รีวิว Back to 15 ซีรีส์ย้อนเวลาบราซิลที่ไม่ใหม่ แต่ยังพอได้ใจอยู่ (ไม่สปอยล์)
Back to 15
สรุป
ซีรีส์คอเมดี้ดราม่าย้อนเวลาจากเน็ตฟลิกซ์ ดัดแปลงจากหนังสือขายดีสัญชาติบราซิลดูได้เพลิน ๆ ที่พาสำรวจการค้นหาตัวเองของตัวละครหลักและรองที่มีความหลากหลาย แม้จะไม่ได้มีอะไรใหม่ บทไม่ค่อยน่าสนใจ และยังเดินตามสูตรสำเร็จหนังเก่า ๆ แต่ประเด็นสังคมที่เล่า นักแสดงที่เล่น ดนตรีและโปรดักชั่นที่ดียังพอจะพยุงให้ซีรีส์ดูมีอะไรขึ้นบ้าง แต่จบทิ้งค้างรอซีซั่นหน้า ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีออกมาให้ดูอีกมั้ย
Overall
6.5/10User Review
( vote)Pros
- ดัดแปลงจากหนังสือนิยายขายดีมากในบราซิล
- เรื่องราว คอนเซปต์ย้อนเวลานั้น ดูได้เพลิน ๆ
- ประเด็นสังคมผ่านช่วงวัยรุ่น ความรัก มิตรภาพ ครอบครัวและตัวเอง
- ตัวละครน่าสนใจ นักแสดงเล่นได้ดี เป็นธรรมชาติ
- โปรดักชั่นและการถ่ายทำที่ดีในระดับอินเตอร์
- เพลงประกอบที่เพราะทุกเพลงในเรื่อง
Cons
- การเล่าเรื่องช่วงตอนที่ 3-4 ค่อนข้างเนือย ไม่ดึงดูดให้อยากติดตามต่อ ยกเว้นตอนสุดท้าย
- สูตรสำเร็จแบบหนังย้อนเวลาเก่า ๆ ที่พยายามฉีกกฏแต่ก็ไม่น่าสนใจพอ
- จบค้างคาและทิ้งปมไว้มากมายจนไม่รู้ว่าจะมีซีซั่นสองออกมามั้ย
Back to 15 (ย้อนวัยใส 15) ซีรีส์คอเมดี้ดราม่าที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมขายดีของประเทศบราซิลชื่อ De Volta aos Quinze หนึ่งในหนังสือซีรีส์ Meu primeiro blog Livro ของ Bruna Vieira โดยเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ที่นำเอานักแสดงหญิงจากประเทศบราซิลอย่าง มาอิซา ซิลวา จากหนังของเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Double Dad และ คลารา คัสตันโย เจ้าของบทสาวแว่นสุดขี้อายจาก Confessions of an Invisible Girl มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสุดแฟนตาซีเกินจะจินตนาการและพาย้อนวัยกลับไปตอนวัยเรียนปี 2000 ของหญิงคนนึงที่ย่างเข้า 30 แต่ชีวิตกลับไม่มีอะไรดีสักอย่าง ดันได้รับโอกาสในการย้อนเวลากลับไปในตอน 15 ได้ตลอดเวลา กลายเป็นเรื่องวุ่นป่วนหัวใจให้ขบคิดว่า ทำไมเธอถึงได้รับโอกาส และการแก้ไขอดีตจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเธอให้ดีจริงหรือ
ตัวอย่าง Back to 15 (ย้อนวัยใส 15)
เรื่องย่อ Back to 15 (ย้อนวัยใส 15)
อนิต้า หญิงวัย 30 ผู้มีชีวิตสุดจะอาภัพ ไม่มีอะไรเลย นอกจากแมว เมื่อเทียบกับพี่สาว ลุยซ่า ที่สมบูรณ์แบบและกำลังจะได้แต่งงานกับหนุ่มรูปหล่ออย่างดักลาส แต่แล้วเมื่อเธอกลับไปเปิดคอมเครื่องเก่าคร่ำครึในบ้านพร้อมเปิดเว็บเก็บรูป เธอกลับถูกส่งกลับมายังช่วงชีวิตตอนวัย 15 ในปี 2006 วันเรียนมัธยมวันแรกของเธอ แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่เธอก็ตัดสินใจจะแก้ไขความผิดพลาดในชีวิตของตัวเอง