รีวิว You Season 3 รักโรคจิตที่พลิกแล้วพลิกอีก (ไม่สปอยล์)
You Season 3
สรุป
ซีซั่นที่สาม กับความรักที่ไม่ธรรมดา มุมมองแปลกๆ ของคนโรคจิตที่ชวนลุ้นว่าจะไปกันรอดหรือไม่ ความสัมพันธ์ต่างๆ ความดำมืดในจิตใจของเหล่าตัวละครก็เผยออกมาให้เราเข้าใจความคิดอันบิดเบี้ยวของโจและเลิฟ การดำเนินเรื่องในแบบที่ทำให้คนดูคาดไม่ถึง ก็ยังเป็นความบันเทิงที่มีเฉพาะซีรีส์เรื่อง You ที่ให้อะไรแบบนี้ได้ไม่เหมือนกับเรื่องอื่น แต่ช่วงกลางเรื่องอาจจะมีดรอปๆ ยืดๆ เพื่อใส่ความดราม่าเพิ่มอีกนิดนึง หรือเรื่องปม การปกปิดหลักฐาน ฆ่าคนในเรื่องอาจจะดูขอไปที แต่พอดูจบก็จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเอง ไม่ทำให้ผิดหวัง ตั้งตารอซีซั่น 4 ได้เลย
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- สานต่อความสัมพันธ์คู่รักโรคจิตที่พลิกบทบาทไปมา
- นำเสนอความรักรูปแบบใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยนำเสนอมาก่อนในซีรีส์
- เฉลยปมในอดีตของตัวเอกอีกขั้น
- เซอร์ไพรส์หักมุมหลายจุด
Cons
- ช่วงกลางเรื่องอาจจะมีดรอปยืดดราม่าบ้างนิดหน่อย
- ปมบางปัญหาบางอย่างอาจจะดูแก้ง่ายหรือเป็นมุกเดิม
You ซีรีส์ Netflix น้ำดี แนวรัก ผสมทริลเลอร์ที่ดำเนินมาถึง Season ที่ 3 กับความรักของคนจิตไม่ปกติที่ต้องมาก่อร่างสร้างครอบครัวด้วยกันให้กลมกลืน แต่เมื่อพวกเขามีปัญหาจนปาน “จะฆ่ากัน” มันจะลงเอยอย่างไรกับความรักที่แสนวิปลาศครั้งนี้
ตัวอย่าง You SS3
รีวิว You SS 3 (ไม่สปอยล์)
รีวิวนี้มีเปิดเผยเนื้อหาของซีซั่นก่อนหน้า ถ้าหากว่ายังไม่ได้ดูแนะนำให้ดูทั้งสองซีซั่นหรืออ่านรีวิวก่อนได้ที่นี่ Season 1 / Season 2
หลังจากรอมานานเกือบสองปี กับความรักที่แสนโรคจิตของ โจ โกลด์เบิร์ก สตอล์กเกอร์ผู้ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ “คุณ” เป็นของเขา ที่ได้พบรักกับเลิฟ ควินท์ จากซีซั่นก่อน จนเธอได้เปิดเผยด้านโหดออกมาจนช็อคคนดู เรื่องราวในซีซั่นที่สามก็จะสานต่อจากตรงนั้น หลังจากที่คนจิตไม่ปกติทั้งคู่ มีลูก แล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่แล้วไม่วาย ดูเหมือนว่าตัวของโจเอง ก็มี “คุณ” เพื่อนข้างบ้านคนใหม่ ให้ลุ่มหลงอีกคนหนึ่ง
คำว่า คุณ หรือ You มันเหมือนเป็นแสลงสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งตัวของโจเองจะเรียกคนที่เขารู้สึกลุ่มหลงว่าคุณ จะไม่เรียกชื่อตรงๆ โดยในช่วงแรกก็จะดำเนินเรื่องตามที่เราเห็นจากฉากจบซีซั่นก่อน เมื่อตัวของเลิฟ ควินท์ ไม่อาจจะเป็น “คุณ” ของโจได้ เขาจึงรู้สึกถึงอะไรบางอย่างของเพื่อนบ้านที่จะมากลายเป็นเหยื่อคนใหม่ของเขา หรือเปล่า?
