รีวิว Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel จุดเริ่มต้นของโรงแรมหลอน คดีเอลิซ่า แลม
Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel
สรุป
เป็นสารคดีที่นำเสนอเรื่องราวของโรงแรมดัง ที่เป็นฉากหลังในคดีหลายคดี และที่ดังที่สุดก็คือการหายตัวไปของเอลิซ่า แลม หญิงสาวในลิฟต์ ที่เล่าเรื่องราวได้ค่อนข้างครอบคลุมและกระจ่างชัด หยิบความจริงมานำเสนอ แต่ติดปัญหาตรงที่จะหวะการเล่าเรื่องอาจจะชวนง่วงและไม่น่าติดตามเท่าที่ควร และยังถือว่าไม่ได้มีความแปลกใหม่จากเรื่องอื่นๆ มันไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีจนรู้สึกประทับใจ ถ้าหากว่าใครอยากจะดูเพราะความหลอนของคดีขอให้ลืมไปได้เลย แต่ถ้าใครอยากจะรู้เรื่องราวจริงๆ ของคดีดังล่ะก็กระจ่างแน่ อยู่ที่ว่าสุดท้ายคุณเลือกที่จะเชื่อหรือไม่
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- หยิบคดีดังมานำเสนอได้ตรงประเด็น
- เน้น Fact จากหลายๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- บอกเล่าประวัติศาสตร์ของย่านนั้น และตัวโรงแรม ที่เชื่อมโยงไปยังคดีของเอลิซ่า แลม ทำให้กระจ่าง
- สัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้องอย่างเจาะลึก
Cons
- จังหวะการเล่าเรื่องเรียบเฉย ค่อยเป็นค่อยไป
- ไม่มีความแปลก แตกต่างจากสารคดีเรื่องอื่นเท่าไหร่
- แม้ว่าตัวคดีดังจะออกแนวหลอนๆ แต่สารคดีไม่ได้หลอนตาม
Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel สารคดีของ Netflix ที่จะนำพาผู้ชม ไปรู้จักกับโรงแรมสุดหลอน ที่เกิดคดีต่างๆ ขึ้นมากมาย มีคนฆ่าตัวตาย ถูกฆาตกรรม รวมถึงเป็นที่อยู่ของฆาตกรชื่อดังสุดโฉดหลายคน หนึ่งในนั้นก็คือ Night Stalker นักล่ายามวิกาล แต่สิ่งที่ทำให้ชาวโลกต้องขนลุกและทำให้โรงแรมนี้เป็นที่รู้จักก็คือ คดีการหายตัวไปอย่างแปลกประหลาดของ เอลิซ่า แลม
ตัวอย่าง Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel
รีวิว Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel
เอลิซ่า แลม นักท่องเที่ยวสาววัย 21 ปี ที่คดีการหายตัวไปของเธอในปี 2013 ทำให้ทั่วทั้งโลกต่างให้ความสนใจ ดังมาจนถึงที่ไทยเราด้วย กับฟุตเทจวีดีโอสุดหลอนก่อนหายตัวไปของเธอ ปรากฏภาพหญิงสาว ที่ทำท่าทางแปลกๆ เหมือนเธอคุยกับใครบางคนในลิฟต์ จนทำให้เกิดทฤษฏีต่างๆ และเรื่องเล่าตามมาอีกมากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต ก่อนที่ศพของเธอ ถูกพบอย่างแปลกประหลาดอยู่ในแทงค์น้ำบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม
ในสารคดีเรื่องนี้ ก็จะเล่าเรื่องราวโดยรวมเกี่ยวกับตัวโรงแรม โดยเน้นไปที่สภาพแวดล้อม เรื่องราวของย่านใจกลางเมือง L.A. ที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม ประวัติศาสตร์อันดำมืดของโรงแรมที่เป็นที่พักให้กับคนชนชั้นแรงงาน เหล่าขี้ยา จนไปถึงฆาตกรสุดโฉด ประกอบกับคดีหลักที่ทำให้โรงแรมนี้ถูกจัดอยู่ในลิสโรงแรมสุดหลอน ก็คือคดีของเอลิซ่า แลม
ทำไมคดีนี้ถึงเป็นที่จับตามองของคนทั่วโลก? มีการตั้งทฤษฏีต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ แม้กระทั่งในประเทศไทยเอง เหล่าชาวเน็ตก็มาถกเถียงกันในเว็บบอร์ดต่างๆ นั่นก็เพราะ ความลึกลับและท่าทางแปลกๆ ก่อนตายของเธอ รวมไปถึงข้อมูล ผลชันสูตร สถานที่ของโรงแรม มันไม่สมเหตุสมผลและมีอะไรขัดแย้งกันไปหมด มีคนทั่วโลกต่างพยายามไขคดีนี้ จนกระทั่งตำรวจพิสูจน์ว่าเธอตายเพราะอาการทางจิตของเธอเอง ทุกคนก็ต่างไมเชื่อ จนทำให้เรื่องราวยังดำเนินต่อไปจนถึงปัจจุบัน เป็นเหมือนอีกหนึ่งเรื่องเล่า ตำนานของโลกอินเทอร์เน็ตไปเลย
