รีวิวซีรีส์ Border Town เมืองมรณะ Season 1-2-3 เชอร์ล็อคโฮมแห่งฟินแลนด์
รีวิว Border Town เมืองมรณะ Season 1-2-3 เชอร์ล็อคโฮมแห่งฟินแลนด์
-
Border Town Season 1 - 7.5/10
7.5/10
-
Border Town Season 2 - 8/10
8/10
-
Border Town Season 2 - 8.5/10
8.5/10
สรุป
นี่คือ 1 ในซีรีส์สืบสวนสอบสวนน้ำดีที่หลายๆ คนอาจจะพลาดไป แม้คดีแรกๆ จะยังดูธรรมดา แต่มันจะยิ่งซับซ้อนขมวดปมมากขึ้นเรื่อยๆ มีทั้งความแปลก ความน่าขนลุก ชวนให้คิดตามและหักมุมได้ตลอด แม้บางคดีเหตุผล และแรงจูงใจมันจะดูอ่อนไปหน่อย แต่โดยรวมก็คือ ห้ามพลาด
Overall
8/10User Review
( vote)Pros
- แต่ละตัวละครมีเสน่ห์ น่าสนใจ พระเอกแม้จะแก่แต่ก็มีสกิลไขคดีที่น่าทึ่ง
- พัฒนาการตัวละครดี มีปูมหลังที่น่าสนใจชวนติดตาม
- หลากหลายคดี ที่ทั้งแปลก ทั้งน่าขนลุก ทั้งลุ้น หักมุม น่าติดตามตลอด
- มีหลายจุดที่เชื่อมโยงกัน เหมือนทิ้งปมไว้ให้คนดูปะติดปะต่อเอาเอง
Cons
- ในช่วงแรก แต่ละคดีจะดูธรรมดาไปหน่อย
- เหตุผล แรงจูงใจของบางคดีมันดูอ่อน ทำให้เราไม่ค่อยเชื่อและอินมาก
- ในพาร์ทเนื้อเรื่องรอง ไม่ค่อยจะทำให้คนดูเข้าใจมากเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่มันมีส่วมเชื่อมไปยังบางคดีหลัก
Border Town เมืองมรณะ ซีรีส์น้ำดีจากประเทศฟินแลนด์ เรื่องราวของนักสืบอาวุโสมากความสามารถที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จึงย้ายจากในเมืองมาประจำการยังบ้านเกิดของภรรยาเขา แต่ความเรียบง่ายก็ไม่เป็นดังหวังเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นจนเขาต้องเข้าไปพัวพัน ในขณะเดียวกันก็ต้องเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเอาไว้ให้ได้
ตัวอย่าง Border Town เมืองมรณะ (Netflix)
รีวิว Border Town เมืองมรณะ Season 1
นี่คืออีก 1 ซีรีส์สืบสวนสอบสวนในแบบที่ว่า ถ้าใครชอบแนวโคนัน คินดะอิจิ เชอร์ล็อคโฮมล่ะก็ไม่ผิดหวัง เพราะ 1 ซีซั่นจะมีหลายคดีให้เราได้ติดตามและลุ้นไปพร้อมๆ กับตัวเอกของเรา คารี โซโยเนน
โซโยเนนเป็นนักสืบจากเมืองใหญ่ ที่ย้ายเข้ามายังเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า แลปเปรันตา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ ห่างจากรัสเซียเพียง 30 กิโลเมตร เป็นเมืองชายแดนตามชื่อเรื่อง Border Town ซึ่งเมืองที่ดูเหมือนจะสงบสุขนี้ กลับมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นมากมาย และบางคดีก็ดันไปเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลของเมือง ทั้งนักธุรกิจและนักการเมือง
ในคดีแรกชื่อว่า บ้านตุ๊กตา เป็นคดีของการค้าประเวณีเด็กสาวในเว็บมืด ที่กลายเป็นการฆาตกรรมอำพราง จนทำให้อดีตเจ้าหน้าที่ FSB ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ลงมาตามสืบเพื่อหาความจริง
