playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Spectral สเปคทรัล ทหารไฮเทคสู้กองทัพผี

สรุป

พล็อตเรื่องดี แปลกใหม่ ผสมผสานระหว่างไซไฟ วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์นิดๆ โปรดักชั่นสูง จัดเต็มทั้ง CGI และดีไซน์อาวุธ ชุดเกราะทางการทหาร พ่วงด้วยความแอคชั่นระเบิดตูมตาม แต่พล็อตที่บางอย่างดูกลวงๆ และไม่ว้าวหรือทำให้อินเท่าที่ควร แต่ก็ยังคุ้มค่าที่จะดูในวันว่างๆ อยู่ดี

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
3 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • พล็อตเรื่องแปลกใหม่ น่าสนใจ
  • แอคชั่นทางการทหารทำออกมาได้ดี
  • เอฟเฟคดีงามและสมจริง

Cons

  • พล็อตเรื่องยังกลวงๆ อยู่บ้าง
  • การแสดง และบทของตัวละครทำให้เรายังไม่อินเท่าที่ควร

ADBRO

Spectral ภาพยนต์แนวแอคชั่น Sci-fi ผสมผสานกับความลึกลับ เป็นภาพยนต์ Original Netflix ที่เปิดให้ชมกันตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ ที่ Netflix ทำภาพยนต์เป็นของตัวเอง เป็นการร่วมมือของ Netflix กับค่ายหนังใหญ่อย่าง Legendary Pictures เพราะฉะนั้น หนังเรื่องนี้ทุนสร้างหนาและจัดเต็ม มาดูกันว่ามันจะดีสมราคาหรือไม่

ตัวอย่าง Spectral สเปคทรัล

เรื่องย่อ

สเปคทรัล เป็นเรื่องราวของด็อกเตอร์ มาร์ค ไคลน์ นักวิจัยวิทยาศาสตร์ทางการทหาร ที่ถูกเรียกตัวไปยังเมือง Moldova ที่กำลังเกิดสงครามกลางเมืองในขณะนั้น ดร.ไคลน์ต้องไปทำการตรวจสอบกล้องไฮเปอร์สเปคตรัมใช้ในทางการทหารที่เขาเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง และกล้องนั้นก็ได้จับภาพของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่ทำให้ทหารของกองทัพ US ต้องตายไปหลายนาย เขาจะต้องค้นหาปริศนาว่ามันคืออะไรและหาทางสู้มันให้ได้

รีวิว Spectral สเปคทรัล

ภาพยนต์เรื่องนี้เป็น Original ของทาง Netflix ที่ทุ่มทุนสร้างตั้งแต่เน็ตฟลิกซ์ยังไม่บูมเท่าปัจจุบัน แต่นี่ก็เป็นอีก 1 ในหนัง Exclusive ที่ทำให้หลายๆ คน ในปี 2016 หันมาสนใจ และสมัครใช้บริการของ Netflix มากขึ้นเลยทีเดียว เพราะตัวอย่างหนังเรียกได้ว่า น่าดูมาก ทั้งเอฟเฟคต่างๆ และพล็อตเรื่อง

เรื่องราวในสเปคทรัลจะค่อยๆ เฉลยเราไปทีละนิดละหน่อยว่า กล้องของหทารที่บังเอิญไปจับภาพของสิ่งปริศนาที่ดูเหมือนวิญญาณ ว่ามันคืออะไรกันแน่ แถมสิ่งนี้ถ้าหากมันพุ่งทะลุผ่านตัวคนเมื่อไหร่ล่ะก็ ตายสถานเดียว

ในเมื่อกล้องจับภาพที่ดูเหมือน เป็นคนก็ไม่ใช่ และยังไม่อยากปักใจเชื่อว่าเป็นวิญญาณ มันจึงมีอีกทฤษฏีหนึ่งในเรื่องที่ตัวละครหญิง Dr.ฟราน เมดิสัน คิดว่ามันคือเทคโนโลยีพรางตัวทางการทหารของฝ่ายศัตรู และเพื่อที่จะพิสูจน์ความจริงนั้น ดร.ไคลน์ ต้องออกไปเก็บภาพด้วยกล้องไฮเปอสเปคตรัมคุณภาพสูงกับหน่วยปฏิบัติการที่กำลังจะเข้าไปช่วยเหลือหน่วยทหารที่ขาดการติดต่อ ณ ใจกลางเมืองของ Moldova

