รีวิว Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า – ที่ ๆ ผู้คนล้วนโหยหาที่ของตัวเอง (มีสปอยล์)
รีวิว Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า - ที่ ๆ ผู้คนล้วนโหยหาที่ของตัวเอง (มีสปอยล์)
สรุป
หนังชีวิตที่มีคุณค่า ควรแก่การชม และสมควริอย่างยิ่งกับกวาดรางวัล และออกฉายในระดับชาติอย่างยิ่ง
Overall
10/10User Review
( votes)Pros
- เนื้อเรื่องหนักแน่น ตรงประเด็น ตั้งแต่ต้นจนจบ
- การแสดงของนักแสดงที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะ เจนนิษฐ์ และ มิวสิค
- เพลงประกอบที่ใช้ไม่บ่อย แต่ใช้ถูกจังหวะ และสมจริง บางฉากให้อารมณ์ชัดเจน
- การเล่าเรื่องที่เรียบง่าย มีรายละเอียดมากมาย
- มุมกล้องและฉากที่เป็นแบบเฉพาะ ไม่หวือหวา แต่ให้อารมณ์เต็ม
Cons
- การเล่าเรื่องเรียบง่าย เชื่องช้า ไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม
รีวิว Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า
ที่ ๆ ผู้คนล้วนโหยหาที่ของตัวเอง
Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า ชีวิต เขียนบทและกำกับโดย คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผลิตโดย บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ฟิล์ม สไลด์เดอร์ แคท และ ซอง ซาวด์ โปรดักชัน จัดจำหน่ายโดย ซีเจ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ภาพยนตร์ที่เคยกวาดคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งในเรื่องการแสดงและเรื่องราวของสองเพื่อนสาวคนสนิทที่อีกฝ่าย เตรียมตัวจะไปจากที่ ๆ เคยอยู่จนสะเทือนใจ ทั้งนักแสดงนำเป็นสมาชิกของวง BNK48 มิวสิค และ เจนนิษฐ์ น่าเสียดายที่หนังฉายเพียงแค่โรงภาพยนตร์ในเครือ SF และมีรอบที่น้อยจนน่าใจหาย เลยทำรายได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่ใครจะรู้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นภาพยนตร์ในใจของใครหลายคน รวมถึงผมด้วย ซึ่งการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สตรีมมิ่งใน Netflix เมื่อวันที่ 20 กันยายน ก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่รู้จัก และเข้าถึงของใครหลายคน ต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นครั้งเเรกที่ได้ดูหนังของพี่คงเดช และในโรงภาพยนตร์ และผมก็หลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้หัวปักหัวปำด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างในเรื่อง
ไม่เพียงแค่เท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้เข้าฉายใน Busan International Film Festival (BIFF) เทศกาลหนังระด้บนานาชาติ ที่ Where We Belong ได้รับเกียรติให้เข้าชิงรางวัล Kim Ji-Seok Awards (รางวัลเดียวกับที่ มะลิลา ของผู้กำกับ อนุชา บุญยวรรธนะ ได้มาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้รางวัลมากมายจากสุวรรณหงส์ด้วย) ซึ่งเป็นรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่ Kim Ji-Seok ผู้ร่วมก่อตั้งเทศกาลหนังปูซาน และเป็นการได้รางวัล Marie Claire Asia Star Awardsสาขา Rising Star Award ของเจนนิษฐ์อีกด้วย
