The White Lotus
สรุป
แม้เรื่องราวของซีรีส์ จะเปิดมาด้วยฉากจบ แต่กว่าจะไปถึงฉากจบนั้นก็ชวนทำให้เราสงสัย ว่าคนแต่ละกลุ่ม แต่ละคน มันมาเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง มีปัญหากันได้อย่างไร แต่การดำเนินเรื่องมันค่อยเป็นค่อยไปอย่างมาก เน้นการนำเสนอดราม่าและความตลกร้ายของแต่ละตัวละครแบบเจาะจงไป ข้อดีคือเราเข้าใจการกระทำของทุกตัวละครและมีความอินร่วมได้ง่าย กลับกันคือเรื่องราวมันขาดจุดบิ้วอารมณ์ หรือจุดพลิกผัน จุดตื่นเต้น ซึ่งตอนท้ายๆ อาจจะมีจุดเฉลยที่ชวนช็อคก็ได้ แต่ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ มีความเฉพาะตัวอยู่สูงมากเลยทีเดียว ถ้าหากใครเป็นแฟนๆ สาวตาฟ้า อเล็กซานดร้า และชอบความตลกร้าย ก็ลองชมผลงานของเธอเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นคนดูแนวนี้แล้วอินก็อาจจะเข้าถึงยากนิดหนึ่ง
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- นำเสนอความตลกร้ายแบบค่อยเป็นค่อยไป ผสมกับการนำเสนอเรื่องราวของหลายตัวละครพร้อมกัน ทำให้อินได้ง่าย
- มีบรรยากาศแปลกๆ ของเรื่องที่คอยดึงดูดให้ผู้ชมอยากดูต่อ
- อเล็กซานดร้าในบทเรเชล และซิดนีย์ในบทโอลิเวีย เป็นดอกไม้งามของเรื่องที่เซ็กซี่มาทั้งสองคน
Cons
- ซีรีส์มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม
- ดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า ขาดจุดบิ้วอารมณ์
The White Lotus มินิซีรีส์แนวตลกร้ายจาก HBO GO ที่จะเล่าถึงคนกลุ่มหนึ่ง ได้เข้าพักที่โรงแรมดอกบัวขาว ณ เกาะฮาวาย แต่ดันเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น และผู้ต้องสงสัย คือหนึ่งในผู้เข้าพักใหม่ มีทั้งครอบครัวตัวปัญหา มนุษย์ป้า คู่รักฮันนีมูน หรือผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นผู้จัดการโรงแรมจอมปลิ้นปล้อนก็เป็นได้
ตัวอย่าง The White Lotus
รีวิว The White Lotus
เหตุการณ์ถูกเซ็ตอัพใน “ยุคปัจจุบัน” แต่โทนสีของซีรีส์จะออกแนวสีส้มๆ ซีดๆ เหมือนหนังย้อนยุคสื่อถึงเกาะเขตร้อน เปิดฉากมาด้วยหนุ่มคนหนึ่ง ที่ถูกถามโดยคนแปลกหน้าว่าไปเที่ยวที่ไหนมา เขาตอบกลับไปว่าเพิ่งกลับจากฮันนีมูน แต่เหมือนว่าฮันนีมูนครั้งนี้ของเขาจะลงเอยไม่สวยเท่าไหร่ และกล้องก็แพนไปให้เห็นพนักงานกำลังเข็นโลงศพไปบนเครื่องบิน และเรื่องราวก็จะพาย้อนกลับไป 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น
ไวท์โลตัส คือชื่อของรีสอร์ทสุดหรูในฮาวาย ที่มีแขกจากที่ต่างๆ เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด เรื่องราวก็จะดำเนินไปด้วยชีวิตของคนกลุ่มหนึ่งที่มาพักที่นี่ ด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ เริ่มจากคู่รักข้าวใหม่ปลามัน เชนกับเรเชล (Jake Lacy และ Alexandra Daddario) เชนเป็นหนุมเศรษฐีลูกคนรวย ที่มีปัญหากับผู้จัดการโรงแรมอย่างอาร์มอนด์ตั้งแต่เข้ามาพักที่นี่ เพราะเขาจองห้องสวีท แต่กลับได้ห้องที่ถูกกว่าแทนเลยเกิดความไม่พอใจ ส่วนเรเชลคือนักเขียนสาวที่พบรักกับหนุ่มเศรษฐี เธอก็คอยพยายามห้ามปรามสามีตัวเองไม่ให้มีปัญหา
