รีวิว The Trial อาญาพิพากษา การต่อสู้ในชั้นศาลสุดเข้มข้น
รีวิว The Trial อาญาพิพากษา การต่อสู้ในชั้นศาลสุดเข้มข้น
สรุป
ซีรีส์ค่อนข้างเฉพาะแนวที่มีดีในด้านการต่อสู้ในชั้นศาลที่เข้มข้น แต่การดำเนินเรื่องในพาร์ทอื่น ก็ค่อนข้างเรื่อยๆ และมีรูปแบบการดำเนินเรื่องที่วนลูปทำให้ไม่มีจุดพีคที่ชัดเจน แถมตอนจบก็ธรรมดาไม่ได้พิเศษหรือทำให้ประทับใจได้มาก ที่ดีงามคือความสมจริงของการทำงานในชั้นศาลที่ต่อสู้กันด้วยหลักฐานและพยาน
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- ความสมจริง
- การต่อสู้ โต้กันด้วยหลักฐานในศาลเข้มข้นและน่าติดตาม
- เนื้อเรื่องมีจุดพลิกไปมา
Cons
- การดำเนินเรื่องมีรูปแบบชัดเจน ทำให้ไม่ค่อยมีจุดพีค เน้นเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ
- ในพาร์ทของชีวิตตัวละครหลักทั้งสองดูเอื่อยๆ ไปหน่อย
- ตอนจบธรรมดามาก
The Trial อาญาพิพากษา (หรือ Il Processo) ซีรีส์ออริจินัล Netflix สัญชาติอิตาลี เรื่องราวการต่อสู้ในชั้นศาลของอัยการสาวและทนายผู้เชื่อมั่นในลูกความตัวเองว่าเธอบริสุทธิ์ เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมเด็กหญิงวัย 17 ที่อาจจะเกี่ยวโยงไปยังผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ของเมือง
ตัวอย่าง The Trial อาญาพิพากษา
รีวิว The Trial อาญาพิพากษา
ต้องเกริ่นไว้ก่อนว่าเนื้อหาของซีรีส์แนวนี้ค่อนข้างจะเฉพาะแนวอย่างมาก เพราะทั้งเรื่องจะนำเสนอการต่อสู้ด้วยหลักฐานต่างๆ ของคดีฆาตกรรมในชั้นศาล ทั้งฝั่งอัยการที่ต้องการหาตัวผู้กระทำผิด และฝั่งทนายที่ต้องปกป้องลูกความตัวเอง มันจะไม่ใช่แนวสืบสวนคดีฆาตกรรมธรรมดาๆ ซึ่งในพาร์ทต่อสู้หาความจริงในชั้นศาล และตอกกลับอีกฝ่ายด้วยคำให้การของพยานเป็นอะไรที่สนุกและดูเพลินที่สุดในเรื่อง
เรื่องราวของ อาญาพิพากษา จะเกี่ยวกับอัยการสาว เอเลน่า ที่เข้าไปทำคดีฆาตกรรม แองเจลิก้า เด็กสาววัย 17 ปี ซึ่งเด็กสาวคนนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งบางอย่างกับตัวของอัยการเอง และเรื่องราวมันเกี่ยวข้องไปถึงตัวของลูกสาวผู้มีอิทธิพล ลินดา โมนาโค ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรในคดีฆาตกรรมด้วยมูลเหตุจูงใจเรื่องชู้สาว ทำให้ทนายว่าความมากฝีมืออย่าง รุจเจโร่ เข้ามาว่าความปกป้องลินดาในคดีนี้ แต่แล้วคดีนี้มันก็ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีหลักฐาน และพยานหลายๆ อย่าง โผล่ขึ้นมาให้ทั้งฝั่งอัยการที่ต้องการชี้ตัวว่า ลินดา โมนาโค คือผู้ร้าย และฝั่งทนายต้องหาทางหักล้างข้อมูล และตอบโต้ฝั่งอัยการว่าลูกความของตนคือผู้บริสุทธิ์
นี่เป็นซีรีส์อิตาลีที่มีการเล่าเรื่อง เป็นแพทเทิร์นชัดเจนที่สุด เพราะในเรื่องจะแบ่งออกได้เป็น ส่วนของชีวิตทางฝั่งอัยการสาวเอเลน่า และฝั่งชีวิตของทนายหนุ่ม รุจเจโร่ ที่ต้องการชนะในคดีนี้ ซึ่งเนื้อเรื่องในฝั่งของเอเลน่าจะเล่าถึงความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ที่ไม่ค่อยราบรื่นเพราะเธอต้องทิ้งชีวิตคู่เข้ามาทำคดีของผู้ตยาที่มีความเกี่ยวข้องกับเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย ที่จะมาว่าความให้คนที่มีความเกี่ยวพันธ์กับตัวเอง ในอีกด้านหนึ่งก็จะเล่าถึง รุจเจโร่ ทนายผู้ที่ดูผิวเผินแล้วจะเป็นพวก แบดบอย ยอมว่าความเพื่อให้ลูกความตัวเองพ้นผิด ทั้งๆ ที่ลูกความตัวเองผิด แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่มีศีลธรรมในอาชีพสูงมากจนเนื้อเรื่องเบนออกไปในทางที่คาดไม่ถึงได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
