playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

[First Impression] Nioh 2 ภาคต่อซามูไรพลัดถิ่น อัดแน่นไปด้วยสารพัดลูกเล่นใหม่ๆ

Nioh 2 เกมแนว Action RPG สไตล์ Souls Clone ธีมซามูไรญี่ปุ่น (เป็นการบ่งบอกแนวเกมที่อิงมาจากพวก Dark Souls) กลับมาสร้างปรากฎการณ์อีกครั้ง เมื่อทางค่าย Koei Tecmo และทีมพัฒนา Team Ninja มอบโอกาสให้เหล่าเกมเมอร์ชาว PlayStation 4 บางส่วน (ใครที่โดนสุ่มได้โค้ดเกมจากทีมพัฒนาถือว่าโชคดีมากๆ) เข้าร่วมทดสอบตัวเกมในช่วง Closed Alpha ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้เขียนก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบในครั้งนี้เช่นกัน เลยทำให้เกิดอารมณ์อยากทำบทความ First Impression ที่รวบรวมระหว่างทดสอบไปพลางๆ มาถ่ายทอดข้อมูลทุกอย่างให้ผู้เล่นทุกคนได้ทราบกันอย่างอรรถรส

ระบบเกมเพลย์แบบเดิม เพิ่มเติมคือลูกเล่นใหม่สารพัดชนิด

Nioh 2หลังจากที่ผู้เขียนเข้าไปทดสอบ NioH 2 มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมาว่า “นี้มันคือ NioH 1.5 ดีๆ นี่เอง” เพราะระบบเกมเพลย์ส่วนใหญ่แทบยกถอดมาจาก NioH ทุกประการ หรือถ้าให้เรียกภาษาบ้านๆ ก็คือ แทบเอามา Reuse ใช้เยอะมากๆ เลยให้อารมณ์และประสบการณ์การเล่นเหมือนเดิม จนไม่รู้สึกว่ามันเป็นภาคใหม่แม้แต่น้อย เพียงแต่ Team Ninja ได้เสริมลูกเล่นใหม่ๆ มาผสมผสานกันเข้ากับของเดิมที่มีอยู่แล้ว อาทิ

ระบบปรับแต่งตัวละคร เปิดโอกาสให้ผู้เล่นร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยด้วยตัวละครที่ปั้นเองกับมือ สร้างได้ตั้งแต่เพศ, ทรงผม, ใบหน้า, สีผิว + ตา + ผม, เสียงพากย์, ขนาดร่างกาย, ร่างแปลงกายปีศาจ และอื่นๆ อีกมากมาย ยิ่งโมเดลตัวละครเป็นอะไรที่แจ่มแมวสุดๆ [สมกับเป็น Team Ninja]
Ki (Stamina) ค่าความเหนื่อยของตัวละครจากการโจมตี, การป้องกัน, การสวนกลับ, การวิ่ง, การหลบ หรือแม้แต่น้ำหนักของชุดเกราะแต่ละอัน ทุกอย่างล้วนใช้ค่า Ki ทั้งหมด แค่ในภาคนี้ทีมพัฒนาปรับระบบดังกล่าวให้มีอัตราการฟื้นฟูเร็วขึ้นกว่าเดิมหน่อยนึง ยิ่งไปกว่านั้นต้องคอยระวังศัตรูบางชนิดที่ปล่อยคลื่นพลังออกมาหยุดยั้งการฟื้นฟูค่า Ki ด้วยนะครับ
Stances หนึ่งในระบบอันเป็นหัวใจหลักของการดวลกับศัตรู ตลอดการเล่นผู้เล่นจะต้องทำการเปลี่ยน Stances ตลอดทั้งเกมเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ ณ เวลานั้น [High – Mid – Low] ในภาคนี้ทีมพัฒนาปรับให้ใช้งานได้คล่องมือ & สลับเปลี่ยนเร็วขึ้นกว่าเดิม

ADBRO

ทีมพัฒนาปรับปรุง User Interface ของระบบ Skill Tree สำหรับอาวุธแต่ละสายให้ดูเข้าใจง่ายขึ้น อีกทั้งเราสามารถกดปุ่ม Δ บนช่องสกิลเพื่อรับชมคลิปวิดีโอสั้นๆ ว่าการใช้งานสกิลอันนี้เป็น, ออกท่วงท่าและผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างไร
Yokai Shift ระบบที่จะมาแทนที่ Guardian Spirits หรือ เหล่าผู้พิทักษ์ทั้งหลายที่คอยช่วยเหลือผู้เล่น ในคราวนี้จะเปลี่ยนมาเป็นเหล่าปีศาจที่เข้าสิงมนุษย์แล้วมอบพลังในการต่อสู้พร้อมคงสภาพอมตะชั่วครู่เป็นการแลกเปลี่ยน แถมปีศาจแต่ละตัวจะให้ผลของสกิลที่ไม่ซ้ำกันอีกด้วย โดยเกจพลังแปลงกลายจะลดลงทุกครั้งยามที่เราจู่โจมศัตรู

