รีวิว Ratched จิตอำมหิต นางพยาบาลสุดจิตที่จะปั่นหัวคุณ (ไม่สปอยล์)
Ratched จิตอำมหิต
สรุป
ดูจบแล้วแทบจะอยากให้ภาคต่อออกมาทันที เพราะมันทั้งสนุก ทั้งลุ้น ด้วยความแปลกประหลาดในการดำเนินเรื่อง ตัวละครที่มีความบ้าความจิต แต่มีเสน่ห์ให้น่าจดจำ บทที่คาดเดาไม่ได้ พลิกไปพลิกมาขั้นสุด นี่เลยเป็นซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ใครชอบแนวแปลก หรือชอบแค่นักแสดงนำก็ควรหามาชม
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- ตัวละครที่มีมิติ น่าลุ้นเอาใจช่วย
- บทที่คาดเดาไม่ได้ พลิกไปพลิกมา
- ฉากรักษาผู้ป่วยทางจิตชวนเสียวใส้
- ยุคธีม 40s อันมีเสน่ห์
- สนุกจนอยากจะรู้เรื่องราวในซีซั่นต่อไปไวๆ
Cons
- บางช่วงทำให้รู้สึกมันดำเนินเรื่องคลุมเครือ ไม่รู้จะลงเอยตรงไหน
Ratched จิตอำมหิต ซีรีส์ Netflix ที่นำเอาตัวร้ายนางพยาบาลในตำนานจากเรื่อง One Flew Over the Cuckoo’s Nest : บ้าก็บ้าวะ มาทำเป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงต้นตอและประวัติของตัวละครนี้ว่าทำไมเธอถึงเป็นนางพยาบาลจอมบงการที่ปั่นหัวคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวชทุกคนแบบในหนัง
ตัวอย่าง Ratched จิตอำมหิต
รีวิว Ratched จิตอำมหิต
ซีรีส์เรื่องนี้ได้ Sarah Paulson นักแสดงนำหลักจาก American Horror Story พ่วงด้วยทีมโปรดักชั่นและผู้เขียนบท Ryan Murphy จึงการันตีได้ในระดับหนึ่งได้เลยว่างานสร้างและบทจัดเต็มแน่นอน
เดิมที แรทเช็ด คือตัวละครจากนิยายเรื่อง One Flew Over the Cuckoo’s Nest และถูกนำมาทำเป็นภาพยนต์ในปี 1975 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล Oregon State วอร์ดผู้ป่วยจิตเวช ที่ควบคุมโดยนางพยาบาลสุดเคร่งครัดที่ชอบบงการควบคุมทุกอย่างให้อยู่ใต้อำนาจจนกระทั่งผู้ป่วยใหม่สุดป่วนอย่าง แมคเมอร์ฟีย์ (นำแสดงโดยแจค นิโคลสัน) เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ และสงครามประสาทระหว่างพยาบาลกับคนไข้ก็เริ่มขึ้น
ส่วนเรื่องราวในซีรีส์ก็จะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของตัวละครนางพยาบาลคนนี้ตั้งแต่เด็ก พบเจออะไรบ้าง ถูก Setup ไว้ในยุคประมาณปี 1947 เมื่อมิลเดร็ด แรทเช็ด ได้เข้ามาสมัครเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลจิตเวชรัฐลูเซีย ที่กำลังเตรียมความพร้อมในการรับตัวผู้ป่วยรายใหม่ที่เป็นฆาตกรชื่อกระฉ่อนอย่าง เอ็ดมัน ทอลเลสัน และดูเหมือนว่าแรทเช็ดจะมีแผนการบางอย่างที่เข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้