ด้วยความที่มันเป็น แอคชั่น ไซไฟ ผสมผสานกับความที่เป็นหนังทหาร ความดีงามของเรื่องนี้คงต้องบอกเลยว่าเป็นการที่ได้เห็นทหาร ออกปฏิบัติหน้าที่ ทางยุทธวิธี ที่ทำได้สมจริง รวมไปถึงพวกชุด อุปกรณ์ ยานพาหนะประกอบฉากที่สมกับทุนสร้างมหาศาล ทำให้ดูได้เพลินๆ เลยทีเดียว

ในพาร์ทต่อมา ตัวหนังพยายามที่จะ ก้ำๆ กึ่งๆ จะเล่าแบบไม่ให้เราปักใจเชื่อว่าสิ่งที่พวกทหารในเรื่องต้องสู้ มันคืออะไรกันแน่ ซึ่งมันอาจจะเป็นผี หรือไม่ใช่ผี หนังก็ไม่พยายามเล่าบอกตรงๆ เสียเท่าไหร่ ซึ่งมันก็ทำให้น่าสนใจว่า การเอาวิทยาศาตสตร์ กับเรื่องไสยศาสตร์ ภูติผี วิญญาณ มาผสมกันมันก็ทำให้ลุ้นตามว่า ทหารพวกนี้จะสู้กับผียังไงกัน แล้วมันใช่ผีจริงๆ หรือเปล่า แม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับวิญญาณ หรือผี แต่หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดและไม่จัดว่าอยู่ในหมวดหมู่ Horror เพราะมันจะเน้นไปทางแอคชั่นเสียมากกว่า

สเปคทรัลได้นำเอาดาราที่ไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตากันเสียเท่าไหร่มารับบทนำในหนังฟอร์มยักษ์นี้ ทำให้บางตอนอาจจะขัดใจในการแสดงออกทางสีหน้าที่ดูแล้ว “ไม่ค่อยสมจริง” และดูเหวอๆ กว่าที่ควรจะเป็นในบางตอน แต่ในพาร์ทอื่นๆ ก็พอให้อภัยได้ ด้วยความแอคชั่นที่ต้องสู้กับสิ่งที่ไม่สามารถฆ่ามันได้ ทำให้ต้องหนี และฉากหนีก็นับว่าเป็นความสนุก ลุ้น ตื่นเต้นและกดดันมากเลยทีเดียว

แต่เมื่อหนังดำเนินไปถึงช่วงที่เริ่มเฉลยปมต่างๆ มากขึ้น กลับกลายเป็นว่าทุกอย่าง ดูเหมือนจะรีบใส่เข้ามา จนมันทำให้ตัวพระเอกเราที่เป็นเพียงนักวิจัยกลายเป็นว่า โคตรเก่ง และสร้างอาวุธสำหรับกองทหารที่เอาไว้สู้กับพวกผีได้ภายในคืนเดียว มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ แถมเหตุผลที่เฉลยก็ออกจะดูธรรมดาๆ ไปเสียด้วยซ้ำ รวมไปถึงฉากไคล์แม็กซ์ก็พยายามใส่ความเป็นปรัชญาเกี่ยวกับชีวิตเข้ามาอีกหน่อย แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้อินในตัวเรื่องมากขึ้นเลยสักนิด

สิ่งที่ดีงามของเรื่องนี้ นอกจากพล็อตเรื่องที่หยิบเอาไซไฟ ผสมกับไสยศาสตร์ ก็เป็นด้านโปรดักชั่นที่เอฟเฟค CGI รวมไปถึงดีไซน์อาวุธ ชุดเกราะทางการทหารที่ดุดัน สมจริง และเป็นที่ชูหน้าชูตาของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะฉากไคล์แม็กซ์ของเรื่องนี่คือทำได้ดีมากๆ

แต่โดยรวมของสเปคทรัล แม้พล็อตหนังจะดูแปลกใหม่ โปรดักชั่นทุนสร้างสูง ซีจีดี กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวของมันมีจุดพีคที่น้อย แม้ว่าจะถึงจุดพีคของเรื่องก็ยังไม่สามารถทำให้เราอิน และรู้สึกว้าวในสิ่งที่มันควรจะเป็นได้ ทำให้เรารู้สึกว่ามันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในเรื่องของบทต่างๆ ทั้งพาร์ทของตัว ดร. และของกองทหารเองด้วย แม้ว่าจะดูได้เพลินๆ และสนุกกับแอคชั่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ประทับใจ เรียกได้ว่าเป็นหนังธรรมดาทั่วๆ ไปที่ จบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรอยากให้พูดถึงต่อ แต่มันก็ยังคุ้มค่าที่จะดูในวันว่างๆ ของคุณอยู่ดี

สามารถรับชม Spectral ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านบทความรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่

 

 

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!