เราจะได้เห็นว่า นักสืบโซโยเนน ทำงานสืบสวนอย่างไร เรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่มีบุคลิกชัดเจน เขาจะเป็นคนประเภท Perfectionist และดูเป็นอัจฉริยะ ที่สามารถอนุมาน และปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงในคดีได้ ซึ่งเขาจะมีวิธีการดึงความทรงจำด้วยการสร้างห้องจำลองข้อมูลในหัว แต่คาแรคเตอร์ของเขาก็จะไม่ได้จัดจ้านแบบซีรีส์ Sherlock ที่ Benedict Cumberbatch แสดงขนาดนั้น จะออกไปทางเรียลๆ มากกว่า
การดำเนินเรื่องจะมีอยู่ 2 พาร์ทหลักๆ คือเรื่องราวของคดี และเรื่องราวของครอบครัวตัวละครที่โซโยเนนต้องบริหาร จัดการเวลา เพราะเขาย้ายมาทำงานในเมืองเล็กๆ นี้ เพียงเพื่อหวังว่าจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่ามันมีคดีที่น่าปวดหัวจนเขาต้องดึงความอัจฉริยะของเขามาใช้จนถึงขีดสุดเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องราวในพาร์ทชีวิตของตัวละครแต่ละตัว มันเชื่อมโยงเข้ากับตัวคดีได้อย่างไม่น่าเบื่อเลย ถือว่าเป็นข้อดีมาก และการดำเนินเรื่องสืบคดีก็รู้สึกว่ามีแต่เนื้อเน้นๆ เล่าเรื่องให้เราลุ้น และสงสัยไปกับตัวคดี ไม่มีการออกนอกลู่นอกทางให้เรื่องยืดเยื้อหรือน่าเบื่อเลย
ความน่าสนใจต่อมาก็คือตัวเมืองในฟินแลนด์ ที่น่าจะมีการก่ออาชญากรรมน้อย แต่เบื้องหลังนั้นกลับมีปัญหาหลายๆ อย่างที่ถูกปกปิด ซ่อนไว้โดยผู้มีอิทธิพล อารมณ์เหมือนเป็นพวกองค์กรชุดดำในโคนัน แต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งขนาดนั้น เพราะในเรื่องเราจะเห็นหลายๆ คดี มีความเชื่อมโยงไปยังคนกลุ่มนี้ตลอดๆ
อีกอย่างหนึ่งคือการดำเนินเรื่องที่ แม้จะเป็นซีรีส์ที่จบไปเป็นคดีๆ แต่คดีที่จบ ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเหยื่อ ผู้เกี่ยวข้อง หรือของตัวครอบครัวนักสืบจะจบ มันจะดำเนินต่อกันไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นความเครียดจากการทำงาน หรือความสัมพันธ์ของครอบครัวจากคนที่เคยเป็นเหยื่อ หรือการร่วมมือกันของเจ้าหน้าที่ FSB กับตำรวจที่ได้กลายมาเป็นตัวละครหลักอีกตัวนึงที่น่าสนใจมาก เพราะเธอเป็นผู้เสียหายจากคดีแรกของเรื่อง เธอคนนั้นคือ เลนา ย๊ากโคลา
ตัวละครเลน่านั้นปรากฏตัวตั้งแต่ตอนแรก เพื่อสืบหาเกี่ยวกับการหายตัวไปของลูกสาว เธอเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ FSB (Federal Security Service) หน่วยความมั่นคงกลาง หรือหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลรัสเซีย เป็นตัวละครหญิงวัยกลางคนที่จัดจ้านมาก ทั้งเรื่องของการสืบคดี และการลงพื้นที่ปฏิบัติ สมกับคำว่าโหดสัสรัสเซียมาก แถมยังมีปูมหลังลึกลับที่ค่อยๆ เฉลย เป็นสีสันในเรื่องที่น่าติดตามและทำให้เรื่องสนุกมากขึ้น
มาดูกันที่แต่ละคดีในซีซั่นแรก หลังจากคดีบ้านตุ๊กตา จะมีอีก 3 คดี ดังนี้
- ดราก้อนฟลาย คดียาเสพติดที่ทำให้คนเสพถึงตาย และการตายปริศนาของ เจ้าหน้าที่ กปปส. ที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มนักกรีฑาอนาคตไกล
