รีวิว Mulan มู่หลาน ไม่ว่าเพศไหน ก็มีหัวใจกล้าแกร่งได้ (ไม่มีสปอยล์ส่วนสำคัญ)
Mulan
สรุป
เนื้อเรื่องมีความสมเหตุสมผลกว่าฉบับอนิเมชั่น แต่นอกจากนั้นแล้วธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น หนำซ้ำยังเป็นโฆษณาชวนเชื่อของจีนที่ผลิตขึ้นโดยดิสนีย์อีก…
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- นักแสดงทำหน้าที่ได้ดี
- ดนตรีบรรเลงเพราะ
- การเล่าเรื่องสมเหตุสมผล มีที่มาที่ไป
- งานภาพสวย ฉากบู๊ยังเหมือนหนังกำลังภายใน
- ใจความสำคัญสำคัญยังอยู่ครบ
- มีฉากให้ซึ้งเป็นระยะ ๆ แม้จะสั้น
Cons
- บทไม่มีอะไรโดดเด่นเลย
- หนังรีบเล่าเกินไป ไม่ได้สัมผัสอะไรเลย
- ช่วงแรกจนกลางค่อนข้างเนือย
- ตัวละครนอกจากมู่หลาน ไม่มีใครน่าจดจำสักคน
- ไม่มีการเน้นอารมณ์ตัวละคร แม้หนังจะพยายามแล้ว
- มีความโฆษณาชวนเชื่อสไตล์ชาตินิยมจีนมากเกินไป เข้าใจว่าเพราะจะขายจีนแต่มันทำลายอรรถรสหนัง
Mulan เป็นภาพยนตร์อเมริกัน-จีน แนวสงคราม-ดราม่า-ย้อนยุค กำกับโดย นิกี คาโร ผู้เขียนบท คือ เอลิซาเบธ มาร์ทิน, ลอเรน ไฮเนก, กับริก จัฟฟา และอะแมนดา ซิลเวอร์ และผู้อำนวยการผลิต คือ วอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ เป็นการนำตำนานจีนเรื่องฮวา มู่หลาน (Ballad of Mulan ลำนำมู่หลาน) มาดัดแปลงใหม่ต่างจากเวอร์ชั่นอนิเมชั่นปี พ.ศ. 2541 โดยซื่อตรงกับต้นฉบับของตำนานให้มากที่สุด นำแสดงโดย หลิว อี้เฟย์ เป็น มู่หลาน นักแสดงสมทบ คือ เจิน จื่อตัน (ดอนนี่ เยน), หลี่ เจี๋ย, โย่วซง อัน, กง ลี่, และหลี่ เหลียนเจี๋ย (เจ็ท ลี)
Mulan (มู่หลาน) เคยเป็นอนิเมชั่นของวอลต์ ดิสนีย์เมื่อปี พ.ศ.2541 และได้รับกระแสจากทั่วโลกเป็นอย่างดี ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสาวผู้ที่ตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องบ้านเมืองจากภัยร้าย แต่ดูเหมือนการกลับมาของเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็คชั่นจะแตกต่างจากเมื่อก่อน เพราะมันไม่ใช่ภาพยนตร์มิวสิคเคิลเหมือนที่ดิสนีย์เคยทำ แต่เป็นการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์อย่างตรงไปตรงมา พร้อมกับปรับเปลี่ยนบทให้มีความถูกต้องตามวัฒนธรรมของประเทศจีนซึ่งเคยได้วิจารณ์อนิเมชั่นไว้ถึงความผิดเพี้ยน และขบขันจนเกินจะยอมรับ ดิสนีย์ที่ต้องการให้ตลาดใหญ่อย่างจีนยอมรับ จึงได้ปรับเปลี่ยนโทนจากการผจญภัยแสนสนุกสนาน กลายเป็นเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนของหญิงสาวคนหนึ่งผ่านสงคราม ซึ่งอาจจะทำให้ใครที่เป็นแฟนอนิเมชั่นอาจจะต้องหน้าบูดไปตาม ๆ กัน
