รีวิว Sex Education SS1-SS2 เลิฟคอมเมดี้ที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องหื่นกาม
Sex EducationSS1-SS2
-
คะแนนซีซั่น 1 - 9/10
9/10
-
คะแนนซีซั่น 2 - 9/10
9/10
สรุป
เป็นซีรีส์ที่แม้จะมีคำว่า Sex อยู่ในชื่อ แต่แก่นหลักของเรื่องคือความรัก ความเข้าใจกันที่มีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง แถมยังมีมุกตลกห่ามๆ แบบฮาก๊าก และเรื่องราวความรักของแต่ละคู่ที่ลุ้นเอาใจช่วยว่าพวกเขาจะลงเอยกันได้หรือไม่ สนุกซะจนดูรวดเดียวจบ
Overall
9/10User Review
( vote)Pros
- สะท้อนปัญหาเรื่องเพศ แบบตรงไปตรงมาก
- แต่ละตัวละครมีเสน่ห์
- แฝงปมปัญหาในวัยรุ่นที่ทำให้เราคิดว่า เฮ้ย ฉันก็ผ่านเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน
- มุกตลกสัปดนฮาก๊าก
- ฉาก Sex
- ดราม่าชวนน้ำตาซึม
- โมเม้นท์ Feel Good ชวนอิ่มเอมใจจัดให้เยอะในเรื่อง
Cons
- ถ้าหากใครที่ไม่ชอบความบังเอิญที่ดูเหมือนจงใจ ก็อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้
- สนุกจนอยากดูซีซั่นต่อไวๆ แต่ต้องรอไปยาวๆ
เรียกได้ว่า นี่เป็นอีก 1 ซีรีส์ที่ถูกคนพูดถึงมากที่สุดเมื่อปีที่ผ่านมา กับ Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) ออริจินัลซีรีส์จากทาง Netflix แนวไฮสคูล เลิฟ คอมเมดี้ ที่จะมาเล่าเรื่อง สะท้อนปัญหาเรื่องเซ็กซ์กันแบบ โจ๋งครึ่ม แถมยังฮาก๊ากและสนุกมากๆ
ตัวอย่าง Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) Season 1
เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) Season 1 เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยวัยไฮสคูล โอทิส มิลเบิร์น ที่มีปัญหาในการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง แต่ดันมีแม่เป็นผู้เชี่ยวชาญ และนักบำบัดเกี่ยวกับเรื่องเพศซะอย่างนั้น ด้วยความที่แม่ของเขาเป็นนักบำบัดปัญหาเรื่องเพศ โอทิสเลยได้ซึมซับความรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็จับพลัดจำผลู บังเอิญไปให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ของหัวโจกลูกครูใหญ่ในโรงเรียนคนหนึ่ง สาวเปรี้ยวสุดเฟียชประจำโรงเรียน ฉายาว่าจอมกัดจู๋ เมฟ ไวลีย์ ได้เห็นแวว จึงชักชวนให้เขามาเปิดคลินิค รับปรึกษาปัญหาเรื่องเพศของวัยรุ่นในโรงเรียนแบบลับๆ พร้อมกับหาเงินค่าขนม
ดูเผินๆ แล้ว เนื้อเรื่องน่าจะออกไปทางสัปดน และตลกห่ามๆ แนว American Pie ซึ่งมันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย มันมีชั้นเชิงกว่านั้นมาก ความเจ๋งของซีรีส์เรื่องนี้คือ การนำเสนอมุมมองเกี่ยวกับ ชีวิตวัยรุ่น และ Sex ได้อย่างลงตัวและเจ็บแสบไปพร้อมๆ กัน คือในปัจจุบันเนี่ย เด็กวัยรุ่นเข้าถึงเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง Sex ได้ง่ายมากๆ เช่นหนังโป๊ เว็บโป๊ โซเชียลมีเดียต่างๆ มากมาย แต่ในสังคมปัจจุบัน กลับกลายเป็นว่าเรื่องพวกนี้ถูกทำให้ดูแย่เกินกว่าเหตุ ทั้งๆ ที่มันเป็นพฤติกรรมมนุษย์ที่โคตรปกติ ผลก็คือ เมื่อเด็กๆ รู้ แต่มีปัญหา ก็ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี
ในซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้เล่าถึงปัญหา ในความ “ไม่รู้” เกี่ยวกับเรื่องเพศแบบ ตรงไปตรงมาก ผ่านตัวละครในรั้วไฮสคูล ที่เข้ามาปรึกษาปัญหากับพระเอกของเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาไม่ถึงจุดสุดยอด อยากมีเซ็กซ์มากเกินไป ปัญหาการไม่เคยมีเซ็กซ์ของคู่เลสเบี้ยน แม้กระทั่งเรื่องการเปิดไฟให้สว่างหรือปิดไฟให้มืด ในขณะมีอะไรกัน รวมไปถึงเรื่องการทำแท้งอีกด้วย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการนำเสนอเรื่องราวพวกนี้ในซีรีส์แบบไม่เขินอาย และเปิดประเด็นด้วยหมัดหนัก ดูสนุกได้ แถมได้ความรู้ความเข้าใจได้ดีขึ้นอีก
ตัวละครในซีรีส์
ไม่เฉพาะเรื่องเพศสัมพันธ์ ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอตัวละครแต่ละตัวได้ดีและน่าสนใจมากๆ แต่ละตัวละครที่ออกมาคือ คาแรคเตอร์จัดทุกตัว เห็นแล้วจำได้ทันทีว่าใครเป็นใครกันบ้าง
อย่างเมฟ สาว Bitch ที่ภายนอกดูเธอมีจิตใจที่แข็งแกร่งและกร้านโลก แต่ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้ต่างจากเด็กสาวคนอื่นมากเท่าไหร่ และด้วยปมปัญหายในครอบครัวจึงถูกมองว่าร้าย
เพื่อนสนิทของโอทิส เอริค LGBT นิสัยร่าเริง ที่ครอบครัวค่อนข้างจะเคร่งศาสนา แต่ต้องประสบพบเจอกับการ Bully
อดัม คู่กัดของเอริค เด็กมีปัญหา ที่มีปัญหาทั้งเรื่อง sex และครอบครัวที่พ่อของเขาเป็นครูใหญ่ แต่ตัวเขาเองกลับเรียนไม่ได้เรื่องแถมยังสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบๆ ตลอด
ลิลลี่ เด็กหญิงที่อยากจะลองมีเซ็กซ์ดูสักครั้ง เพียงเพราะว่ากลัวจะตามเพื่อนไม่ทัน
นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น จะเห็นได้ว่าทุกๆ ตัวละคร จะมีปมปัญหาเป็นของตัวเอง ปมปัญหาเหล่านั้น ทั้งเรื่องความรักในวัยเรียน เพื่อนสนิททะเลาะกัน อกหัก การ Bully กลั่นแกล้งกันในโรงเรียน ซึ่งในช่วงชีวิตๆ หนึ่ง ต้องมีใครสักคนเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มา ไม่มากก็น้อย ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มันอินเข้าไปในใจของคนดูได้อย่างไม่ยากเลย ถ้าใครที่อินมากๆ ก็มีหลายฉากในเรื่อง ชวนให้น้ำตาซึมอยู่เหมือนกัน ความสนุกอีกอย่างก็คือ การพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครในแบบซีรีส์รักวัยรุ่น ที่คอยลุ้นให้เราเอาใจช่วยว่าสุดท้ายจะลงเอยยังไง
ในเรื่องของฉากวาบหวิว ฉาก Sex เรียกได้ว่าเขาจัดเต็มเหมือนกัน เห็นทั้งหน้าอก และ หำ ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก หำหรือองคชาตินั่นแหละ บ้ามาก แต่มันก็ไม่ได้สาดมาให้ทั้งตอน เพียงแค่มีบ้างประปราย เป็นสีสันให้กับซีรีส์มากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำเอาติดตาอยู่เหมือนกัน แนะนำว่าควรดูในพื้นที่ส่วนตัว เช่นห้องนอน อย่าไปดูในที่สาธารณะ หรือในที่ทำงาน มิเช่นนั้นอาจจะโดนเข้าใจผิดแน่นอน
แม้มันจะเป็นซีรีส์ที่เนื้อหาเกี่ยวกับ Sex แต่นั่นเหมือนเป็นแค่ฉากหน้า เพราะในเรื่องราวที่หลากหลายและกลมกล่อมของ Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) มันสะท้อนถึงด้านที่อ่อนไหว และคาดไม่ถึงของวัยรุ่นและครอบครัวได้เป็นอย่างดี แถมยังเข้าถึงง่ายสุดๆ แม้ว่าหลายๆ บริบทในตัวซีรีส์ จะไม่ค่อยตรงกับที่ไทยสักเท่าไหร่ ด้วยวิธีคิดหรืออะไรๆ ก็ตาม