ในส่วนของพาร์ทต่อมาจะเป็นการสืบสวน ทั้งหาพยาน หลักฐานของทั้งสองฝั่ง ที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปขึ้นศาลเพื่อหาทางให้ตนชนะคดี ซึ่งอัยการต้องการชี้ตัวว่า ลินดา โมนาโค คือคนที่ฆ่า แองเจลิก้า ส่วนทนาย ก็ต้องคอยปกป้องลินดา โมนาโคว่าเธอบริสุทธิ์ ซึ่งในพาร์ทการต่อสู้ในชั้นศาลนี้เป็นความสนุกที่เราได้เห็นทั้งสองฝ่ายงัดเอาสิ่งต่างๆ มาสู้กัน ทั้งคำพูดต่างๆ ของพยาน และหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ลินดาคือผู้ร้ายตัวจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นคนอื่น มันจะคลุมเครือไปหมดทั้งเรื่องและเราไม่สามารถรู้ความจริงเกี่ยวกับคดีไปพร้อมกับอัยการและทนายทั้งสองคนไปจนจบเรื่องถึงจะเฉลยความจริง
และเมื่อความจริงเปิดเผย ก็กลายเป็นว่ามันค่อนข้างที่จะธรรมดาไปหน่อย ซึ่งถ้าหากว่าใครที่ชอบความเรียล และสมจริงเกี่ยวกับคดีในชั้นศาลก็คงจะชอบแนวนี้ เพราะเรื่องมันจะพลิกไป พลิกมาในคำให้การของพยาน ที่มีความเหลือเชื่อออกมาให้เราได้ลุ้นทุกๆ ตอน แต่อย่างที่เกริ่นไปว่า การดำเนินเรื่องมันเป็นแพทเทิร์น ใน 1 ตอน จะแบ่งได้เป็น เรื่องชีวิต โรแมนติก จะเป็นช่วงที่ดำเนินเรื่อง เอื่อยๆ เฉื่อยๆ แต่ก็สำคัญกับตัวเรื่องเพราะมันสามารถนำมาใช้สู้ในชั้นศาลเพื่อโจมตีอีกฝ่ายได้ แล้วจะต่อด้วยพาร์ทของการสืบสวนหาความจริง ที่ความจริงก็จะปรากฏออกมาในทุกๆ ตอน และส่วนที่สนุกที่สุด ก็คือการสู้กันในศาลที่เข้มข้น เนื้อเรื่องจะดำเนินแบบวนลูปไปแบบนี้ในทุกๆ ตอน ทำให้กราฟความสนุกมันค่อนข้างที่จะ ขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีจุดพีคเท่าไหร่
สิ่งที่ต้องยกให้ว่าดี ในซีรีส์เรื่องนี้ก็คงเป็นความสมจริง ที่สมจริงจนเรารู้สึกเบื่อได้ทีเดียว เพราะในเรื่องมันไม่ได้มีความกดดันมาก ทำให้เราดูได้เรื่อยๆ และคอยลุ้นว่าความจริงของคดีนี้ จะเป็นอย่างไร แล้วก็จบไปแบบ อืม เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ได้ประทับใจหรือทำให้รู้สึก ว้าว เท่าไหร่ สิ่งที่ว้าวก็เป็นการกลับคำให้การของพยานคนต่างๆ ในศาล และการหักหลังเพื่อผลประโยชน์ที่เกี่ยวพันไปยังผู้มีอิทธิพลเบื้องหลัง
โดยรวมแล้วนี่เป็นซีรีส์เฉพาะกลุ่มที่ใครชื่นชอบแนวสืบสวน สอบสวน บวกกับการต่อสู้ในชั้นศาลที่ฝั่งอัยการ และทนาย โต้กันด้วยหลักฐานต่างๆ เพื่อให้ชนะในคดีก็น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่การดำเนินเรื่องมันมีรูปแบบที่แน่ชัดทำให้เราไม่ได้รู้สึก ตื่นเต้น กดดันมากเท่าไหร่ แต่ลุ้นในเรื่องความจริงที่ทำให้เราสงสัยได้ตั้งแต่ต้นจนจบว่ามันเป็นยังไงกันแน่ ในพาร์ทการดำเนินเรื่องอื่นๆ ค่อนข้างที่จะเนิบนาบโดยเฉพาะช่วงเนื้อเรื่องชีวิตของฝั่งทนาย และอัยการ ที่ไม่ค่อยจะทำให้น่าติดตามเสียเท่าไหร่ และก็จบไปแบบธรรมดาๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก
สามารถรับชม The Trial อาญาพิพากษา Il Processo ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวอื่นๆ คลิกที่นี่