- ความเดือดดาล ตอนนี้จะมี 2 คดี 1 คือคดีแปลกที่ผู้หญิงเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างปริศนา ผู้หญิงเหล่านั้นมีปูมหลังเหมือนกันคือเป็นนักกีฬา และ 2 คือคดีการจัดการแข่งสุนัขขึ้นอย่างผิดกฏหมายในเมือง ซึ่งนักสืบโซโยเนนที่เห็นถึงความไม่ปกติที่อาจจะเชื่อมโยงสองคดีที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันนี้
- หญิงสาวในทะเลสาบ คดีประหลาด เมื่อเจ้าหน้าที่ได้พบเจอหญิงสาวถูกขังเอาไว้ในกรงใต้น้ำประมาณ 3 วัน แต่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยการต่อท่อหายใจลงใต้น้ำ ทำให้ทีมสืบสวนต้องพบกับความท้าทายครั้งใหม่ และต้องสืบหาสาเหตุว่าใครเป็นคนทำ
- จุดจบ คดีใหญ่ปิดท้ายซีซั่นแรกที่เข้มข้นอย่างมาก เมื่อยานีนา ลูกสาวของโซโยเนน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับศพบนเรือ ทำให้เธอต้องถูกจับกุมเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม โซโยเนนต้องหาทางช่วยลูกสาวให้พ้นผิดและตามหาตัวฆาตกรตัวจริงให้ได้
แต่ละคดีอาจจะดำเนินเรื่องไป และไม่ค่อยมีการพลิกผันอะไรมาก เพราะตัวซีรีส์เองจะนำเสนอทั้งฝั่งมุมองของนักสืบและของตัวคนร้ายไปพร้อมๆ กัน แล้วจะค่อยๆ เฉลยไปทีละนิด เฉพาะคดีแรกๆ ที่ยังดูง่าย แต่พอมาคดีหลังๆ เช่นตอน ความเดือดดาล ที่นำเสนอ 2 คดีที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน แต่ดันเกี่ยวกันอย่างไม่น่าเชื่อทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับการไขคดีของพระเอก โดยเฉพาะในตอนสุดท้ายที่มันซับซ้อนหลายตลบ เมื่อโซโยเนนต้องสืบหาความจริงที่อาจจะนำไปสู่ฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต เป็นตอน Finale ที่สนุกมากๆ
ลืมบอกไปว่า ซีรีส์เรื่องนี้อยู่ในระดับ 18+ มีฉากศพ ฉากเปลือยที่จัดเต็มและไม่เซ็นเซอร์ใดๆ แต่ก็ไม่ได้ชวนแหวะมากเท่าไหร่ อยู่ในระดับที่รับได้
Border Town เมืองมรณะ Season 1 เป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวนอีกเรื่องหนึ่งที่สนุกและดูเพลินมากๆ เพราะ 1 คดี มีประมาณ 2-3 ตอนเท่านั้น แต่ละตอนความยาวประมาณ 50 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ทำให้เหมาะที่จะเปิดดูในตอนว่างๆ ให้มันจบสักคดีหนึ่งก่อนเข้านอน แต่มันก็อาจจะทำให้คนดูเพลินจนต้องดูยาวๆ รวดเดียวให้จบ ก็ได้ ถ้าใครชอบแนวนี้ขอบอกเลยว่า ห้ามพลาด
รีวิว Border Town เมืองมรณะ Season 2
ในซีซั่นที่ 2 ของซีรีส์สืบสวนจากฟินแลนด์ ที่ยังคงความเข้มข้นในเรื่องราว และเพิ่มความซับซ้อนของแต่ละคดีที่เห็นได้ชัดยิ่งกว่าภาคแรก ทำให้มันดูสนุกขึ้นและลุ้น ชวนขมวดคิ้วและคิดตามนักสืบ คารี โซโยเนน ว่าเขาจะสามารถไขปริศนาของแต่ละคดีได้อย่างไร