การเดินสายออกฉายและประกวดอย่าง QCinema International Film Festival 2019 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13-22 ตุลาคม, 32th Tokyo International Film Festival เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม, Hong Kong Asian Film Festival 2019 ใน Section ASIAN WIDE ANGLE เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน, Flavours Asian Film Festival 2019 เมืองวอร์ซอว์ ประเทศโปแลนด์ สาย New Asian Cinema Competition เมื่อวันที่ 13 – 20 พฤศจิกายน, Taipei Golden Horse Film Festival เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน Hainan Island International Film Festival 2019 (HIIFF) เมื่อวันที่ 1-2 ธันวาคม
คงเห็นได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวอินดี้ดราม่ากวาดรางวัล น่าจะดูได้ยาก แต่ขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่เลย จริงอยู่ที่ภาพยนตร์มีความอินดี้ แต่ก็สามารถเข้าถึงได้ เพราะทุกคนต่างก็เคยเจอมาทั้งนั้น หรือ อาจจะสัมผัสได้จากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ทำให้มีการตีความภาพยนตร์ไปได้ในหลายรูปแบบทั้งในทางชีวิต สังคม หรือแม้แต่การเมือง กลายเป็นกระแสที่ทำให้ภาพยนตร์นี้เป็นมากกว่าภาพยนตร์ที่แสดงโดยสมาชิกจากวง BNK48 แต่คือ นักแสดงมากฝีมือตะหาก เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการฉลองแก่ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ รีวิวนี้จึงได้เกิดขึ้น
“ซู เป็นเด็กสาวชาวจันทบุรีที่กำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศฟินแลนด์ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องไป คิดแค่เพียงอยากไปให้ไกลจากที่ ๆ ที่เธออยู่ เแต่ก่อนที่จะไปเธอมีเรื่องที่ยังค้างคาใจที่จะต้องทำให้ได้ เพื่อให้หมดห่วงต่าง ๆ จึงร่วมมือกับ เบลล์ เพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุด ออกแก้ปัญหาต่าง ๆ ตามเช็คลิสต์ที่ทั้งคู่กำหนดไว้ แต่ระหว่างการออกเดินทาง ทั้งคู่ก็ได้พบกับอุปสรรคที่กีดขวางของพวกเขาโดยที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน และนั่นจะนำมาสู่จุดเปลี่ยนของชีวิตทั้งคู่ตลอดกาล“
ที่ตรงนี้ คือที่ ๆ เราอยู่
Where We Belong เล่าเรื่องได้นิ่ง เรียบ ไม่มีอะไรจุดพีคแบบตะลึงหรืออะไร แต่เป็นจุดพีคด้านอารมณ์ตัวละคร หนังเล่าผ่านตัวละคร ซู เป็นตัวละครหลักของเรื่อง ทุกมุมมองทุกสิ่งที่เราเห็น คือ สายตาของซู ที่มองสภาพแวดล้อมของตัวเอง ทำให้หนังมีความเป็นเรียล หรือ จริงใจสูง เหมือนเราดูชีวิตของคน ๆ หนึ่ง และเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวที่เรียบง่าย แต่พอดูเรื่อย ๆ จะพบถึงอิทธิพลของสภาพแวดล้อม หรือ ผู้คนที่ผลักดันให้เรื่องราวมีจุดเปลี่ยน แต่หนังก็ไม่ได้ให้พื้นที่กับซูคนเดียว แต่กับเบลล์ ซึ่งเป็นตัวละครร่วม ก็ยังเป็นมุมมองที่เราอาจจะเข้าถึงได้ไม่แพ้กัน เพราะหนังเรื่องนี้ คุณสามารถเป็นใครก็ได้ ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณมีความรู้สึกตรงกับตัวละคร ไม่ว่าจะหลัก หรือ รอง คุณก็เป็นได้