มู่หลาน โชคไม่เข้าข้างดิสนีย์เท่าไหร่ เพราะปีแห่งวิบากกรรมโควิดที่แน่นอนว่าหนังจะต้องทำเงินไม่คุ้มทุนแน่ หนังจึงถูกขายส่งไปยัง Disney+ บริการสตรีมมิ่งของเครือดิสนีย์ในราคากว่า 800 บาท ทำให้ไทยเราโชคดีที่วอลต์ ดิสนีย์ไทยได้จัดเต็มกับจอภาพยนตร์ พร้อมทั้งคว้านักแสดงสาวไทยขวัญใจใครหลาย ๆ คนอย่าง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เพื่อมาให้เสียงพากย์ของมู่หลานด้วย ซึ่งแน่นอนว่าวงการพากย์ไทยนั้นมีดาราที่พากย์ทั้งดีและไม่ดี แต่ใบเฟิร์นต้องผ่านการทดสอบอย่างหนักหนาต่างจากตอนแสดงเป็นนิรา ในละครใบไม้ที่ปลิดปลิวอย่างแน่นอน
“ฮวา มู่หลาน บุตรสาวของฮวา โจ นักรบเลื่องชื่อตระกูลฮวา ผู้เปี่ยมพรสวรรค์และแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้าน จนกลายเป็นตัวประหลาดสำหรับสายตาผู้คน ทว่า จักรพรรดิถังไท่จงรับสั่งให้เกณฑ์บุรุษครอบครัวละหนึ่งคนไปเข้าทัพหลวงเพื่อป้องกันผู้รุกรานจากทางเหนือ โดยหัวใจที่กล้าแกร่งและเสียสละจึงตัดสินใจสวมรอยเข้ากองทัพชายเปลี่ยนชื่อปลอมตัวเป็น ฮวา จิ้น ท่ามกลางมิตรสหายชายชาติทหาร และชายหนุ่มผู้ถูกชะตากับเขาอย่าง เฉิน หงฮุย มู่หลานต้องตัดสินใจว่าจะสู้กับกองทัพในฐานะฮวา จิ้น หรือจะต่อสู้ในฐานะตัวของเธอเอง เมื่อศัตรูที่แฝงด้วยความชั่วร้ายได้รุกรานสู่ชีวิตผู้คนในแผ่นดินจีนอย่างน่าหวาดกลัว”
ดัดแปลงใหม่ กระฉับชับไว ไม่สูญเสียคุณค่าเดิม
มู่หลานในฉบับภาพยนตร์มีความแตกต่างในแบบที่ต้นฉบับไม่เคยมีมาก่อน เราจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างที่เวอร์ชั่นอนิเมชั่นไม่ได้เล่า หนำซ้ำการที่ไม่มีเพลงร้องแบบภาพยนตร์ไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้เป็นจุดด้อยของเรื่องแต่อย่างใด เพราะการเล่าเรื่องยังคงรักษาแก่นหลักได้ครบ โดยเปลี่ยนให้มีความสมจริงในทุกช่วงเวลาของเรื่อง ไม่มีตลกโปกฮาผิดที่ผิดทาง อาจเพราะหนังตั้งใจจะทำตัวเองให้ซีเรียส เราจึงพบว่าคาร์แรกเตอร์ตัวละครทุกตัวในเรื่องแทบไม่มีมุมขบขันเลย เป็นการสมมติว่าถ้ามู่หลานอยู่บนโลกแห่งความจริงจะเป็นอย่างไร ซึ่งผู้กำกับทำได้สำเร็จในด้านนี้ เพราะมันไม่มีความดิสนีย์ ดูเหมือนหนังจีนที่ฉายโรงมากกว่า
ความสมเหตุสมผลมีมากกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ และความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องก็ตรึงติดแน่นจนรู้สึกเครียดตามเรื่องไปเลย อาจเพราะมุกตลกมีแค่ไม่กี่ฉาก ซึ่งจะเป็นจังหวะของหนังมากกว่าที่จะเล่นพร่ำเพรื่อ ส่วนการเล่าเรื่อง ยังมีความแฟนตาซี แต่ไม่ได้แบบปล่อยพลังอะไรมากมาย แต่ดูก็คงรู้ว่าตัวละครไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ ถือว่าทีมค้นคว้าทำการบ้านมาดี และบอกได้เลยว่านี่เป็นหนังดิสนีย์ที่แม้จะเรตทั่วไป แต่ก็มีประเด็นด้านสงครามที่โหดร้ายใช่ย่อย โชคดีที่หนังไม่ได้เน้นตรงนี้มาก ไม่งั้นคงหดหู่จริง ๆ
