playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Young Wallander ภาคต้นจุดกำเนิดของซีรีส์นักสืบชื่อดังจากช่อง BBC มาลง Netflix

สรุป

เป็นซีรีส์สืบสวนที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง จนชวนให้สงสัยและอยากจะหาภาคหลักของเรื่องนี้มาดูว่ามันต่างกันอย่างไร แต่รวมๆ คือทำได้ดีตามมาตรฐานและสนุก คุ้มค่าแก่การดู ถ้าหากใครชอบแนวสืบสวนแล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลย แต่อาจจะยังไม่แตกต่างจากเรื่องอื่นมากเท่าไหร่ และตอนจบอาจจะทำให้ดูแล้วปวดใจว่ามันจริงเสียยิ่งกว่าจริงจนดูแล้วรู้สึกจี๊ดๆ เกี่ยวกับสังคมในบ้านเราได้เหมือนกัน

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ตัวละครพระนางมีเสน่ห์
  • การสืบสวนทำออกมาได้ดี
  • ฉากกดดันทำให้ชวนลุ้นตาม
  • ไม่มีส่วนที่ทำให้รู้สึกยืดเยื้อ
  • จำนวนตอนน้อย ดูไม่นาน

Cons

  • ยังดูไม่แตกต่างจากเรื่องอื่นเท่าไหร่
  • จบได้ค่อนข้างปวดใจ

ADBRO

Young Wallander วอลแลนเดอร์ ล่าฆาตกร ซีรีส์สืบสวนสอบสวนเรื่องใหม่จาก Netflix เรื่องราวของนายตำรวจหนุ่มที่ต้องเข้าไปสืบคดีเด็กถูกฆ่าด้วยการเอาระเบิดยัดปาก ทำให้เขาต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับคนร้าย แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายเพราะยิ่งสืบไปก็ยิ่งพบความเกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจล้นมือ

 Young Wallander (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Young Wallander วอลแลนเดอร์ ล่าฆาตกร

รีวิว Young Wallander วอลแลนเดอร์ ล่าฆาตกร

Young Wallander เคิร์ต วอลแลนเดอร์ เป็นตัวละครจากซีรีส์เรื่อง Wallander ที่เคยฉายในช่อง BBC ตั้งแต่ปี 2009-2016 มีทั้งหมด 4 ซีซั่น และนี่คือภาคต้น จะเป็นวัยหนุ่มของนักสืบวอลแลนเดอร์ นายตำรวจที่อาศัยอยู่ในย่านเสื่อมโทรมของเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นตำรวจ

แต่แล้วก็เกิดเหตุในคืนหนึ่ง เมื่อเคิร์ตถูกปลุกกลางดึกด้วยเสียงกริ่งแจ้งเตือนไฟไหม้ และผู้คนมุงดูเด็กชายถูกมัดไว้กับรั้วที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการแกล้งกัน แต่เด็กคนนั้นดันถูกเอาระเบิดยัดไว้ในปากจนเกิดเหตุน่าสยดสยองขึ้น

เนื่องจากว่าเคิร์ตเป็นผู้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุใกล้ชิดที่สุด และเป็นนายตำรวจ ผู้การเฮมเบิร์กเลยแต่งตั้งให้เขาเป็นนักสืบ เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีนี้ว่าใครเป็นคนทำกันแน่ ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวพันไปถึงพวกคนรวยที่มีอำนาจและเงินอย่างมาก

เรื่องราวจะตั้งอยู่ในประเทศสวีเดน เพราะฉะนั้นสำเนียงภาษาอังกฤษที่ตัวละครพูดกันในเรื่องนี้สำเนียงอาจจะฟังดูแปล่งๆ นิดหน่อย เพราะนักแสดงเป็นคนอังกฤษ พูดในสำเนียงอังกฤษ-สวีเดน แต่ไม่พูดภาษาสวีเดน

ดูจากพล็อตเรื่องแล้วมันอาจจะดูธรรมดา ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีมาก่อน เรื่องราวเกี่ยวกับการสืบสวนหาความจริงแล้วพบว่าคนเกี่ยวข้องอาจจะเป็นคนใหญ่คนโต และเรื่องนี้ก็นำเสนอปัญหาในบ้านเขาได้ค่อนข้างที่จะโอเค

ทั้งเรื่องการเหยียดชนชาติ กลุ่มฟาสซิส ไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัย ที่มันกลายเป็นปัญหาใหญ่รุนแรงถึงขั้นประท้วงและลงไม้ลงมือกัน แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเรื่อง

สำหรับเรื่องนี้มันก็จะเริ่มจากจุดเล็กๆ ของคดี ที่ค่อยๆ แตกแขนง ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เราคิดตาม ลุ้นตามเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเอกต้องไปเจอ และต้องหาทางแก้ปัญหา เพราะว่าตัวของเขาเองอาศัยอยู่ในย่านคนผิวสีและเสื่อมโทรมของเมือง นายตำรวจตงฉินหน้าใหม่คนนี้เลยอาจจะต้องหาทางเอาตัวรอด และพยายามหาเบาะแสต่างๆ เพื่อนำไปสู่คนร้ายตัวจริง