ที่ตรงนี้ คือที่ ๆ เราพอไปถึง
Where We Belong อาจไม่ได้ให้อะไรที่มันตื่นตา สนุกสนาน เพราะแม้จะมีมุกตลก จิกกัด แต่ก็เต็มไปด้วยความเรื่อย จนอาจจะทำให้เบื่อได้ แต่ถ้าจูนติด ก็จะจมไปกับเรื่องราวแน่นอน ผ่านตัวละครสองตัวหลัก อย่างซูและเบลล์ และตัวละครที่สามที่ผมยกให้เป็นตัวละครสำคัญ มากกว่าตัวละครอื่น ๆ อย่าง จังหวัดจันทบุรี ที่ต้องอยู่ในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวไปต่างประเทศ การทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือ ตอบสนองความต้องการของคนอื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกสอดแทรกผ่านตัวละครรอบ ๆ ตัวของพวกเขาอีกทีนึง ซึ่งหนังทำออกมาได้ไหลลื่น ค่อย ๆ พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ของกลุ่มคนอย่างช้า ๆ จากสองคน เป็นสาม จากสาม เป็นสี่ จากสี่เป็นห้า ไล่ไปเรื่อย ๆแต่ละตัวละครก็จะเป็นทั้งส่วนของตัวเอง และส่วนของคนที่อยู่รอบ ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ไม่ได้ให้เราเข้าใจถึงคำตอบ ทำให้เราจมดิ่งลงไปในที่แห่งนั้นอย่างเต็มใจ จนกระทั่งถึงก้นบึ้งที่มีหนามทิ่มแทง เหมือนกับเรื่องราวที่เจ็บปวด และไร้หนทางแก้ไข
ที่ตรงนี้ ที่มีคนสร้างไว้
คงเดช จารุเดชรันต์รัศมี ผู้กำกับภาพยนตร์มาหลายเรื่อง และล้วนแต่เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับคำชม และมีกระแสในวงการภาพยนตร์อิสระจาก Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า เขาก็ยิ่งทำให้เราเห็นได้ถึง ความเวิ้งว้าง ท่ามกลางผู้คน มุมกล้องที่เน้นโคลสอัพ แสง สัญลักษณ์ของสภาพแวดล้อม ที่ใส่เข้ามาอย่างประณีตและมีความนามธรรมสูง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูยาก รูปแบบเดียวกับ ตั้งวง ทั้งยังทำให้การแสดงของเจนนิษฐ์ ที่แสดงเป็นเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความกระอั่กกระอ่วน พูดน้อย มีความคิดที่ค่อนข้างซับซ้อน และยากที่คนจะเข้าใจ แต่พอระเบิดออกมา ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงมีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ปีหน้าแน่ เช่นเดียวกับมิวสิค ที่เเสดงได้เป็นธรรมชาติ จนน่าทึ่งในฐานะนักแสดงครั้งแรก ทั้งอารมณ์ หรือ แม้แต่จังหวะการแสดง ส่วนตัวละครสมทบอื่น ก็ช่วยทำให้เรื่องกลมกล่อมมากขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ส่วนดนตรีประกอบของพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อกก็อัศจรรย์จริง ๆ เช่นเดียวกับงานภาพ เพราะดนตรีเปียโนเบา ๆ กับ กีตาร์ ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแห้งแล้งของสถานที่ในภาพยนตร์ในช่วงนั้นได้