ในภาคนี้ สิ่งต่างๆ ที่ครอบครัว เดเกอร์แมน กลุ่มผู้มีอิทธิพลในเมือง จะเข้ามามีบทบาทเชื่อมโยงไปยังคดีต่างๆ และจะได้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังมากขึ้นในการทำธุรกิจของพวกเขาว่า ไม่ได้ใสสะอาดค่อนออกไปทางเทาๆ ซึ่งเนื้อเรื่องในส่วนนี้จะเป็นเรื่องรอง ที่ขมวดปมไว้ในแต่ละคดี เพราะมันจะมีจุดเชื่อมเล็กๆ ให้เราได้สงสัยตลอด
ยังคงการเล่าเรื่องในแบบ 2 ตอน ต่อ 1 คดีเอาไว้ ซึ่งซีซั่นนี้ มี 10 ตอนจบ เท่ากับว่ามี 5 คดี ดังนี้
- บริหารห้านิ้ว คดีที่แม่ลูกคู่หนึ่งถูกยิงเสียชีวิตในรถ ผู้ต้องสงสัยคือสามีเก่าที่ชอบใช้ความรุนแรงของเธอ แต่คารี กับเลน่า รู้สึกว่าคดีนี้มีเบื้องลึกมากกว่าที่คิด ในตอนนี้เราจะได้เห็นอดีตของเลนา ว่าเธอคือใคร ทำงานอะไรมาก่อน รวมไปถึงอดีตของเธอกับลูกสาวอีกด้วย เป็นคดีสำคัญคดีหนึ่ง ที่จะเชื่อมโยงไปยังตอนคดีจบของซีซั่นนี้
- พิธีกรรมแห่งฤดูใบไม้ผลิ ครั้งนี้ คารี โซโยเนนต้องสืบ เค้นหาความจริงกับผู้ดูแลศูนย์รับเลี้ยงเด็กว่า ทำไมถึงมีตัวอ่อนทารกมาอยู่ในชั้นใต้ดินของเธอ เธอปิดบังอะไรเอาไว้กันแน่ ในคดีนี้เป็นตอนที่เรียกได้ว่า อึดอัด เพราะคนที่รู้เบาะแส ความจริงทุกอย่าง กลับปิดปากเงียบและไม่พูดจนทำให้คนดูอย่างเราต้องปวดหัวตามตัวเอกไปด้วย ซึ่งมันกลายเป็นความหักมุมแบบไม่คาดคิด
- เปลแมว คดีสะเทือนขวัญที่ทำให้ชาวแมืองต้องตกอยู่ในความหวาดผวา เมื่อมีมือปืนสไนเปอร์คอยซุ่มยิงผู้คนอยู่ ทำให้ผู้คนทั้งเมืองไม่กล้าออกมาข้างนอกบ้าน ในขณะเดียวกันก็เป็นครั้งแรกที่ นิโก ตัวละครหลักอีกตัวในทีมสืบสวน ลงมาทำคดีเพราะคารีกำลังลาพักงานเพื่อที่จะใช้เวลาอยู่กับภรรยาที่อาการเนื้องอกในสมองกำเริบ คดีนี้ดูสนุก และลุ้นในพาร์ทจบของคดีนี้มากๆ เพราะนอกจากจะเป็นการไขคดี จะมีฉากทริลเลอร์ ช่วยตัวประกันในตอนจบด้วย
- นางดูดเลือด เมื่อบล็อคเกอร์สาวดันไปค้นพบศพที่ติดอยู่ในผนังบ้านเช่าของเธอ ทำให้ทีมสืบสวนต้องรื้อคดีเก่าๆ มาสืบหาความจริงใหม่ แถมบล็อคเกอร์สาวยังค้นพบว่าอาจจะมีสตอลค์เกอร์คยตามเธออยู่ คดีนี้ขอบอกเลยว่า เป็นคดีที่น่าขนลุกมาก เพราะตัวร้ายในคดีคือโรคจิตขนาดแท้ที่แฝงตัวอยู่ จะเป็นใครต้องไปลุ้นในซีรีส์
- ไร้เงา คดีสุดท้ายปิดซีซั่นที่เข้มข้นและดุเดือด เมื่อลูกชาย 2 คน ของทนายความในคดีบริหารห้านิ้ว ต้องการหาความจริงบางอย่างเกี่ยวกับแม่ แต่พวกเขาก็ดันเป็นพวกบ้าๆ บุกเข้าไปในบ้านของคารี โซโยเนน และใช้ปืนขู่ทั้งครอบครัวให้เขาช่วยสืบหาคดี ในตอนนี้จึงกลายเป็นภารกิจช่วยตัวประกัน พร้อมกับไขคดีไปด้วย ซึ่งเรื่องราวก็จะเชื่อมไปยังอดีตของเลนาที่เธอต้องสะสาง รวมไปถึงปมบางอย่างของธุรกิจของผู้มีอิทธิพลที่ปูดออกมา เป็นคดีแรกที่มีความเชื่อมโยงกันตรงๆ ในซีรีส์เรื่องนี้ และเป็นตอนปิดซีซั่นที่ยังทำได้ดีมากเหมือนภาคที่แล้ว