ในโรงพยาบาลรัฐลูเซียแห่งนี้ดูแลโดย ดร.ฮาโนเวอร์ ที่กำลังต้องการเงินจากรัฐเพื่อดูแลโรงพยาบาลไปพร้อมกับความหวังที่จะทำการรักษาผู้ป่วยทางจิตให้กลับมาหายเป็นปกติ (ด้วยวิธีสุดโต่ง)
ในช่วงแรกของซีรีส์เราจะได้เห็นการทำงานของเหล่าหมอ พยาบาลที่รักษาผู้ป่วยแบบที่เราเห็นแล้วรู้สึกเสียวใส้อย่างมาก เพราะมันคือยุคปี 40s ที่การรักษาคนไข้ป่วยทางจิตไม่ได้เหมือนสมัยนี้
เราจะได้เห็นทั้งการรักษาโรครักร่วมเพศด้วยการจับแช่ในน้ำร้อนอุณภูมิสูงแล้วโยนลงไปในบ่อน้ำเย็นทันที หรือรักษาอาการป่วยทางจิตง่ายๆ ด้วยการเจาะกะโหลกด้วยสว่าน ที่ง่ายกว่านั้นก็คงเป็นการนำเอาแท่งเหล็กแหลม หรือสิ่งที่มีปลายแหลมอย่างที่เจาะน้ำแข็ง นำไปสอดไว้เหนือดวงตาผู้ป่วยแล้วตอกลงไปให้ทะลุถึงสมองเพื่อรักษา
วิธีการรักษาที่ว่ามาดูเหมือนจะโหดร้าย แต่มันดันมีอยู่จริงในยุคนั้น และทำกันจริงๆ แถมมันก็ไม่ใช่วิธีที่สามารถรักษาได้เลย เรียกได้ว่าเป็นความจริงที่โหดร้ายที่ตัวซีรีส์ได้สอดแทรกเข้ามาเป็นสีสันและทำให้คนดูเสียวใส้
นางพยาบาลแรทเช็ดเองได้บังเอิญเข้ามาทำงานแบบเหมือนทุกอย่างจะบังเอิญไปหมด (หรือนางวางแผนไว้ให้เป็นแบบนั้นต้องลองไปดูในเรื่อง) จึงไปเตะตากับหัวหน้าพยาบาลอย่าง เบ็ดซี่ บักเก็ต ซึ่งเธอจะคอยจิกกัดและขัดคอตัวเอกของเราอยู่เสมอ
จากตัวร้ายในนิยายและภาพยนต์ สู่ตัวเอกของซีรีส์ มันเลยทำให้เราได้เห็นถึงเรื่องราวชีวิต ด้านดราม่าต่างๆ ว่าทำไมแรทเช็ดถึงต้องการเข้ามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เธอต้องการอะไร แล้วเธอผ่านอะไรมาบ้าง เราจะได้เห็นทั้งหมดในซีซั่นแรกนี้เลย
โดยในช่วงแรกแรทเช็ดก็จะดูเหมือนเป็นนางพยาบาลที่มีลับลมคมใน มีความลึกลับ ไม่รู้ว่าเธอวางแผนอะไรอยู่ เธอทั้งโกหก หักหลัง แบลคเมล์ อีกหน้าที่หนึ่งคือเธอเป็นนางพยาบาล แม้จะชอบบงการคอยควบคุมคนให้เป็นไปตามที่เธอต้องการ แต่เธอก็ช่วยเหลือเหล่าคนไข้ไปด้วย มันเลยทำให้เห็นว่าเธอเองไม่ใช่ตัวละครที่แย่ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนดี
ยิ่งดูไปเราก็จะยิ่งเห็นถึงความสัมพันธ์ของเธอกับตัวละครต่างๆ ที่โผล่มาในเรื่อง และธีมเรื่องนี้มันคือโรงพยาบาลบ้า ตัวละครแต่ละตัวเลยมีความบ้า ความจิตในตัวของมันและมีเสน่ห์ทุกตัวที่ปรากฏและเดาทางไม่ได้เลยว่าคนพวกนี้จะเป็น หรือลงเอยยังไง