ที่นี่ ที่ ๆ เราต้องอยู่
ประเด็นของ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า สะท้อนถึง สถานที่ สถานที่ในที่นี้คือ จันทบุรี กรุงเทพ และ ฟินแลนด์ ที่ล้วนเป็นสถานที่ ๆ ตัวละครแต่ละครในเรื่องมุ่งหวังที่จะให้เป็นที่ของตัวเอง บางคนเลือกที่จะอยู่ บางคนเลือกที่จะไป บางคนเลือกที่จะให้คนรอบตัวอยู่ โดยที่ไม่สนใจความต้องการที่แท้จริงของกันและกัน มันเลยทำให้เกิดความบาดหมาง ความขัดแย้ง ที่ยิ่งพยายามจะควบคุม หรือทำให้มันปกติมากเท่าไหร่ ทุกอย่างก็ยิ่งยุ่งเหยิงมากเท่านั้น และนั่นเองที่นำไปสู่บทสรุปที่จะขอกล่าวต่อจากนี้
เขาว่าคนที่พูดน้อยที่สุด คือคนที่ใจสลายที่สุด ใช่ ซูคือตัวอย่างของคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะทำอย่างที่ตัวเองต้องการ แม้แต่ฟินแลนด์ก็เป็นจุดหมายที่ซูแค่ต้องการจะไป เพราะซูรู้สึกว่าตั้งแต่เเม่ของเธอจากไป จันทบุรีก็ไม่เคยเป็นที่ของตัวเอง เพราะพ่อยอมมอบหัวใจของแม่ให้กับหมอที่ต้องการมันไปโดยไม่ได้รับการยินยอมจากลูกอย่างเธอ เธอได้เก็บความรู้สึกอึดอัดต่อจังหวัดที่เป็นที่ตัวเองอยู่ แต่ดันกลายเป็นที่ที่ตัวเองกระอักกระอ่วนเช่นกัน จนมันอาจส่งผลต่อความบาดหมางของเธอกับมิว เพื่อนเคยสนิทที่เธอรักและโหยหามากที่สุดในเวลาต่อมาหลังจากนั้น เพราะเธอรู้สึกไม่มีความหมาย ไร้ตัวตน ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้ได้เพื่อนสนิทคนนี้คืนมา
เธอก็ได้แต่หวังว่า คนอื่นที่ยังอยู่ที่นี่ จะยังคงอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทั้งซัน น้องชายเพศที่สามที่ต้องรับหน้าที่ทำก๋วยเตี๋ยวต่อจากเธอ เบลล์ เพื่อนที่เธอไม่อาจให้ใจไปมากกว่านี้แล้ว เก่ง ชายที่เธอมีความรู้สึกดี ๆ และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก็สามารถอยู่ได้ด้วยอาชีพที่เขาถนัด เเก๊งเพื่อนที่ต่างมีเรื่องของตัวเองที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเรียนจบ ทำงาน หรือเเม้แต่เเตกหักกันไป เขาก็ต้องมีชีวิตของเขา จะมาอยู่กับเธอไม่ได้ เพราะชีวิตนั้นมันไม่ใช่ของเธอ
แต่สิ่งที่ทำให้ความมุ่งมั่นของเธอต้องจบลง คือพ่อของซู ผู้จัดสรรทุกอย่าง ซูไม่เคยได้ทำอะไรด้วยตัวเอง และสิ่งที่น่าสมเพชแทนคือ การที่พ่อของซู ใช้แม่ของซูในการยึดเหนี่ยวให้ซูอยู่ที่นี่ต่อไป ผ่านร่างคนทรง ด้วยคำพูดที่เหมือนออกมาเหมือนกับสิ่งที่แม่พูดว่า มันจะต้องดีขึ้น ทำให้ซูตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ โดยหวังว่าที่เเห่งนี้มันจะเป็นที่ของเธอ และหัวใจของเเม่ก็ไม่ได้อยู่กับร่างแม่ เธอก็เริ่มออกตามหาหัวใจ จนตำหนิสก๊อยที่ทำเเท้งว่าเอาหัวใจแม่คืนมา จนโดนรุมเล่นงานอย่างหนัก ก่อนที่จะโดนตบหน้าด้วยคำตอบของผู้ที่มาช่วย ซึ่งก็คือคนทรงว่า “มันเป็นคำโกหก มันไม่มีทางดีขึ้นหรอก” อนุมานได้ว่า พ่อของซูใช้ความหวังมาหลอกลวงซูอีกครั้ง