ซีซั่นนี้ต้องยอมรับเลยว่าสนุกทุกคดี ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ปมหลายชั้นที่นำไปสู่จุดจบที่หักมุมแทบจะทุกตอน แม้บางตอนเรารู้สึกได้ว่า แรงจูงใจของตัวผู้ร้ายเองมันเบาบางไปนิดหนึ่ง แต่เป็นแค่บางคดีเท่านั้น โดยรวมยังถือว่าทำดีมาก รักษามาตรฐานคงเส้นคงวา เพิ่มเติมดราม่าของทางเนื้อเรื่องในฝั่ง เปาลีน่า เมียพระเอกที่ทำงานให้กับพวกนักธุรกิจสีเทาๆ ในเมือง แม้ว่าเนื้อเรื่องส่วนนี้จะดูเรียบๆ เฉยๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้น แต่ก็ช่วยขยายเรื่องราวที่เชื่อมไปยังจุดเล็กๆ ในคดี ได้อย่างดีเลย
เราจะได้เห็นแฟลชแบคของตัวเอก และความเป็นมนุษย์ของ คารี โซโยเนน ว่าเป็นนักสืบอัจฉริยะที่เก่งกาจในด้านการใช้ความคิดมาก แต่ก็เป็นคุณพ่อและสามีที่ห่วยแตกสุดๆ ทำให้เรายิ่งดูแล้วรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น
นี่คือซีรีส์สืบสวนสอบสวนน้ำดี ที่หลายๆ คน อาจจะยังไม่รู้จัก เพราะเป็นซีรีส์ฟินแลนด์ ไม่ใช่ของอเมริกาด้วย คนอาจจะไม่คุ้นชื่อ ถ้าหากใครชอบแนวสืบสวนสอบสวนแล้วเลื่อนผ่านเรื่องนี้ ต้องบอกเลยว่าพลาดมากจริงๆ และในตอนจบของ SS2 แม้คดีจะไขได้ แต่เราก็ไม่รู้ชะตากรรมของตัวละครแต่ละตัวจะเป็นอย่างไร ต้องไปลุ้นใน Season 3 ที่จะมาถึงในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้
รีวิว Border Town เมืองมรณะ Season 3
เมืองมรณะ กับซีซั่นที่ 3 ที่ยังคงความเข้มข้นและน่าติดตามไว้ในทุกคดี และในซีซั่นนี้จะเน้นไปที่ดราม่าของตัวละครมากขึ้น แม้จะดูยืดไปบ้างจาก SS2 แต่ก็ไม่ทำให้ความสนุกของคดีต่างๆ ลดลงไป
เนื่องจากตอนจบของซีซั่นที่แล้ว เกิดความวุ่นวายหลายอย่าง ซีซั่นที่ 3 จะดำเนินเรื่องหลายเดือนหลังจากนั้น เราจะได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชะตาชีวิตของตัวละครแต่ละตัว ทั้งครอบครัวโซโยเนน และคาเทียที่ต้องขึ้นชั้นศาลเพราะคดีในตอนจบ รวมไปถึงการกลับมาของวายร้ายตัวสำคัญที่ปรากฏตัวตั้งแต่ซีซั่นแรก ถ้าหากว่าเชอร์ล็อคโฮมมี เจมส์ โมริอาตี้ เป็นคู่ปรับ นี่คือตัวบอสและวายร้ายคู่ปรับของคารี โซโยเนน ที่กลับมาลงมือ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเมืองอีกครั้ง
เนื่องจากว่าภาคนี้ มันได้เพิ่มส่วนดราม่ามากขึ้น ทำให้เราได้เห็นแฟลชแบค อดีตของตัวเอกเราในสมัยเด็ก ที่เป็นเด็กอัจฉริยะ ว่าเขาเติมโตมาอย่างไร เมื่อเขาไขบางคดีในซีซั่นนี้มันก็ไปสะกิดใจถึงปมในอดีตของเขา และจะเล่าในส่วนชีวิตของลูกสาวพระเอก ที่ดูจะเจริญรอยตามพ่อที่เป็นนักสืบ แต่กลับกลายเป็นว่าเนื้อเรื่องในส่วนนี้จะดูน่าเบื่อและยืดยาดไปหน่อย ไม่ค่อยส่งผลอะไรกับเนื้อเรื่องมากนัก เพียงแค่ทำให้เรารู้จักตัวละครลูกสาว ยานีนา ได้ดีขึ้น
กลับกัน เส้นเรื่องที่ขนานกับคดีมาตั้งแต่ซีซั่นแรก อย่างเรื่องราวของครอบครัวนักธุรกิจ เดเกอร์แมน พี่พยายามสืบหาว่าบริษัทของเขา ถูกใครอยู่เบื้องหลังจนทำให้มันไปเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ทำให้น่าสนใจมากขึ้น และเริ่มจะเฉลยเรื่องราวเบื้องหลังของเมืองนี้ออกมาทีละนิด
