รีวิว Tragic Jungle ป่าวิปโยค หนังอาร์ตที่มีดีแค่ภาพ
Tragic Jungle ป่าวิปโยค
สรุป
ข้อดีของหนังมันก็มีแค่นี้เลย ภาพสวย งานถ่ายทำดี ที่เหลือมันมีแต่นัยยะแฝงเต็มไปหมด การดำเนินเรื่องที่ไม่เป็นมิตร ขาดการอธิบาย ที่มาที่ไปเยอะมาก จนมันกลายเป็นหนังที่ดูยากเกินจำเป็น เน้นเทคนิคการนำเสนอเสียมาก สุดท้ายมันก็เป็นหนังที่ดูไม่สนุกสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าใครชอบหาอะไรที่ต้องการตีความลึกๆ หรือการถ่ายทอดภาพในอดีต ก็อาจจะลองหยิบมาดูก็ได้ แต่ถ้าอยากหาหนังแนวลึกลับที่น่าดูล่ะก็ เรื่องอื่นจะดีกว่า
Overall
4.5/10User Review
( votes)Pros
- งานภาพดี ทำให้ถ่ายทอดบรรยากาศออกมาได้ลึกลับ น่าค้นหา
- การนำเสนอเรื่องราวมีแต่นัยยะแฝงเต็มไปหมด ต้องตีความลึกๆ
Cons
- นางเอกกลายเป็นตัวประกอบ
- ตัวประกอบก็บทไม่เด่น เฉลี่ยๆ กัน
- เป็นหนังดูยากเกินจำเป็น
- ถูกใจนักวิจารณ์ แต่ไม่เป็นมิตรกับคนดูทั่วไป
- จบแบบไม่เฉลยอะไรสักอย่าง ปล่อยคนดูอึนๆ งงๆ ไป
Tragic Jungle ป่าวิปโยค ภาพยนต์สัญชาติสเปนที่เพิ่งมาลงให้กับ Netflix เกี่ยวกับเรื่องราวของหญิงสาวที่ต้องการหนีจากการแต่งงานแบบคลุมถุงชน จนเข้าป่ามาเจอกับกลุ่มคนลักลอบตัดน้ำยางหมากฝรั่ง จนเรื่องราวค่อยๆ แปลกประหลาด จนมันไปกระตุ้นปีศาจในตำนานของชาวมายันอย่างเอก็กต้าบาโย
ตัวอย่าง Tragic Jungle ป่าวิปโยค
รีวิว Tragic Jungle ป่าวิปโยค
ถ้าหากคุณดูตัวอย่างแล้ว ไม่เข้าใจว่าหนังมันเกี่ยวกับอะไร เชื่อผมเถอะว่า เมื่อคุณดูหนังเรื่องนี้จนจบ ก็จะรู้สึกเหมือนตอนดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้เหมือนกัน
เรื่องราวจะถูกเซ็ตอัพในปี ค.ศ.1920 (ในหนังไม่มีบอกส่วนนี้ไว้) แอ็กเนส หญิงสาวที่หนีจากการแต่งงานกับคนอังกฤษ มายังป่าชายแดนเม็กซิโก ซึ่งมันเป็นป่าของชาวมายัน เธอถูกตามล่าหมายเอาชีวิตจนต้องระหกระเหินไปในป่า จนมาพบกับเหล่าคนงานตัดยางหมากฝรั่งชาวเม็กซิโก ซึ่งทั้งหมดเป็นชายล้วน ทำให้แอ็กเนส เหมือนกลายเป็นลูกแกะในฝูงหมาป่าหิวกระหาย เหล่าคนงานที่มีแต่ผู้ชาย แต่ใครจะไปคาดคิดว่าที่ป่าแห่งนี้ กำลังสั่งสอนคนที่กระทำผิดผีอยู่
ต่อไปนี้จะมีการสปอยล์เนื้อหาของหนัง หากใครตั้งใจจะรับชม โปรดข้ามรีวิวตรงส่วนนี้ไป
หนังเรื่องนี้ได้ไปฉายในงานเทศกาลหนังเวนิชเมื่อปีที่แล้ว และนำมาลง Netflix ในภายหลัง ซึ่งตัวหนังก็ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์พอสมควร ทั้งใน IMDB ก็ได้คะแนน 6.2 หรือในเว็บมะเขือ ก็ได้ความสดกว่า 82% จากนักวิจารณ์ แต่บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้มีแต่ความอิหยังวะ และไม่เป็นมิตรกับเหล่าผู้ชมทั่วไปเลยสักนิด
เริ่มต้นที่เนื้อหา กับเซ็ตอัพเรื่องราวในอดีต ตำนานลึกลับภายในป่า โดยแรกเริ่มจะเป็นเรื่องราวของนางเอกที่กำลังหนีการตามล่าจากคนขาวจนหนีเข้าป่ามา ในตอนแรกนางเอกจะพูดภาษาอังกฤษ สลับกับเสียงบรรยายที่จะเป็นของอีกตัวละครหนึ่งเป็นภาษาเม็กซิโกหรือสเปน ไม่แน่ใจ แค่นี้ก็เริ่มจะดูงงๆ แล้ว
เมื่อนางเอกหนีเข้าป่ามา คนที่ติดตามมาด้วยโดนฆ่าตายหมด จนเธอมาเจอกับกลุ่มคนงานตัดยางหมากฝรั่ง หลังจากนั้นบทบาทของแอ็กเนส ตัวละครหลัก จะกลายเป็นเพียงตัวประกอบทันที และเรื่องราวส่วนนี้ก็กินเวลาหนังไป 40 นาทีแล้ว
ตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 36 นาที หลังจากผ่านครึ่งแรกไปแล้ว จะเป็นเรื่องราวของกลุ่มคนงานในป่า ชายที่หื่นกระหายเห็นผู้หญิง และคนงานที่พยายามจะหักหลังนายจ้างแล้วนำยางหมากฝรั่งไปขายเอาเงินเอง เพราะเห็นว่านายจ้างให้มาลักลอบตัดยางในป่าลึกแห่งนี้แต่ได้ค่าแรงไม่คุ้มค่า เรื่องราวจะวนๆ อยู่แค่นี้ มียิงกัน สู้กัน เข้าใจผิด หาทางเอาตัวรอด แต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย
ความน่าสนใจมันอยู่ที่ว่า จากแอ็กเนส หญิงสาวที่หนีเข้าป่ามาเจอเหล่าผู้ชาย จากแรกเริ่มเธอเหมือนเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่ผ่านมือชายใด แต่พอโดนข่มขืนไปครั้งแรกโดยท่าทีไม่ขัดขืน พอโดนครั้งต่อๆ ไป เหมือนคาแรคเตอร์เธอจะเปลี่ยนกลายเป็นมีความสุขแทน เราจะเริ่มเห็นความแปลกของเธอขึ้นเรื่อยๆ
สลับกับตัวละครหนึ่งที่จะคอยบรรยาย เวิ่นเว้อ พรรณนาเกี่ยวกับปีศาจในตำนานมายันอย่าง เอ็กต้าบาโย ที่จะคอยล่อลวงผู้คน ซึ่งพอดูๆ ไปแล้ว เราจะไม่ค่อยเห็นความเชื่อมโยงของการบรรยาย กับบริบทของนางเอกเท่าไหร่ เพราะเธอแทบไม่พูดเลยในครึ่งหลังของหนัง ไม่ปริปากเลย ถ้าให้เฉลยง่ายๆ ก็คือนางเอกเป็นเหมือนตัวแทนของปีศาจในตำนานป่า เมื่อใครมีอะไรกับเธอ หรืออยู่ใกล้เธอ จะมีอันเป็นไป เป็นเหมือนการลงโทษของป่าผ่านหญิงสาวคนนี้
หลักๆ เลย หนังเรื่องนี้มันจะมีแต่สัญญะ เครื่องหมาย การแสดงออก หรืออะไรหลายๆ อย่าง ที่ต้องอาศัยการตีความที่ลึกมาก และต้องวิเคราะห์เกี่ยวกับบริบทของการล่าอาณานิคมในยุคนั้น ทั้งเรื่องสีผิว เรื่องเพศ ทำให้มันกลายเป็นหนังที่เข้าใจยาก ประกอบกระการดำเนินเรื่องที่เอื่อยเฉื่อยมาก ทำให้แทบจะหลับได้เลยตอนดู
ตัวละครหลักของเรื่องอย่างแอ็กเนส เป็นผู้หญิงที่ยิ่งดูเธอยิ่งมีเสน่ห์ ยิ่งอยู่ท่ามกลางตาลุงในป่าดิบชื้นด้วยแล้วก็ยิ่งน่าสนใจ แต่หนังดันทำให้นางเอกกลายเป็นตัวประกอบ ดูไม่สำคัญไปเลยในครึ่งหลังของหนังซะอย่างนั้น ส่วนตัวละครอื่นๆ ในกลุ่มคนงานก็บทบาท หน้าตาเหมือนๆ กันไปเกือบหมด จนแทบจะจำไม่ได้ว่าใครคือใครบ้างในบางที เพราะตัวหนังไม่ได้นำเสนอคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนของแต่ละตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเลยในเรื่องนี้ ทำให้ขาดอารมณ์ร่วมอย่างมากในการดู
สิ่งที่ต้องชมที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีคือ บรรยากาศของหนังที่มันจะให้อารมรืป่า ความลึกลับ พิศวง ตรงนี้ทำได้ดีมาก รวมไปถึงการถ่ายทำ งานภาพ เทคนิคมุมกล้องต่างๆ ถ้าหากมองในแง่มุมของการถ่ายทำให้ป่าให้ออกมาภาพสวยแบบนี้ การถ่ายทำในป่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับผู้กำกับอย่าง Yulene Olaizola จริงๆ
และในตอนจบของหนัง ไม่ได้เฉลยอะไรสักอย่าง ได้แต่ทิ้งอะไรไม่รู้เอาไว้ จนตั้งแต่ต้นจนจบ เราแทบจะไม่าสามารถเข้าสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อเลย จบแบบอิหยังวะมาก จบไปแบบดื้อๆ งงๆ และน่าหงุดหงิดมาก
ข้อดีของหนังมันก็มีแค่นี้เลย ภาพสวย งานถ่ายทำดี ที่เหลือมันมีแต่นัยยะแฝงเต็มไปหมด การดำเนินเรื่องที่ไม่เป็นมิตร ขาดการอธิบาย ที่มาที่ไปเยอะมาก จนมันกลายเป็นหนังที่ดูยากเกินจำเป็น เน้นเทคนิคการนำเสนอเสียมาก สุดท้ายมันก็เป็นหนังที่ดูไม่สนุกสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าใครชอบหาอะไรที่ต้องการตีความลึกๆ หรือการถ่ายทอดภาพในอดีต ก็อาจจะลองหยิบมาดูก็ได้ แต่ถ้าอยากหาหนังแนวลึกลับที่น่าดูล่ะก็ เรื่องอื่นจะดีกว่า
รับชม Tragic Jungle ป่าวิปโยค ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่