เนื้อหาใน You SS3 นี้จะเกี่ยวกับการสร้างชีวิตใหม่อันแสนธรรมดา ย้ายเข้ามาอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งของแคลิฟอร์เนียเพื่อเลี้ยงลูก แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือ คุณพ่อ และคุณแม่ของเด็กคนนี้ที่มีปัญหาทางจิตทั้งคู่ คนนึงก็หลงคนนั้นคนนี้ ใจง่าย ส่วนอีกคนก็สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่ตนรัก แม้จะต้องฆ่าก็ตาม รักแรงหึงแหง มันเลยทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่สั่นคลอน แต่การแก้ปัญหาของคนที่ใช้ทางออกด้วยการฆ่าคน มันจะจบสวยหรือเปล่าล่ะ แน่นอนว่าไม่ เพราะเรื่องวุ่นๆ ในภาคนี้จะตามเข้ามาเป็นหางว่าวให้ผู้ชมหายใจไม่ทั่วท้องแน่นอน
ถ้าหากใครที่ติดตามมาตั้งแต่ซีซั่นแรกก็จะรู้ว่าตัวของโจ และควินท์นั้น มีลักษณะนิสัยอย่างไร มันจะยิ่งทำให้เราเข้าใจพวกเขาทั้งคู่มากขึ้นในภาคนี้ เข้าใจในแบบที่เราต้องกุมขมับแล้วอุทานในใจว่า คนพวกนี้มันกู่ไม่กลับแล้วแน่ๆ โดยในช่วงแรกก็จะมีปัญหาทะเลาะกันแบบสามีภรรยาทั่วไป แต่รีแอคของอีกฝ่ายมันไม่ได้ทั่วไปน่ะสิ มันจึงเกิดเป็นเรื่องราวการฆ่าที่จะนำมาเป็นประเด็นหลักของเรื่องในช่วงแรก ซึ่งทั้งคู่เองก็ต้องพยายามปกปิดความลับ แตกต่างจากซีซั่นก่อนๆ ที่โจจะเป็นคนฆ่าแล้วหาทางวางแผนเพื่อปกปิดคดี และตรงจุดนี้มันก็จะยิ่งขยายรอยร้าวในความรักของทั้งคู่
เรื่องราวดำเนินไป ตัดสลับกับอดีตในวัยเด็กของโจ ที่เผยให้เห็นว่าทำไม เขาถึงต้องตกหลุมรัก “คุณ” ไม่ใช่คนอื่น ถ้าหากใครเคยดูซีรีส์หรือสารคดีฆาตกรโรคจิต มันคือการเฉลยแพทเทิร์นในการเลือกเหยื่อ และทำให้เราอ๋อและอินไปกับอดีตของเขา รู้ว่าทำไม และอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกคนๆ หนึ่ง เพื่อตามติดชีวิต
ทางด้านของ เลิฟ ผู้หญิงที่เป็นเสมือนขั้วตรงข้ามกับโจ ถ้าหากโจเป็นโรคจิตที่เป็นจอมวางแผน จัดการปัญหาต่างๆ เป็นลำดับขั้นตอน เลิฟควินท์ คือระเบิดลูกหนึ่งที่สามารถระเบิดออกมาเมื่อไหร่ หรือกับใครก็ได้ มันยิ่งทำให้เรื่องราวในซีซั่นนี้ คาดเดายากขึ้นไปอีกขั้น จะพลิกหรือเปลี่ยนไปทางไหนก็ชวนลุ้นตลอด
ด้วยความเอาแน่เอานอนของเลิฟ กับความโรคจิตของโจมาปะทะกัน เรื่องราวการช่วยชีวิตเด็กแบบในซีซั่นก่อนๆ ก็ยังคงมี แต่ซีซั่นนี้คนที่โจต้องช่วยก็คือ เฮนรี่ โฟร์ตี้ ควินท์ โกลด์เบิร์ก ลูกของเขาที่เพิ่งเกิดมานั่นเอง ซึ่งตัวเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องปกป้องลูกจากความโรคจิตของแม่ หรือความโรคจิตของตัวเอง โดยมันจะนำเสนอความรักของชีวิตคู่ในแบบที่ไม่เคยทำมาในภาคก่อนๆ เล่าผ่านตัวละครที่ไม่ปกติทั้งสองคนที่ต้องมาจับคู่กัน คลางแคลงใจกันว่า พวกเขาจะใช่เนื้อคู่ที่แท้จริงของกันและกันหรือเปล่า