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจก็คือตัวละครแต่ละตัวที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวคดีและตัวของพระเอกเอง โดยเคิร์ตจะเป็นคนประเภทที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในปัญหาของคนอื่นและพยายามแก้ไข ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ลงเอยด้วยดีไปทั้งหมด เช่น อิบรา เด็กผิวสีอนาคตไกลที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายเพราะมีปากเสียงกับผู้ตาย พระเอกของเราก็ยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะรู้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นคนทำแน่ๆ

ซีรีส์แนวสืบสวนหลายๆ เรื่องจะเด่นและแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ด้วยตัวละครหลัก เช่นเป็นคนที่มีการสังเกตุและปะติดปะต่อเรื่องราวระดับสุดยอด แต่สำหรับเคิร์ตแล้ว เขาเป็นตัวละครที่ชอบตั้งคำถาม และสงสัยไปทุกเรื่อง แถมพร้อมจะสืบหาและแก้ไขทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทำให้มันอาจจะดูธรรมดาและยังไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าตัวนักแสดงที่รับบทพระเอกค่อนข้างมีเสน่ห์ เพราะสำเนียงการพูดและโทนเสียงจะคล้ายๆ กับพี่น้อย วงพรู ของบ้านเราเลยล่ะ รวมไปถึงตัวนางเอก โมนา (รับบทโดย Ellise Chappell) สาวคิ้วเข้มตาคมผมยาวที่โคตรน่ารักและชวนมองทุกฉากที่มีเธอออกมา

สิ่งที่เราเอาใจช่วยก็คือเหตุการณ์รอบๆ ตัวของเขาที่มันจะนำพาไปสู่จุดต่อๆ ไปของคดีที่นำไปสู่ตอนจบที่ปวดใจ ทำให้มันรู้สึกได้ถึงความจริงที่เป็นทั้งในบ้านเราและในหลายๆ ที่ ถึงอำนาจของคนรวย หรือคนบางกลุ่ม ที่กฏหมายทำอะไรไม่ได้ เพราะยิ่งพระเอกของเราสืบ ทุกอย่างจะชี้เป้าไปที่ตระกูลคนรวยอย่างตระกูล Munck อยู่เสมอๆ

ด้านดราม่าของตัวเอกและตัวละครอื่นๆ ทำออกมาได้ดีและดูไม่ยืดเยื้อ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนจะแตกแขนงจากคดีหลัก และหลายๆ ส่วนนั้น ก็กลับมาเชื่อมกับตัวเรื่องและคดีหลักเหมือนกัน ทำให้เราดูได้แบบไม่รู้สึกว่ามีช่วงที่ยืดเยื้อหรือน่าเบื่อ แถมยังมีฉากทริลเลอร์ในช่วงท้ายที่ชวนลุ้นตามอีก ฉากกดดันและฉากสืบสวนต่างๆ ทำออกมาได้ดี แต่บางทีมันก็เหมือนถามมาตอบไปอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน

ดูสนุกและดูเพลินสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ แถมจำนวนตอนค่อนข้างน้อย มีเพียง 6 ตอน ตอนละประมาณ 50 นาที แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับเรื่องนี้คือความแตกต่าง ที่บอกตามตรงว่ายังไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่สำหรับซีรีส์สืบสวนสอบสวน แต่โดยรวมคือทำออกมาได้ดีตามมาตรฐาน และไม่มีส่วนไหนที่รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลและแย่

ทุกอย่างมันดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง ไปเรื่อยๆ เราจะได้พบกับเบาะแสคดีต่างๆ ในมุมมองของฝั่งตัวเอกอย่างเดียว ทำให้รู้สึกว่าแม้มันจะมีเรื่องราวแตกแขนงยิบย่อยแต่ก็ยังอยู่ในเส้นตรงอยู่ดี ไม่มีได้การสับขาหลอกหรือหักมุมบ่อยๆ แบบซีรีส์เรื่องอื่นเป็น แต่ก็นับว่าเป็นข้อดีได้เหมือนกันในเรื่องความดูง่าย ไม่คิดเยอะ (แม้จะดูเหมือนเรื่องมันซับซ้อนก็ตาม)

โดยรวมนี่เป็นซีรีส์สืบสวนที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง จนชวนให้สงสัยและอยากจะหาภาคหลักของเรื่องนี้มาดูว่ามันต่างกันอย่างไร แต่รวมๆ คือทำได้ดีตามมาตรฐานและสนุก คุ้มค่าแก่การดู ถ้าหากใครชอบแนวสืบสวนแล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลย แต่อาจจะยังไม่แตกต่างจากเรื่องอื่นมากเท่าไหร่ และตอนจบอาจจะทำให้ดูแล้วปวดใจว่ามันจริงเสียยิ่งกว่าจริงจนดูแล้วรู้สึกจี๊ดๆ เกี่ยวกับสังคมในบ้านเราได้เหมือนกัน

รับชม วอลแลนเดอร์ ล่าฆาตกร ได้ทาง Netflix แล้ววันนี้

อ่านรีวิวหนัง/ซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!