บ้างก็ว่าเธอถูกวิญญาณร้ายตามหลอกหลอน บ้างก็ว่ามีฆาตกรที่อาจจะกำลังตามล่าเธออยู่ แม้กระทั่งทฤษฏีสมคบคิดและเรื่องบังเอิญ เช่นเธอเป็นอาวุธชีวภาพ แพร่เชื้อโรคระบาดให้กับคนในย่านนั้นก็ยังมี สารคดีนี้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวคดีได้ค่อนข้างละเอียด โดยนำบุคลที่เกี่ยวข้องมาให้สัมภาษณ์ บอกมุมมองและความเห็น ที่น่าสนใจก็คือการบอกเล่าเรื่องราว ผ่านมุมมองของผู้จัดการโรงแรม ที่ทำงานในขณะนั้น และเล่าถึงประวัติอันมีมาอย่างยาวนานเกือบ 100 ปี ของโรงแรมเซซิล
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในสารคดี เราจะค่อยๆ เห็นถึงความเชื่อมโยงต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่เอลิซ่าอยู่ พร้อมกับข้อมูลที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ ออกมาจากปากของตำรวจ เจ้าหน้าที่ชันสูตร และอีกหลายๆ คนที่เกี่ยวข้องกับคดี ทำให้เรื่องราวในซีรีส์จนค่อนข้างจะเคลีย แต่อยู่ที่ผู้ชม เลือกว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
แม้ว่าตัวคดีของเอลิซ่าแลมเอง จะเป็นเรื่องราวชวนขนลุกที่หลายๆ คนติดตาม และทราบกันดี แต่ในตัวสารคดีต้องบอกเลยว่า “ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัว” เพราะมันคือสารคดี ไม่ใช่หนังผี ซึ่งเรื่องราวที่เล่าส่วนใหญ่ จะอิงจาก FACT ความจริง มากกว่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เรียงเป็นไทม์ไลน์ ตั้งแต่การก่อตั้งของโรงแรมเซซิลที่เคยยิ่งใหญ่ จนกลายเป็นฉากหลังของคดีดังหลายคดี ชาวเน็ตตามสืบสวนเกี่ยวกับประวัติที่น่าขนลุกของโรงแรม จนไปเจอกับบุคลที่น่าจะเป็นตัวฆาตกร ซึ่งตัวเขาได้รับผลกระทบอะไรบ้างจากการถูกกล่าวหา ตัวซีรีส์ก็นำมานำเสนอให้กับผู้ที่ติดตามเรื่องราวนี้ กระจ่างมากขึ้น
แต่ตัวสารคดีเอง มี 4 ตอน ตอนละเกือบๆ 1 ชั่วโมง ต้องบอกเลยว่าถ้าหากใครไม่เคยดูสารคดีเรื่องจริงแนวนี้มาก่อน อาจจะง่วงได้เลย กับจังหวะการเล่าเรื่องที่เรียบเฉย ค่อยเป็นค่อยไป และต้องบอกเลยว่า ไม่ได้แตกต่างหรือพิเศษจากสารคดีของ Netflix เรื่องอื่นๆ เลย เหมือนกับนำคนมานั่งๆ สัมภาษณ์ พร้อมจำลองเหตุการณ์ประกอบ สุดท้ายเรื่องราวจะเน้นไปที่อารมณ์ของผู้คนที่เกี่ยวข้อง และติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด จนเอลิซ่าแลม กลายเป็นเพื่อนในจินตนาการของผู้ป่วยซึมเศร้าทั่วโลก มากกว่าที่จะมุ่งเน้นไปที่ปริศนา ความหลอนและลึกลับของคดี และประเด็นหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ความจริงที่นำเสนอออกมาในเรื่องนี้ก็ทำได้เคลียร์หมดจด อยู่ที่ผู้ชมเลือกว่าจะเชื่อหรือไม่
มันไม่ได้เป็นสารคดีที่ชวนให้ตามติดอย่างเรื่อง Night Stalker นักล่ายามวิกาล ที่จะค่อยๆ เล่าเรื่องราวในการลงมือของฆาตกร การตามสืบจากหลักฐานเล็กๆ ไปจนถึงพลิกคดีและตามถึงตัวคนร้ายตัวจริงจากเบาะแสเพียงหยิบมือ ทำให้เราทึ่งกับเทคนิคการสืบสวนของตำรวจ ในเรื่องนี้มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ถ้าใครหวังว่ามันจะหลอน น่าขนลุก นี่คงไม่ใช่สารคดีสำหรับคุณ แต่ถ้าใครอยากได้ความจริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆ พร้อมให้มันกระจ่างหายคาใจกับคดีนี้ ก็คุ้มที่จะเสียเวลาดู
รับชม Crime Scene: The Vanishing at the Cecil Hotel ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่