และนี่คือข้อดีของซีรีส์เรื่องนี้เลยนั่นก็คือ เหล่าตัวละครที่ปรากฏ แม้แกนเรื่องของมันก็คือการที่แรทเช็ดได้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อหวังกระทำบางอย่าง แต่นั่นก็ทำให้หลายๆ เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นจนมันกลายเป็นอะไรที่เราเดาทางไม่ได้เลย มันเป็นการเดินทางเพื่อแก้ปัญหา แก้สถานการณ์ของตัวเอกว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป เมื่อเจอกับพวกป่วยจิตเหล่านี้ ดูไปลุ้นไปตลอด เพราะปัญหาหลายๆ อย่างมันอาจจะถูกแก้ด้วยความเป็นความตาย
ตัวละครแต่ละตัวที่ออกมา บางตัวเราอาจจะเกลียดทีแรก แล้วกลายเป็นชอบทีหลัง บางตัวละครที่เราเอาใจช่วยก็พบกับจุดจบและความตายแบบไม่คาดคิด และมีความตายในเรื่องเยอะมากแบบไม่ทันตั้งตัว มันเลยกลายเป็นความบ้าในเรื่องที่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ เดาทางไม่ได้เลย
ในตัวซีรีส์นี้เมื่อดำเนินไปถึงกลางๆ เรื่อง เราจะสัมผัสได้ถึงพลังหญิง ความเฟมินิสต์ แม้กระทั่งความรักของเลสเบี้ยนที่เราไม่ทันตั้งตัวว่าจะเป็นไปในทางนั้น ทำให้รู้สึกแปลกดีเหมือนกัน และมันก็ใส่มาแบบไม่ได้รู้สึกยัดเยียดอะไร ยิ่งทำให้ตัวละครหลักและรองต่างดูมีมิติมากขึ้น
แต่ข้อดีมันก็อาจจะกลายเป็นข้อเสียของซีรีส์ก็ได้ เพราะบางทีมันก็ทำให้เราดูแล้วรู้สึก มันคลุมเครือ ไม่รู้ว่ามันจะไปจบลงตรงไหน มีหลายอย่างเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับปวดสมองคิดตามหลายตลบ
ความดีงามต่อมาก็ต้องยกให้คอสตูม เพลงประกอบ บรรยากาศในเรื่องที่ทำให้เราย้อนกลับไปในยุคปี 40s ที่มีเสน่ห์ การนำเสนอในเรื่องที่บอกเลยว่านึกถึงหนังในสมัยเก่าเลย เพลงประกอบก็ฟังดูเก่า ทำได้ดีมากในจุดนี้
ส่วนการแสดงของนักแสดงแต่ละคนก็ยิ่งทำให้เราอินกับการดำเนินเรื่อง การพัฒนาตัวละครได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่แค่นักแสดงหลักอย่าง Sarah Paulson แต่นักแสดงคนอื่นๆ แม้กระทั่งนักแสดงที่รับบทเป็นชาร์ล็อต ผู้ป่วยโรคหลายบุคลิกก็แสดงได้ดีมาก ทำให้เรารู้สึกเอาใจช่วย หมั่นไส้ และกลัวเธอไปได้พร้อมๆ กัน นักแสดงคุณภาพทุกคน
แรทเช็ดนั้นได้ถูกวางให้มี 2 Season ตั้งแต่แรก โดยจะแบ่งเป็นซีซั่นละ 8 ตอน ซึ่งเมื่อดูจบแล้วแทบจะอยากให้ภาคต่อออกมาทันที เพราะมันทั้งสนุก ทั้งลุ้น ด้วยความแปลกประหลาดในการดำเนินเรื่อง ตัวละครที่มีความบ้าความจิต แต่มีเสน่ห์ให้น่าจดจำ บทที่คาดเดาไม่ได้ พลิกไปพลิกมาขั้นสุด นี่เลยเป็นซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ใครชอบแนวแปลก หรือชอบแค่นักแสดงนำก็ควรหามาชม
รับชม Ratched จิตอำมหิต ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านบทความรีวิวหนัง/ซีรีส์อื่นๆ ได้ที่นี่