ซีซั่นแรกจะดำเนินเรื่องไปในแบบที่เรา ว้าว เล่นแบบนี้เลยเหรอ เอาอย่างงี้เลยนะ เพราะมันสาดประเด็นเรื่องเพศมาแบบรัวๆ ซีซั่นสองตรงนี้ก็ไม่ได้ดรอปไป แต่มันจะเพิ่มความดราม่าที่เข้มข้นขึ้นมา และการพัฒนาของแต่ละตัวละครที่มีมิติและซับซ้อนขึ้นกว่าซีซั่นแรก
Sex Education Season 2 รีวิว
Sex Education Season 2 เรื่องราวก็จะต่อจากซีซั่นแรกโดยเริ่มจากการเปิดเทอมใหม่ ที่จะนำมาทั้งปัญหาและความวุ่นวาย บวกกับความดราม่าเข้มข้นให้กับทุกตัวละครหลักของเรื่อง เช่นความสัมพันธ์ของโอล่า และโอทิสที่กำลังไปได้สวย ส่วนทางด้านเมฟและโอล่า ความสัมพันธ์จากซีซั่นแรก ก็จะยิ่งสับสนในภาคนี้ และแม่นักบำบัดทางเพศของโอทิส ก็ดันเข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงเรื่องเพศศึกษาในรั้วโรงเรียนของเขาอีกด้วย
การขยายสเกลเรื่องราวให้ใหญ่ขึ้นในซีซั่นสอง เขาได้เพิ่มตัวละครใหม่ๆ เข้ามาหลายตัว รวมถึงจดการความสัมพันธ์ของตัวละครเก่าที่ไขว้กันไปมาได้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเอริค ที่ซีซั่นนี้มีหนุ่มหน้าใสสุดฮอตเข้ามาจีบ แต่เขาก็ดันไปมีความสัมพันธ์บางอย่างกับคนที่ Bully เขามาหลายปีอย่าง อดัม ขอบอกเลยว่าตัวละครอดัมนี่ อาจจะกลายเป็น สตีฟ แฮร์ริงตันในเวอร์ชั่น Sex Education ก็ได้ เพราะเขามีพัฒนาการตัวละครที่น่าสนใจมาก อีกตัวหนึ่งในเรื่องที่เริ่มจาก เด็กเกเร ชอบแกล้งคนอื่น วางมาดใหญ่โต แต่กลับกลายเป็นว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะปมปัญหาบางอย่างทางครอบครัว จนค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
แก่นของซีซั่นนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ความรัก ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเรื่องราวของครอบครัวที่ยังคงชวนให้ซึ้งและน้ำตาซึม เพราะแต่ละเรื่องก็ได้ขมวดปมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่ของโอทิส โอล่า และเมฟ คู่ของยาค็อบกับ จีน แม่ของโอทิส ทั้งความรักของเด็ก และผู้ใหญ่ โดยจุดเชื่อมหลายๆ อย่าง ก็มาจากคำว่า Sex แถมยังขยี้ปมซะจนดูแล้วอึดอัด ไปกับสถานการณ์ที่แต่ละตัวละครต้องเจอ แต่ที่ซีรีส์ทำให้คนดูอึดอัดและลุ้นเอาใจช่วยได้ขนาดนี้ เท่ากับว่าเขาทำได้ดีมาก และในเรื่องยังแอบใส่ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับ Sex ได้ดีเหมือนเดิม อย่างเรื่องการถูกลวนลามในที่สาธารณะ การเปิดใจที่จะคุยเรื่องเพศกันตรงๆ แต่ในซีซั่นนี้ ฉากมีอะไรกันก็มีอยู่ แต่ก็ไม่ได้เห็นหน้าอก เห็นหำ เหมือนซีซั่นแรกเท่าไหร่
ถือว่าซีซั่นที่ 2 เป็นภาคต่อที่ดี และยังคงมาตรฐานเดิมเอาไว้ได้เยี่ยม และเพิ่มความดราม่าที่ทำให้เรายิ่งอินไปกับตัวละครมากยิ่งขึ้น สรุปในภาคนี้มันคือการที่ทุกตัวละครเติบโต มันเหมือนกับเราได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละคร และช่วงชีวิตหนึ่งของเราก็อาจจะเจอเรื่องแบบนี้ นี่เป็นซีรีส์ Coming of age ที่ดีมากๆ อีกเรื่องหนึ่ง ถ้าหากใครที่ชอบแนว เลิฟ คอมเมดี้ ดราม่า ผสมกับเรื่องใต้สะดือห่ามๆ ก็อย่าพลาด Sex Education เพศศึกษา (หลักสูตรเร่งรัก) ทั้ง 2 ซีซั่นได้บน Netflix แล้ววันนี้