ตัวละครต่อมาก็คือทันยา มนุษย์ป้าที่เพิ่งเสียคุณแม่ไป เธอมาที่รีสอร์ทแห่งนี้เพื่อจะโปรยอัฐฐิแม่ตัวเองลงทะเล แต่ก็ทำใจไม่ได้ แต่ก็ดันไปพบกับหมอนวดมือฉมังที่เกาะ จนสภาพจิตใจดีขึ้น
ครอบครัวมอสบาเชอร์ ประกอบไปด้วยคุณแม่นิโคล เป็นหญิงแกร่งเบอร์ต้นๆ ของแวดวงธุรกิจไอที กับสามี มาร์ค ที่คิดว่าตัวเองจะตายเพราะมะเร็งอัณฑะ แต่ดันพบกับความจริงสุดช็อคเกี่ยวกับพ่อของตัวเองตอนพักบนเกาะแห่งนี้ โอลิเวีย(Sydney Sweeney) ลูกสาวคนโตสุดเซ็กซี่ที่พาเพื่อนอย่างพอลล่ามาพักผ่อนบนเกาะแห่งนี้ พร้อมกับพกสารพัดมามาพี้กันแต่ดันทำหาย และลูกชายคนเล็กที่ติดมือถือมากอย่างควิน
อาร์มอนด์ ผู้จัดการโรงแรมที่ต้องปวดหัวกับแขกสุดป่วนในหลายๆ แง่ ทั้งครอบครัวเจ้าปัญหา มนุษย์ป้า ลูกเศรษฐีที่มาฮันนีมูนจอมเรื่องมาก และพนักงานฝึกหัดที่มาทำงานวันแรกก็คลอดลูกกลางออฟฟิศเขาซะอย่างนั้น ทำให้สันดานดิบในตัวของเขาค่อยๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมา แม้จะเลิกเหล้ามากว่า 5 ปี แต่เจอความปวดหัวแบบนี้ ก็ขอซัดให้เมาจนลืมปัญหา
มีอีกหลายตัวละครที่เป็นหนึ่งในองค์ประกอบรวมของเรื่องราว ที่จะ “ค่อยๆ” ดำเนินไป ให้เราเห็นมุมมองต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างที่แต่ละคนเข้าพักที่แห่งนี้ ผู้ชมจะถูกบรรยากาศแปลกๆ ของเรื่อง ดึงดูดเข้าไป จากตอนเริ่มต้นทำให้สงสัย และเรื่องมันจะค่อยๆ พาเราไปรู้จักตัวละครแต่ละตัวที่ค่อนข้างละเอียด เล่าทั้งภูมิหลัง เป็นไปมายังไง ลักษณะนิสัยส่วนตัวที่พวกเขาแสดงออก จุดประสงค์การมาพักที่เกาะ และเรื่องราวส่วนตัวแบบสุดๆ ของแต่ละคนที่มันจะค่อยๆ เชื่อมเข้าหากันจนไปถึงตอนท้าย ที่จะเฉลยว่า ศพที่เราเห็นในฉากเปิดแรก มันคือศพใครกันแน่
เรื่องราวมันดำเนินผ่านหลายตัวละคร อย่างที่บอกว่าเราจะถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่างจากเรื่องนี้ ที่มันทำให้เราติดตามดูต่อ ทั้งดราม่า และความเปิ่นๆ ความมึนของแต่ละตัวละครที่มันเรียล และ Cringe จนเกิดเป็นมุกตลกร้าย อย่างเช่นมุกที่มาร์ค พบว่าพ่อของเขาเป็นเกย์ ก็เสียศูนย์จนพูดเล่นไปจีบผู้จัดการโรงแรมอาร์มอนด์ ที่เขาดันเป็นเกย์จริงๆ มาร์คก็ถามถึงความรู้สึกว่าการที่ได้กระทำชำเราประตูหลัง มันรู้สึกดีมากใช่ไหม มุกมันจะห่ามๆ ดิบๆ ประมาณนี้ ถ้าใครเก็ตกับบริบทก็จะขำพรืดได้ แต่บอกตามตรงว่ามันไม่ใช่มุกทั่วไป ความตลกร้ายมันต้องอาศัยความเข้าใจของผู้ชมและเนื้อเรื่องอีกทีหนึ่ง เน้นบทสนทนาที่เหล่าตัวละครคุยกันในเรื่อง ที่มันจะหยิบยก สอดแทรกเหตุการณ์ปัจจุบันต่างๆ มาเสียดสีบ้าง