ซูที่รู้ตัวว่าโดนหลอกก็ได้แต่เวทนาตัวเองกับชะตากรรมที่ถูกกำหนดให้ตัวเองติดอยู่ที่นี่ ร้องไห้จนเเทบขาดใจบนเครื่องเล่นที่มีแสงสีสวยงามหมุนไปมารอบ ๆ เหมือนกับสภาพชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับแสงสว่างแห่งความหวังว่า ที่ ๆ เธออยู่มันจะดีขึ้น แต่มันไม่มี ไม่มีอีกเเล้วที่ของเธอ เพราะมันไม่เคยมีอยู่แล้ว ซูจึงเลือกที่จะออกไปจากวงจรอันแสนน่าหดหู่นี้ โดยการลาจากเบลล์ และทำตามสัญญาของคุณย่าของเบลล์เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนจะเลือกชะตาชีวิตของเธอเอง โดยการขอไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า…ไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งซูอีกแล้ว นอกจากตัวเอง สถานที่เดียว ที่เป็นของซู
ในขณะที่เบลล์
เพื่อนคนนึงที่อยากจะมีความสำคัญกับเพื่อนสนิทอย่างซู เธอทำทุกอย่างทั้ง รวมกลุ่มเพื่อน เเก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อให้ซูเห็นความสำคัญของตัวเอง เพื่อจะได้อยู่ในที่ ที่ตัวเองต้องการ คือซู ในขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับความคาดหวังของแม่ผู้เป็นสาวออฟฟิศทำงานหรูในกรุงเทพที่ประเคนเธอด้วยของแพงต่าง ๆ โดยที่ไม่ได้ถามเธอเลยว่าต้องการหรือไม่ มิหนำซ้ำยังอยากให้เธอมาอยู่ด้วยที่กรุงเทพ ซึ่งเบลล์คงรับไม่ได้ เพราะเบลล์รักที่จะอยู่ในที่เเห่งนี้ เพราะมีย่าอยู่ และเรื่องเล่าจับนมของย่าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เบลล์อยู่ที่จันทบุรีได้อย่างสุขใจ ไหนจะคุณครูโอลิเวอร์ ชายชาวเยอรมันกลางคนผู้เป็นเป้าหมายหัวใจของเธอที่มาตั้งรกรากอยู่ที่จันทบุรีเช่นกัน ไหนจะต้องรอผลสอบเข้ามหาลัยอีก แต่สิ่งที่ทำให้เบลล์ตระหนักที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะทำสักเท่าไหร่ จะขอร้องหรือพูดใด ๆ เธอก็ไม่มีทางได้อยู่ในที่ ๆ เธอต้องการได้ เพราะบาดเเผลของเพื่อนอย่างซู มันลึกมาก ๆ ลึกเกินกว่าที่ความสดใสของเธอจะเข้าไปถึงได้ เธอก็ได้แต่ทำใจยอมรับและใช้ชีวิตอยู่ต่อไป แม้แต่การปล่อยให้ซูเดินจากไป เธอก็ยอม เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ซูตัดสินใจ และเธอไม่ใช่ซู นั่นไม่ใช่ชีวิตของเธอ
คำถามที่เบลล์ถาม “ที่ตรงนั้น มีฉันอยู่หรือเปล่า” คำตอบของซูคือ “ไม่มี” มีแต่ “ที่ ๆ เธออยู่นี่เเหล่ะ ที่เธอต้องอยู่ต่อไป”
งั้น LET U GO ก็คือคำตอบที่สรุปความสัมพันธ์ของคู่นี้ได้อย่างสมบูรณ์อย่างเจ็บปวด
หยก คือ คนที่พอใจกับชีวิตที่ตัวเองเป็นอยู่ แม้จะไม่ได้แฮปปี้กับมันมากนักแต่มมันก็เป็นเรื่องปกติของเธอ แต่กับ ป่านกับแพร คือ เพื่อนที่มีปัญหาใหญ่กันเพียงเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย (เรื่องผู้ชาย) และก็ดีกัน(ชั่วคราว) ด้วยเรื่องเล็กน้อย แต่ป่านเองก็ไม่พอใจกับความเหลาะเเหละของวงดนตรี STRATOSPHERE ที่ไม่ได้จริงจังแถมทำให้เธอมีปัญหากับครอบครัว จนทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนต้องเเตกหักลง ซึ่งมันก็คือเรื่องปกติของวัยรุ่น ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรอยู่ต่อไปในที่ ๆ ที่ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะพยายามยังไง มันก็ไม่มีทางดีได้