ระบบ Co-Op ขอเรียกกำลังเสริมจากผู้เล่นคนอื่นที่เคยเคลียร์ด่านไปรอบนึงแล้ว มาช่วยเหลือเราในการผ่านอุปสรรคต่างๆ ทว่าในภาคนี้มีการเพิ่มตัวละคร AI มาให้จับคู่กันในระบบ Co-Op อีกด้วย ซึ่งเจ้า AI มันไปจำลองตัวละครของผู้เล่นคนอื่น ณ จุดที่พวกเขาทิ้งสัญลักษณ์การอัญเชิญ (ออร่าดาบสีฟ้า) ให้เราเข้าไปเรียกด้วยการกดปุ่ม O จากนั้นพอเราเคลียร์ด่านเสร็จแล้ว ตัวเราและผู้เล่นคนอื่น [AI สวมรอย] จะได้รับไอเทมพิเศษเป็นของตอบแทน ในทางกลับกันเราก็สามารถต่อสู้กับ AI ผู้เล่นคนอื่นเพื่อแย่งชิงไอเทมพิเศษได้เหมือนกัน (ออร่าดาบสีแดง)

Boss Fight องค์ประกอบหลักสำคัญของเกมแนว Soulsborne ที่ผู้เขียนขอสารภาพว่าตัวเกมภาคก่อนหน้าทำออกมาได้ค่อนข้างผิดหวัง เนื่องจากบอสภายในเกมมีท่าทางเดิมๆ ใช้แต่รูปแบบเดิมๆ ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นยังเน้นตรง One Hit Kill เกินความจำเป็นด้วย จนมันขาด “ความท้าทาย” ในแบบที่ตัวเกมควรจะเป็น

ถึงกระนั้นพอได้ลอง Boss Fight ของ NioH 2 ผู้เขียนดีใจมากๆ ที่ทีมพัฒนาเอาข้อเสียทั้งหลายไปปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะว่ามีการเสริมพลัง “ดอกฮิกันบานะ” [ผู้เขียนตั้งชื่อเอง] ซึ่งปล่อยออร่าสีเทาๆ พร้อมกับดอกฮิกันบานะรายล้อมพื้นที่ให้กับบอสทุกตัว โดยพลังของมันจะปรากฏขึ้นมาตอนเลือดของบอสลดลงไปส่วนหนึ่ง ส่งผลให้บอสหันมาเปลี่ยนการโจมตี, เพิ่มรูปแบบการเคลื่อนไหว แถมยังอึดขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย นี่แหละคือ “ความท้าทาย” ที่ผู้เขียนต้องการ

Team Ninja ปรับปรุงข้อเสียที่เคยปล่อยปละละเลยให้หายไปแล้ว

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น NioH 2 แทบยกเอาระบบเดิมๆ มา Reuse ใช้เกือบหมด เลยทำให้ผู้เขียนคิดว่าปัญหาที่เคยประสบพบเจอในภาคก่อนหน้าคงตามมาด้วยแหง แต่กลับปรากฏว่าไม่พบปัญหาดังกล่าวอีกเลย เช่นพวกมุมกล้องที่ไม่มึนหัวไปมา (ยกเว้นตัวละครดันแนบติดระหว่างกำแพง จนมุมกล้องอับสายตาที่ยังแก้ไม่หาย), ระบบควบคุมบังคับตัวละครได้ดีขึ้น, Auto Lock ศัตรูให้ทันที หรือบัคที่ทำเอาทะลุฉาก ร่วงลงมาตายก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ถึงอย่างน้อยรู้สึกว่ากราฟิกน่าจะทำได้ดีกว่านี้ก็เถอะ แต่ไม่แน่พอตัวเกมวางจำหน่ายจริง กราฟิกคงอาจสวยขึ้นมาบ้างแหละ

ถือเป็นการต่อยอดของเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

Closed Alphaถึงแม้ว่าตัวเกมจะมาในรูปแบบ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” ก็ตาม มันสามารถมอบประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าเดิม ผลที่ได้ก็คือ Gameplay ที่ทั้งมันส์ – รวดเร็ว – เร้าใจ พร้อมยกระดับความยากที่อาจมีสิทธิ์ต้องวนเวียนว่ายตายเกิดพอสมควร แต่ตัวเกมก็ยังมอบโอกาสให้เราก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน นอกจากสิ่งที่กล่าวมานั้น NioH 2 : Closed Alpha Demo นี่เป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเท่านั้น!!! เพราะดูเหมือนทีมพัฒนากำลังรอเวลาปล่อยของที่กั๊กเอาไว้อีกเพียบเลย เอาไว้คราวหน้าตัวเกมวางจำหน่ายแล้ว ผู้เขียนจะรีบมาทำบทความรีวิวให้ผู้เล่นได้อ่านกันนะครับผม

ติดตามผลงานผู้เขียนได้ที่นี่

Mr.T-Rat Jongjumruspun

Leave a comment
รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