มีทั้งปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความเข้าใจ การนอกใจ เรื่องบนเตียงในแบบโรคจิต และสิ่งที่น่ากลัวมากในซีซั่นนี้คือเซนส์ผู้หญิงของเลิฟ คนที่มองทะลุโจอย่างปรุโปร่ง มันแรงมากจนทำให้คนดูรู้สึกขนลุกและเสียวไส้แทนพระเอกเราจริงๆ
สิ่งที่จะคอยมาเป็นตัวช่วยดามใจทั้งสองคนนอกจากลูกๆ ก็คือเหล่าเพื่อนใหม่ที่เหมือนจะเป็นแนวๆ คนหัวสมัยใหม่ ทำอะไรตามกระแสโซเชี่ยล ถ้าใครนึกไม่ออกก็คือกลุ่มคนประเภทที่หน้าไว้หลังหลอก แบบเพื่อนๆ ของโฟร์ตี้ในซีซั่นก่อน เหมือนเป็นการเสียดสีจิกกัดสังคมในแบบเจ็บๆ ซึ่งมันก็จะมีมุกอย่างเรื่องโรคโควิด หรือพวกต่อต้านการฉีดวัคซีนที่ดูเหมือนเป็น Bad Joke เล็กๆ แต่มีผลกระทบกับเรื่องในช่วงแรกแบบที่เราคาดไม่ถึง
และความคาดไม่ถึงนี้เอง สิ่งที่ทั้งโจและเลิฟได้กระทำลงไป มันก็จะกลายเป็นตราบาปของทั้งคู่และมันลุ้นทุกตอนจริงๆ เหมือนจะดำเนินเรื่องไปในแบบที่เราเดาได้ แต่ก็หักมุมไปดำเนินเรื่องอีกแบบนึงแทน จนเมื่อถึงกลางๆ เรื่อง ประเด็นทุกอย่างในช่วงแรกดูเหมือนจะคลี่คลายไปโดยง่าย ซึ่งดูผิวเผินแล้วเหมือนว่าตัวซีรีส์จะแอบเขียนบทแบบเล่นง่าย ตัดบทบางอย่างไปแบบดื้อๆ แต่เปล่าเลย มันทำให้เราชะล่าใจแล้วใส่เต็ม แล้วเฉลยในช่วงครึ่งหลังต่างหาก
ในช่วงกลางเรื่องก็จะเป็นเรื่องราวการสานสัมพันธ์คู่สามีภรรยา และสานสัมพันธ์กับเหล่าเพื่อนใหม่ๆ โดยต้องปิดบังความลับไม่ให้ใครรู้ โดยมันจะค่อยๆ เล่าเรื่อง ค่อยเป็น ค่อยไปจนเนื้อเรื่องในช่วงนี้มันดูยืดยาวกว่าปกติ แต่มันก็จะหยอดดราม่าเกี่ยวกับ ธีโอ ไอ้หนุ่มข้างบ้านที่หน้าเหมือนกับ ไคโลเรน มาเกาะแกะกับตัวเลิฟ ส่วนโจเองก็ไปเจอกับห้องสมุดที่เขาชอบ จนได้พบกับ “คุณ” อีกคนหนึ่ง
เมื่อมันดำเนินเรื่องราวแบบค่อยๆ ไป ไม่มีอะไรหวือหวาในช่วงกลาง แต่ก็คอยใส่ประเด็นต่างๆ เข้ามาให้เรื่อยๆ ซึ่งมันจะเปลี่ยนมุมมองความรักของคนดู ที่มีต่อตัวละครและซีรีส์เรื่องนี้ จนมันทำให้ความไม่สมเหตุสมผลที่อาจจะมีในช่วงแรกๆ หายไป เกี่ยวกับตัวละครอย่างธีโอ หรือการกระทำของเลิฟที่เราอาจจะขัดใจและสงสัยว่าเธอทำแบบนั้นทำไม แถมมาพร้อมกับปัญหาเก่าจากครึ่งแรก เพื่อนบ้านหัวหน้าบริษัทไอที ที่จะตามมาขยี้สองสามีภรรยาในครึ่งหลังว่า พวกเขาจะถูกเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงหรือไม่ และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ สิ่งที่โจและเลิฟแอบทำลับหลังกันมันก็จะยิ่งไประเบิดในตอนจบ