จ๊ะเอ๋ คือ คนเราทั่วไป ไม่มีอะไรให้คิดมาก เธอเเค่อยู่กับเพื่อน สนุกสนาน เรียนหนังสือในกรุงเทพแค่นี้ก็พอ นี่แหล่ะที่ของเธอ
ปุก คนนี้เหมือนจะไม่มีอะไร เเต่จะเห็นได้ว่า เธออยู่ในระบบที่เธอต้องตัดสินใจให้มันจบ ๆ ไป เรียนคหกรรม ทั้งที่ตัวเองไม่ถนัด เพราะความคาดหวังไม่อยากโดนพ่อแม่ว่า ดู ๆ แล้วเธอน่าจะเป็นคนที่เครียดอยู่พอสมควร ไหนจะการพยายามทำสีผม ที่โดนคนทำตอกกลับมาว่าทำไม่ได้หรอก มันเหมือนเธอถูกขีดเส้นไว้แล้ว ว่าเธอต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ อึดอัดนะ
มิว อดีตเพื่อนสนิทที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น กับคนอื่นเธอปกติ แต่กับซู ไม่ใช่ คนที่ทำร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ การเล่าเรื่องที่เธอ (อาจจะมีท้อง) จนไม่แปลกใจว่า อะไรที่มันแตกหักไปแล้ว มันต่อกลับมาไม่ได้ ดูเธอแล้วน่าจะเป็นคนที่ชีวิตผ่านโลกมาพอสมควร แต่ยังไงชีวิตก็ต้องไปต่อ การทำงานทั้งเด็กเสิร์ฟร้านเหล้า และ เป็นสาวขายประกันในห้างบิ๊กซี ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการดิ้นรนเพื่อจะอยู่รอดของเธอเช่นกัน
เก่ง คือ ผู้ชายธรรมดาคนนึงที่มีอะไรลึกซึ้งกับซูมาตั้งแต่เรื่องก่อนในหนัง ถ้าให้เดา ดูแล้วก็เป็นผู้ชายที่มีความถนัดเป็นของตัวเอง และใช้มันอย่างมีประโยชน์ แต่เขาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญพอที่จะทำให้ซูอยากอยู่ที่นี่ เขาเลยต้องอยู่ในที่ของตัวเองต่อไป
พวกเขาจึงต่างมีที่ยืนเป็นของตัวเอง และเลือกแล้วที่จะอยู่กับมัน
พ่อของซู เป็นคนที่หัวแข็ง อาจจะหัวเเข็งกว่าแม่ของซู ที่ตัวเองเคยพูดไว้ซะอีก เเถมมีเล่ห์เหลี่ยมกว่าที่เห็น ชายวัยกลางคนที่ไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวได้ตัดสินใจทำสิ่งที่เธอต้องการ ถ้าลูกสาวออกความเห็นอะไรก็จะใช้คำพูดรุนแรง และเกือบใช้กำลัง เเม้กระทั่งวางอุบายหลอกให้ซูเชื่อว่า แม่ยังอยู่รอบตัว เพื่อให้เธออยู่ที่จันทบุรีต่อไป ไหนจะยินยอมเซ็นชื่อมอบหัวใจของภรรยาให้โรงพยาบาลโดยไม่ฟังซูสักคำ เรียกได้ว่าเป็นคนที่น่าสมเพชที่สุด เพราะทำให้ซูหมดโอกาสจะไปมีชีวิตที่เธอต้องการ สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้ซูอยู่ในที่ ๆ เขาต้องการได้ ทำได้แค่ร้องไห้ แล้วฟังลูกหนีออกจากบ้าน และอยู่กับลูกชายที่เป็นเพศที่สาม น้องชายของซู อย่างซัน คอยช่วยกันขายก๋วยเตี๋ยวหมูเลียงอยู่ในที่ ๆ ของเขาตลอดไป
คำถามที่เขาเคยถามในรถว่า “ซูต้องกลับมานะ” ก็คงมีคำตอบเดียวว่า “ไม่”