ซีซั่นนี้ ยังคงดำเนินเรื่องเหมือนเดิมคือ 5 คดี
- จุดด่างพร้อยรอยมลทิน คดีเปิดซีซั่นที่เป็นแฟลชแบคของครอบครัวโซโยเนนว่าทำไมถึงย้ายมาที่เมืองนี้ และเป็นคดีที่เล่าย้อนก่อนที่คารี จะย้ายเมืองมา เป็นการเล่าเรื่องขยายความที่เชื่อมไปยังคดีแรกเมื่อซีซั่น 1 อีกด้วย
- สัตว์ร้ายในร่างคน คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ทำให้ คารี ต้องปวดหัว เมื่อการลงมือแต่ละคดีดันไปเหมือนกับคดีในอดีตที่เขาเคยไขไปแล้ว และความประหลาดของมันอยู่ที่การลงมือฆ่าที่ใช้สัตว์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดูเหมือนว่าฆาตกรจะเป็นคนที่รู้จักกับพระเอกของเราดี
- ลูกชายและคนรัก เมื่อชายคนหนึ่งถูกฆาตกรรมในบ้านพักคนชรา ผู้ต้องสงสัยคือลูกชายทั้ง 3 คนของเขา ที่บุคลิกและนิสัยต่างกันสุดขั้ว พี่คนโตอารมณ์ร้อน คนกลางสุภาพเรียบร้อย และน้องคนเล็กผู้เห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่แล้วคดีก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้เกี่ยวข้องในคดีแต่ละคนได้ตายอย่างปริศนาไปทีละคน
- ผู้หญิงในกระจก คดีฆาตกรรมในหมู่บ้านคลั่งศาสนาเล็กๆ แห่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าผู้ตายจะถูกใส่ร้ายว่าเป็นแม่มด เป็นคดีที่ซับซ้อนอีกคดีที่มีปริศนาชวนปวดหัวมากมาย ทั้งเรื่องของความสัมพันธ์ของผู้นำศาสนาในหมู่บ้าน และกลุ่มผู้ศรัทธาที่ดูเหมือนจะจะศรัทธาจน”เกินไป”
- เกมหมากรุก คดีสุดท้ายปิดซีซั่น ที่ยังทำได้ดีในทุกๆ ภาค เมื่อเมืองทั้งเมืองตกอยู่ในวิกฤตโรคระบาด และพวกเขาต้องรับมือกับการกลับมาของศัตรูตัวฉกาจของคารีที่กลับมาลงมือฆ่าอีกครั้ง หนักยิ่งกว่าครั้งใดๆ ที่เขาเคยทำ
ต้องขอชมว่าบรรยากาศหน้าหนาวของประเทศฟินแลนด์ เป็นอะไรที่สวยมาก ซีซั่นนี้เลยเป็นธีมการตายที่จะเกี่ยวข้องกับความหนาวเหมือนบรรยากาศของเมือง แม้ว่าเมืองไทยจะร้อนสุดขั้วก็ตาม ทำให้แต่ละฉากนั้นดูสวยงามและเย็นยะเยือก และชวนสยองเมื่อนำมันมาประกอบกับการตายของคนในซีซันนี้ ใครชอบภาพสวยๆ ของเมืองหนาวต้องหลงรักเลยล่ะ
กลับกัน ในด้านดราม่ายืดเรื่องของภาคนี้ทำออกมาได้ไม่น่าสนใจและแย่กว่าที่คิด แต่ในด้านคดีต่างๆ ที่มันเชื่อมกันกับซีซั่นแล้วๆ ทำให้เรามองข้ามมันไปได้ไม่ยากเท่าไหร่ น่าผิดหวังตรงนี้เล็กๆ เพราะหวังว่ามันจะไปโฟกัสตรงส่วนคดีปริศนาแต่ละคดีมากกว่าดราม่าตัวละครมากกว่านี้ และในบางตอนรู้สึกว่าตัวคนร้ายมันเก่งเวอร์เกินไปหน่อย
แต่โดยรวมก็ยังเป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวนน้ำดี ที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด ไม่งั้นคุณจะพลาดของดีไป แม้ซีซั่นที่ 3 จะดรอปในส่วนของคดีไปเพิ่มในดราม่า แต่ก็ยังคงความประหลาด ปริศนา ท้าทายหัวคิดคนดู ชวนลุ้นและคิดตามอยู่ดี
รับชม Border Town เมืองมรณะ ทาง Netflix
อ่านบทความรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่