เนียน บวกกับอุปกรณ์ปราบปีศาจไฮเทคที่ดูแล้วดีไซน์ออกมาแย่มาก เหมือนของเด็กเล่น ใครที่หวังว่าจะเห็นอุปกรณ์ไฮเทคที่ใช้ปราบปีศาจก็ไปหาดูเรื่องอื่นดีกว่า ดีไซน์แย่มากจริงๆ เรื่องนี้
กว่าความสนุกมันเริ่มต้น และมันควรจะเป็นตั้งแต่ตอนที่ 1 ก็ปาไปตอนที่ 5 แล้ว ซึ่งหลังจากตอนที่ 5 ก็เหมือนจะเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้าง ความสนุกเริ่มมา ปมหลายๆ อย่างเริ่มเฉลย แต่ก็อย่างที่บอกข้างบน ยังคงมีฉากพูดพร่ำเพรื่ออยู่มาก ซึ่งปมหลายๆ อย่างที่ใส่มาดูน่าสนใจ เช่นเบื้องหลังขององค์กรค์ล่าปีศาจ เรื่องการเสียชีวิตของคุณปู่ สงครามระหว่าง Presidio และพวกจอมเวท และยังมีปมเกี่ยวกับชาติกำเนิดของคู่แฝดชายหญิงแห่งบ้าน Allan ที่แม้จะดูเดาได้บ้างว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ไม่น่าจะหักมุมอะไรมาก แต่ก็ยอมรับว่าส่วนนั้นทำให้ซีรีส์สนุกขึ้นในแบบที่มันควรจะเป็น
แต่สุดท้ายพอความสนุกเริ่มมา ก็ดันจบไปแบบ หืม? แค่นี้เลย แล้วก็โยนปมใหม่ไว้ใน End Credit เพื่อปูทางไปซีซั่นที่ 2 ต่อไป ซึ่งในเมื่อมันจบแบบห้วนๆ แบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะลองนำมันมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นคอมมิคว่า ต่างกันยังไงบ้าง
ความต่างแรกเลยก็คือ ครอบครัว Allan ฝ่ายแม่ ไม่ใช่ Affrican American หรือคนผิวสี ซึ่งอันนี้ไม่เข้าใจว่าทาง Netflix ต้องการอะไร ป้องกันดราม่าเกี่ยวกับความหลากหลายของตัวละครหรือเปล่า ไม่เห็นจำเป็นเลยสักนิด ส่วนในด้านลูกแฝดชายหญิง จะรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่ของพวกเขาทำงานเป็นคนปราบปีศาจ และอยากจะเจริญรอยตามด้วยการฝึกฝนตัวเองเข้าไปสอบเป็นนักล่าปีศาจ และคู่รักเกย์ของ Geoff ในซีรีส์ ในคอมมิคตัวละครนี้โผล่ออกมาแค่ 2 หน้ากระดาษ เพื่อโชว์พลังมองเห็นวิญญาณล้วนๆ แต่ไหงได้กลายเป็นตัวละครที่โผล่หน้าออกมาบ่อยๆ ในซีรีส์ซะอย่างนั้น
ครอบครัวล่าอสูร October Faction คือซีรีส์ที่เหมือนกับว่าทีมเขียนบทอ่านคอมมิคแค่ตอน 1 แล้วเอาพล็อตเรื่องที่น่าสนใจอย่างการล่าปีศาจ มายำๆ ด้วยเรื่อง LGBT เรื่องผิวสี เรื่องครอบครัว ชีวิตในไฮสคูล Coming of Age จนออกมาเละเทะยิ่งกว่าแกงโฮะ(อาหารเหนือ) แต่อย่างน้อยมันก็มีความสนุกอยู่บ้างในครึ่งหลังของซีรีส์ แต่ครึ่งแรกห่วยเสียยิ่งกว่าห่วย มันเป็น Netflix Adaptation ที่ไม่ได้เคารพต้นฉบับคอมมิคเลยสักนิด ถ้าหากใครที่อยากจะลองดู เอาเป็นว่าถ้าคุณมีเวลาในชีวิตเหลือเฟือ แล้วอยากดูอะไรที่มันแปลก ห่วยๆ ก็ขอเชิญเรื่องนี้ แต่ทางที่ดี เลี่ยงไปดูเรื่องอื่นดีกว่า หรือไปหาอ่านคอมมิคก็ได้ ในคอมมิคเนื้อเรื่องเข้มข้น ฉับไว และสนุกมากกว่าซีรีส์หลายเท่า
รับชมครอบครัวล่าอสูรได้ทาง Netflix
อ่านรีวิว หนัง ซีรีส์อื่นๆ ได้ที่นี่