ย่าของเบลล์ หรือ ย่าจับนม อันนี้ผมตีความว่า เรื่องเล่าของคำสัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง ย่าอายุมากและหลงจมอยู่กับคำสัญญาของคนที่ชื่อกานต์ที่มาเมคเลิฟกับเธอ แล้วจากนั้นเขาก็ไม่เคยมา ได้แต่พูดซ้ำ ๆ ว่า นอกหน้าต่างตรงนั้นมีคุณกานต์ เหมือนกับรอให้อะไร ๆ มันดีขึ้นมา แต่สุดท้ายก็ต้องยืนมองหน้าต่าง แล้วจับนมตัวเอง ตอบสนองคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ ที่ซูบอกไม่อยากเป็นเหมือนย่าของเบลล์ อาจจะไม่ได้หมายความว่าแก่ นมยาน ก็คงเพราะ ตัวเองไม่อยากอยู่แบบมีความหวังที่ไม่มีภาพชัดเจนว่ามันจะเป็นไปได้
การที่ซูมาจับนมแล้วกอดย่าไว้ในค่ำคืน จึงเสมือนคุณกานต์มาทำตามสัญญาที่ให้ไว้
แม้ว่ามันจะไม่มีวันนั้นก็ตาม แต่อย่างน้อยซูก็ทำให้ย่านึกขึ้นได้เมื่อเธอเดินออกไป “นั่นซูจะไปไหนล่ะเบลล์”
และเบลล์ก็ทำได้แค่นั่งมองเพื่อนของเธอจากหน้าต่างเดินจากไปทั้งน้ำตา
Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า
Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ทำให้เข้าใจ และดำดิ่งไปกับเรื่องราวหรือบางสิ่งที่ทำให้ได้ย้อนกลับไปในวัยเดียวกับตัวละคร และหนทางแก้ปัญหาที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามเรื่อง แต่ก็ทำให้เราได้รู้ว่า ความรู้สึกที่มันเป็น หรือ เคยเป็น อีกทั้งด้วยการแสดงของนักแสดงที่เราอาจจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก ไม่ได้มาจากค่าย GDH ไม่สนุกสำหรับคนทั่วไป Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ก็ยังเป็นภาพยนตร์ชีวิตที่มีคุณค่า ควรแก่การรับชม และเป็นเหมือนบันทึกช่วงชีวิตหนึ่ง ที่หากเราผ่านมาแล้ว ทั้งเรื่องเพื่อน สังคม เราคงจะนึกขำว่า เราเคยหรือไม่เคยทำตามที่เราหวังหรือเปล่า โตขึ้นอีกสิบปียี่สิบปี เราจะเป็นอะไร และชีวิตที่เราเป็น เราสามารถยอมรับได้หรือไม่ เพราะนี่ก็คือ ที่ ๆ เราเลือกที่จะอยู่ และคงจะต้องปล่อยอดีตไป ตราบเท่าที่เรามีชีวิตอยู่ เหมือนกับเพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง LET U GO ที่หากคุณฟังมาก่อน อาจไม่รู้สึกอะไร แต่พอหลังภาพยนตร์จบลง มันช่างสมบูรณ์แบบ ลองเปิดใจมองผ่านอคติต่าง ๆ แล้ว ถือเป็นภาพยนตร์ที่ควรได้ชมของปี 2019 นี้เลยครับ
อัพเดทรางวัลเพิ่ม จากเวทีสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 29
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – บีเอ็นเคโฟรตีเอต ฟิล์ม, บริษัท ซองซาวด์ โปรดักชั่น จำกัด, บริษัท สไลเดอร์ แคท จำกัด
- ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – คงเดช จาตุรันต์รัศมี
- บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม– คงเดช จาตุรันต์รัศมี
- ผู้แสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม – แพรวา สุธรรมพงษ์
- ลำดับภาพยอดเยี่ยม – ลี ชาตะเมธีกุล, หรินทร์ แพทรงไทย
- ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม – ธนชัย อุชชิน
ตัวอย่างภาพยนตร์ประกอบ รีวิว Where We Belong
สามารถชมได้แล้วที่ NETFLIX สมัครวันนี้ ฟรี 1 เดือน ถือเป็นหนังไทยดี ๆ ในเน็ตฟลิกซ์ที่ห้ามพลาดอย่างยิ่ง!
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่