ถ้าหากใครมองหาความรักแบบ คู่พระเอก นางเอก ความสุขสมหวังหลังแต่งงาน แฮปปี้เอนดิ้ง ต้องบอกเลยว่าหลายๆ อย่างเราจะคิดไม่ถึง เพราะจิตใจของคนเรา โดยเฉพาะคนโรคจิตทั้งสองคนในเรื่อง มันยากแท้หยั่งถึงมากๆ มีหลายเรื่องทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ได้ตลอด เช่นเรื่องการนำเสนอเซ็กซ์หมู่แบบสุดโต่ง ที่เราไม่คิดว่าจะมี มันก็มีซะงั้น เป็นสีสันจากเหล่าแก๊งเพื่อนในชุมชน ที่ดูน่าหมั่นไส้ แต่ก็เป็นคีย์ในช่วงท้ายที่ทำให้เรื่องราวมันบานปลายจนคุมไม่อยู่ กับจุดจบพลิกบทไปมา พาไปต่อซีซั่นที่ 4
แต่น่าเสียดายเล็กน้อย ที่ตัวละครหรือเรื่องราวจากซีซั่นก่อนๆ อย่างเด็กที่โจช่วย หรือเพื่อนแฮคเกอร์อย่างวิล ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรในซีซั่นนี้ แต่ยังมีห้องเก็บความชื้นที่หลายคนต้องตายในนั้น ตามมาด้วย พร้อมกับการนำเสนอความคิดอันบิดเบี้ยวของโจ และของเลิฟ ที่มันดูโรคจิตจนในช่วงท้าย ฉากการคุยกันธรรมดาๆ ของสามีภรรยาเงียบๆ บนโต๊ะกินข้าวก็ทำเอาคนดูรู้สึกเกร็ง มวนท้อง ลุ้นตาม และคาดไม่ถึงว่ามันจะจบแบบนี้เหมือนกัน
เอกลักษณ์อย่างการสืบหาข้อมูล เล่นกับโซเชี่ยลมีเดียก็ยังคงมีเป็นองค์ประกอบเหมือนเดิม พวกข้อความต่างๆ ก็ได้รับการแปลไทยเรียบร้อย และที่สำคัญเลยก็คือเรื่องนี้ มีพากย์ไทยให้รับชมรับฟังกันด้วย สำหรับคนที่ขี้เกียจอ่านซับ แต่เพื่ออรรถรสที่เข้าถึง ก็แนะนำให้ฟังซาวแทรคเปิดซับเอาดีกว่า ส่วนฉากฆ่าก็จะไม่ได้มีชวนแหวะแบบเข้าเครื่องบดเนื้อแบบซีซั่นก่อน แต่จะมีฉากเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ถ้าหากใครที่ละเอียดอ่อนกับเรื่องพวกนี้ต้องระวังและเลี่ยงดีกว่าครับ
ซีซั่นที่ 2 และ 3 จะดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Hidden Bodies ภาคต่อของ You โดยจะเสริมและดัดแปลงเนื้อหาเข้าไปเพิ่ม ส่วนซีซั่นที่ 4 มีมาแน่นอน และน่าจะทำจากภาคล่าสุดของนิยายชุดนี้ในชื่อว่า You Love Me ที่เพิ่งวางขายเมื่อเดือนเมษายน ปี 2021 ที่ผ่านมานี้เอง
ซีซั่นที่สาม กับความรักที่ไม่ธรรมดา มุมมองแปลกๆ ของคนโรคจิตที่ชวนลุ้นว่าจะไปกันรอดหรือไม่ ความสัมพันธ์ต่างๆ ความดำมืดในจิตใจของเหล่าตัวละครก็เผยออกมาให้เราเข้าใจความคิดอันบิดเบี้ยวของโจและเลิฟ การดำเนินเรื่องในแบบที่ทำให้คนดูคาดไม่ถึง ก็ยังเป็นความบันเทิงที่มีเฉพาะซีรีส์เรื่อง You ที่ให้อะไรแบบนี้ได้ไม่เหมือนกับเรื่องอื่น แต่ช่วงกลางเรื่องอาจจะมีดรอปๆ ยืดๆ เพื่อใส่ความดราม่าเพิ่มอีกนิดนึง หรือเรื่องปม การปกปิดหลักฐาน ฆ่าคนในเรื่องอาจจะดูขอไปที แต่พอดูจบก็จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเอง ไม่ทำให้ผิดหวัง ตั้งตารอซีซั่น 4 ได้เลย
รับชม You SS3 ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้
อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ได้ที่นี่