เรื่องนี้มีเรต 18+ เพราะเนื้อหามันจะมีทั้งเรื่องเพศ อย่างเปิดมาเราก็เห็น “อัณฑะ” เต็มๆ ลูกของนักแสดงคนหนึ่ง หรือฉากโชว์หวิวของแม่สาวตาฟ้าอย่างอเล็กซานดร้า ก็เห็น “จุก” แต่ฉากวาบหวิวพวกนี้เป็นเพียงองค์ประกอบที่โผล่มาแว้บๆ แป๊บเดียว แต่ก็มีฉากโชว์ความเซ็กซี่ของนักแสดงสาวของ Sydney Sweeney และ Alexandra ที่ทำให้ผู้ชมใจละลายอยู่หลายฉากทีเดียว
ในช่วงท้ายของเรื่อง เราจะเข้าใจบริบทของทุกๆ ตัวละคร เมื่อนำมารวมกัน มันเหมือนเป็นการสะท้อนภาพของผู้คนในชีวิตจริง ที่มีความหลากหลาย ทั้งปัญหา ความเรื่องมาก เหมือนกับการก้าวผ่านอะไรบางอย่างจากหลายๆ สถานการณ์ในเรื่อง ที่แต่ละกลุ่ม แต่ละตัวละครได้เจอ ทั้งเรื่องปัญหาครอบครัว ชีวิตคู่ การบริหารจัดการคน และดราม่าในช่วงท้ายก็ทำออกมาได้ดีมาก สะท้อนให้เห็นคำว่า “อย่ามองคนเพียงแค่ภายนอก” ได้อย่างดี
การมาเที่ยวบนเกาะฮาวายแห่งนี้ของผู้คนกลุ่มหนึ่ง การได้เห็นตัวละครต่างๆ เติบโตในช่วงเวลาสั้นๆ มันทำให้ผู้ชมย้อนนึกถึงวันวานที่เราเคยไปเที่ยวกับครอบครัว แล้วอาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบตัวละครในเรื่อง อย่างลูกชายคนเล็กที่เอาแต่ติดมือถือ หรือคุณแม่กับคุณพ่อทะเลาะกันจนทำให้เที่ยวกร่อย หรือคู่รักของเราดันทำตัวงี่เง่า หลายๆ ประเด็นที่มันใส่มาก็จะทำให้เห็นถึงชีวิตจริงที่เหล่าผ่านบุคลิกของแต่ละคนในแบบจิกกัด เสียดสี แต่ให้ระวังฉากชวนอี๋ท้ายๆ เรื่องหน่อยนะครับ มีฉากอุจจาระด้วย
ถึงกระนั้น เรื่องราว ประเด็นของตัวละครบางตัวที่โผล่มาต้นเรื่อง กลับหายไปดื้อๆ เหมือนมาประกอบให้น่าสนใจช่วงแรกเฉยๆ แต่ตอนท้ายดันไม่มีผลกระทบอะไรเลย รวมไปถึงบางอย่างมันต้องอาศัยความเข้าใจของคนดูล้วนๆ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ชมแต่ละคนเองอีก ถ้าใครอินก็แสดงว่าอาจจะเคยมีโมเมนต์บางอย่างตรงกับตัวซีรีส์ แต่ถ้าใครไม่เคยก็คงจะเซ็งและงงว่า ซีรีส์เรื่องนี้มันอยากจะสื่ออะไรกันแน่
แม้เรื่องราวของซีรีส์ จะเปิดมาด้วยฉากจบ แต่กว่าจะไปถึงฉากจบนั้นก็ชวนทำให้เราสงสัย ว่าคนแต่ละกลุ่ม แต่ละคน มันมาเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง มีปัญหากันได้อย่างไร แต่การดำเนินเรื่องมันค่อยเป็นค่อยไปอย่างมาก เน้นการนำเสนอดราม่าและความตลกร้ายของแต่ละตัวละครแบบเจาะจงไป ข้อดีคือเราเข้าใจการกระทำของทุกตัวละครและมีความอินร่วมได้ง่าย กลับกันคือเรื่องราวมันขาดจุดบิ้วอารมณ์ หรือจุดพลิกผัน จุดตื่นเต้น ซึ่งตอนท้ายๆ อาจจะมีจุดเฉลยที่ชวนช็อคก็ได้ แต่ถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ มีความเฉพาะตัวอยู่สูงมากเลยทีเดียว ถ้าหากใครเป็นแฟนๆ สาวตาฟ้า อเล็กซานดร้า และชอบความตลกร้าย ก็ลองชมผลงานของเธอเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าหากว่าไม่ได้เป็นคนดูแนวนี้แล้วอินก็อาจจะเข้าถึงยากนิดหนึ่ง
รับชม The White Lotus ได้ทาง HBO Go ได้แล้ววันนี้ ตอนใหม่มาทุกๆ วันอาทิตย์
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่นได้ที่นี่