ชายหญิงล้วนกล้าแกร่งและมีจุดยืน
หนังขับเน้นจุดยืนของตัวละครหลักได้จากการกระทำอย่างชัดเจน ทุกการกระทำที่ตัวละครกระทำแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเข้มแข็ง และอยู่รอดท่ามกลางความยากลำบากที่ชี้เป็นชี้ตายของตัวละคร โดยเฉพาะการที่เพศหญิงต้องถูกกดให้อยู่ในประเพณีอันเก่าแก่ตามประสาลูกคนจีนที่มีลูกชายเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เพราะได้ทำสงครามปกป้องบ้านเมือง ส่วนผู้หญิงควรจะออกเรือนมีคู่ครองที่ดี สืบสกุล ซึ่งผมมองว่า ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นนักรบได้ ไม่ใช่แค่การถูกกำหนดจากสังคม แต่มาจากสิ่งที่คน ๆ นั้นได้กระทำออกมา บางทีผู้หญิงอย่างมู่หลานก็กล้าแกร่งกว่าผู้ชายอีกนะครับ นอกจากนี้ยังพูดถึงคุณธรรมเรื่องครอบครัวและมิตรภาพ เรื่องปลอมตัวเป็นทหารที่แม้มันจะเป็นเรื่องที่ผิดแปลกจากยุคนั้น แต่ผลตอบแทนและการกระทำมันเกินกว่าที่ธรรมเนียมเก่าจะฉุดรั้งมันเอาไว้ให้ต้องอยู่กับที่ ความภักดี กล้าหาญ ซื่อสัตย์ กตัญญู คือสิ่งที่ทุกคนควรมี แต่มีในแบบตัวเอง ไม่จำเป็นต้องทำตามใคร ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แค่นี้ก็เป็นคนที่ดีต่อสังคมได้แล้วล่ะครับ
งานภาพ และเสียงของสงคราม
งานภาพของเรื่องนี้มีความสวยงามและไม่เน้นสีสันฉูดฉาด แต่ใช้สีบอกอารมณ์ตัวละครหรือสถานการณ์ในขนาดนั้น เช่น ถ้าสดใสก็จะเป็นสีเขียวและส้ม พอเศร้าก็จะเป็นสีแดง มีมุมกว้างหลายฉากที่สวยกว่าหนังดิสนีย์ทั่วไป แต่สิ่งที่ขัดตาคือ ซีจีบางจุดลอยอย่างไม่น่าเชื่อ คือมันไม่เป็นหนึ่งเดียวกับนักแสดง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหลัก แค่มันขัดตาจริง ๆ ในขณะที่เสียงเพลงนั้นมีความกระหึ่มก้องโลก แถมหยิบนำเพลงของอนิเมชั่นมาบรรเลงในฉบับออร์เครสตร้าแทนการขับร้อง ซึ่งนี่เป็นจุดที่ทำให้หนังดูเป็นสงครามที่ชี้เป็นชี้ตายตัวละคร แต่เพลงประกอบตอนท้ายเครดิตยังมีคริสตินา อากีเลรา เจ้าของเสียงร้องของเวอร์ชั่นอนิเมชั่นต้นฉบับ มาขับร้องเพลงประกอบอย่าง Loyal Brave True, Reflection อยู่เหมือนเดิม เพราะงั้นถ้ายังไม่อิ่มกับหนังอยู่รอฟังเพลงไปก่อนก็ไม่ได้เสียหายอะไร
นักแสดง และบทบาทที่ยังได้มากกว่าอีก แต่หนังไม่เอื้อให้เท่าไหร่
ในส่วนของนักแสดงผมยอมรับว่าเคยสบประมาทหลิว อี้เฟยในบทมู่หลานมาก่อน เพราะผมเคยเห็นการแสดงผ่าน ๆ บอกเลยว่าหน้าเดียว แต่เหมือนดิสนีย์จะรู้ทันเลยให้เธอเล่นเต็มที่ทุกฉาก ซึ้ง เศร้า น่ารัก ฮามาเต็ม ซึ่งเธอก็ทำให้เราอินได้ในทุกฉาก แต่ตัวละครของมู่หลานเวอร์นี้มันค่อนข้างแข็งกร้าวจนดูอึดอัดไปหน่อย แต่พอได้เสียงพากย์ไทยของใบเฟิร์นแล้ว ก็บอกได้เลยว่าไม่ทำให้ผิดหวัง ใบเฟิร์นใช้เสียงดีขึ้นมาก ไม่ได้ติดภาพจากนิรา แต่มีจังหวะจะโคนดีสมกับที่ดิสนีย์แคสมา ถ้ายังกลัวเสียงพากย์ขอบอกเลยครับว่าใช้ได้ไม่แย่
ทว่า บทที่ถูกดัดแปลงใหม่กลับทำให้ตัวละครอื่น ๆ แบนราบหยาบไปหมด ไม่มีตัวละครไหนเด่นเลยนอกจากมู่หลาน ไม่ว่าจะตัวละครใหม่อย่างแม่มดเซียน หลางที่เล่นโดย กงลี่ ปูมาดิบดี มีแรงขับเคลื่อนชัดเจนกว่าตัวร้ายแต่กลับตกม้าตายด้วยเรื่องการให้มู่หลานเด่นกว่า กลุ่มเพื่อน แม่ทัพ จักรพรรดิ์ หรือกองทัพแทบจะเป็นรอง ไม่ได้มีบทน่าจดจำแบบเวอร์ชั่นอนิเมชั่น แต่พอจะได้ฉากโรแมนติกสไตล์ทหารให้ดูแล้วอมยิ้มเล็ก ๆ และการสรุปของเรื่องถือว่าฉีกจากหนังดิสนีย์เรื่องอื่น แต่ผมไม่บอกหรอกว่ายังไง
ควรไปดูหรือไม่?
ถ้าชอบมู่หลาน ก็ลองเปิดใจให้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ดู มันไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่ถ้าอยากเห็นอะไรใหม่ ๆ อาจจะผิดหวัง เพราะหนังมันยังติดชื่อมู่หลาน แม้จะพยายามฉีก แต่การที่หนังยังวนเวียนอยู่กับความรักชาติ ชาตินิยม เหมือนโฆษณาชวนเชื่อของจีนไปอย่างแนบเนียน ตัวละครอื่นเลยกลายเป็นแค่ส่วนประกอบบาง ๆ ที่ทำให้มู่หลานโดดเด่นสมชื่อ แบกไปหมดทุกอย่าง ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ชอบมาก งานภาพ งานเสียง ความสมเหตุสมผลและการแสดงไม่มีติดขัด แต่การเล่าเรื่องและประเด็นมันค่อนข้างราบเรียบที่ไม่น่าจะถูกใจเด็กที่ตามการ์ตูน ก็รู้สึกว่าหนังใช้ความจีนเยอะมาก เยอะจนอึดอัด ปรัชญาเอย ความกตัญญูเอย มันเยอะเฝือจนทำให้หนังที่ควรจะดีเลยไปได้ไม่ดีสุด
หนำซ้ำยิ่งพอไปศึกษากรณี #boycottmulan แล้ว ก็เข้าใจและแอบรู้สึกผิดเล็ก ๆ ที่ไปดูเรื่องนี้ด้วยความอยากรู้ เพราะสิ่งที่นักแสดงนำอย่างหลิว อี้เฟยที่รับบท มู่หลาน ทำนั้น ค่อนข้างร้ายแรงที่โพสข้อความสนับสนุนให้จีนใช้กำลังทำกับกลุ่มนักศึกษาชาวฮ่องกง ก็ชั่งน้ำหนักตามที่ตัวเองต้องการที่สุดดีกว่านะครับ ส่วนตัวเชื่อว่าในไทยไม่น่าจะแป้ก เพราะดูกระแสดี แต่ต่างประเทศ ดิสนีย์ต้องขาดทุนมหาศาลเลยกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะเดี๋ยวธันวาคม หนังก็จะลงเป็นของขวัญให้กับคนที่สมัคร Disney+ ให้แบบฟรี ๆ อีก เรียกได้ว่าแม้หนังจะดี แต่สถานการณ์ดิสนีย์กับหนังเรื่องนี้ถือได้ว่าเสี่ยงขาดทุนสูงเลย
ตัวอย่างล่าสุด Mulan
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่