ทั้งการยืนหยัดต่อสู้กับสังคมชายเป็นใหญ่ การปกป้องลูกพี่ลูกน้องจากผู้ชายเฮงซวย การผลักดันให้พี่สาวได้ทำอะไรตามใจตัวเอง และยังตามหาหัวใจและความชอบที่สูญหายไป แต่ว่ายิ่งแก้เท่าไหร่ ชีวิตที่ดีก็กลับกลายเป็นวุ่นวายไปเรื่อย และดึงชีวิตคนรอบตัวให้เข้ามาพัวพันกับชีวิตเธอ ทั้งซีซาร์ เอนริโก้ คาโรล โจเอล รวมไปถึงพี่สาวของเธออีกด้วย เธอจะหาทางแก้ไขปัญหานี้ยังไง เหตุผลอะไรที่ทำให้เธอสามารถย้อนเวลาไปมาระหว่างอายุสามสิบกับสิบห้าได้ ความลับของจักรวาลที่ทำให้เกิดเรื่องสุดมหัศจรรย์จะเปิดเผยให้เห็นเส้นทางแห่งอนาคตที่ไม่มีใครคาดเดาปลายทางได้
รีวิว Back to 15 (ย้อนวัยใส 15)
การเล่าเรื่องของซีรีส์จะเป็นไปในทางเส้นตรง แต่ความเป็นเส้นตรงก็คือการย้อนกลับมาอดีตและต่อเนื่องทันที เรื่องจะเล่าไปถึงไหน เราก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไรต้องมาย้อนความมาก ด้วยความเป็นซีรีส์สั้น 6 ตอนจึงทำให้ได้เห็นประเด็นของเรื่องแบบพอดี ๆ จริงอยู่ที่ศูนย์กลางของเรื่องจะเป็นของตัวเอง แต่ซีรีส์ก็มีมุมมองของตัวละครอื่น ๆ มาช่วยสนับสนุนเรื่องราวมากกว่าจะเล่าแค่ฝั่งตัวเอกเพียงฝั่งเดียวเหมือนเรื่องอื่น ๆ มันเลยเป็นความดูได้เพลิน ๆ ไม่ได้หวือหวาหรือแฟนตาซีอะไรมาก เหมือนดูซีรีส์ย้อนเวลาผสมกลิ่นอายของอดีตยุค 2006 คอนเซปต์ก็มีแค่นั้น กฏของการย้อนเวลาก็แทบไม่ได้แตกต่าง แต่ความสนุกคือ เรื่องราวมันจะค่อย ๆ ทวีความพีคขึ้นเรื่อย ๆ ผนวกกับเรื่องราวของวัยรุ่นและความรักที่มีเส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างความถูกต้องและความสมบูรณ์แบบ และอาจจะมีเหตุผลที่ไม่ต้องหลักความเป็นจริง แต่มันค่อนข้างจะมีช่วงหลัง ๆ ที่ค่อนข้างเนือยจนไม่อยากดูต่อ กระทั่งผ่านมาได้ถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างเหมือนจะถูกคลี่คลายและกำลังจะลงเอยด้วยดี ซีรีส์ก็เลือกที่จะใจร้าย จบทิ้งค้างเติ่งไว้ด้วยความตั้งใจ และทำให้เรารู้สึกว่า มันจะจบลงอย่างไร ในเมื่อทิ้งปมไว้พอสมควร จนถึงขนาดถ้าไม่ทำต่อก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว เพราะนิยายยังมีสองเล่มเลย ถ้าเกิดไม่ทำตามหนังสือ ยังไงก็ต้องมีซีซั่นสอง แต่ไม่รู้จะได้ทำต่อหรือไม่เหมือนกัน
ตัวละครหลักจะค่อนข้างมีความน่าสนใจและมีปมเป็นของตัวเองที่จะค่อย ๆ เผยเมื่อเวลาเรื่องผ่านไป อนิต้าคือหญิงที่มั่นใจ พูดตรง พูดเก่ง แต่กลับไม่กล้าทำอะไรจนกระทั่งล่วงเลยมาถึง 30 พอได้ย้อนกลับมาอดีต เธอก็ได้ใช้ความรู้ในอนาคตแก้ไขเรื่องในอนาคต จนทำให้เธอได้เรียนรู้ และค้นหาสิ่งที่ตัวเองรัก ตัวละครนี้คนดูจะต้องรู้สึกชอบและเอาใจช่วย แต่ในขณะเดียวกันก็รำคาญกับความเจ้ากี้เจ้าการ ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องชาวบ้านจนตัวเองเดือดร้อน แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ควรทำแต่ก็ควรมีขอบเขต แต่เพราะความที่เธออยากเปลี่ยนแปลงจนลืมผลที่ตามมา เอนริโก้ หนุ่มผิวดำเพื่อนสนิทที่มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีและแอบชอบอนิต้า คอยสนับสนุนอนิต้าตลอด คาโรล เด็กสาวผู้มีความฝันจะเป็นนักกีฬาและเชื่อว่าการมีแฟนจะทำให้ตัวเองรู้สึกมีความหมายขึ้นมา ซีซาร์ เกย์หนุ่มที่ไม่มั่นใจในตัวเองเพราะโดนพี่ชายที่ขาดความอบอุ่นคอยกดดันและเหยียดหยาม แถมยังตกหลุมรักเพื่อนสนิทที่ก็ไม่รู้ว่ารสนิยมเดียวกันหรือเปล่า โจเอล ชายหนุ่มสุดจางที่เข้ามาพัวพันกับความลับและความรักกับอนิต้า ลุยซ่า ตัวแทนของผู้หญิงที่ถูกคาดหวังจากครอบครัวจนชีวิตไม่เป็นของตัวเอง จนการตัดสินใจของเธอเปลี่ยนแปลงอนาคตไปตลอดกาล ทุกตัวละครมีเส้นเรื่องที่ร้อยเรียงและมีผลกระทบต่อกันไปมาและทำให้เรื่องราวมีความเข้มข้น
ประเด็นของเรื่องสำคัญมากมายในการสะท้อนสังคมกับตัวเรา จงอย่ามัวรอที่จะเป็นตัวเอง อย่ากลัวที่จะเผชิญ ต้องกล้าที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ก็อย่าเป็นคนพูดตรงจนทำร้ายจิตใจคนอื่นเหมือนตัวละครที่สร้างบาดแผลให้คนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ ถ้ามีอะไรก็ต้องรู้จักเปิดเผย ไม่ใช่ปิดบังหรือโกหกให้เรื่องมันยิ่งบานปลาย ซีรีส์ยังสอนเรื่องการบอกให้ผู้หญิงสามารถเป็นตัวเองมากกว่าจะแบกรับความคาดหวังจากใคร เพราะไม่มีใครมายินดีมากเท่ากับตัวเอง สะท้อนความเป็นชายเป็นพิษของตัวละครผู้ชายวัยรุ่นทั้งหลายแหล่ที่ทั้งคุกคามผู้หญิง มีความคิดอคติกับคนทุกเพศ แม้แต่กับเกย์ที่กล้ากดหัว ไม่ให้เขากล้าเป็นตัวเอง ไม่กล้าให้ค้นหาตัวเอง ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบตัวมากพอ เขาอาจจะไม่มีที่ยืนในสังคม นอกจากนี้การเป็นวัยรุ่นไม่จำเป็นต้องซีเรียสจริงจังอะไรมาก ครอบครัวอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่การได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองมีความสุข ยอมรับและโอบรับกับปัญหา ไม่วิ่งหนี ไม่ยอมแพ้ สุดท้ายแล้วปัญหาเก่าจะผ่านไป และปัญหาใหม่เราก็จะจัดการได้อย่างราบรื่น อย่ารอให้เวลาผ่านไป อยากทำอะไรให้รีบทำ จะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง
ในส่วนของโปรดักชั่นที่ดีคืองานภาพที่ทำออกมาได้แตกต่างระหว่างปัจจุบันกับอดีตที่ทำให้นึกถึงสมัย 2006 มุมกล้องที่มีความเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ ไม่ได้มีความแปลกแตกต่าง เป็นไปตามมาตรฐานของงานซีรีส์ที่ไม่ได้มาจากอเมริกาหรืออังกฤษ การแสดงของนักแสดงที่เป็นธรรมชาติ ใช้ได้ แต่ไม่ค่อยมีอะไรพูดถึงมากเท่าไหร่อย่าง คามิลา เครอซ ที่ต้องรับบทสาวสามสิบที่ชีวิตพลิกไปมาอย่างสุดขั้วที่บทไม่ค่อยเอื้อให้แสดงมากเท่าไหร่ แม้จะแสดงดีมากก็ตาม เพราะบทไปลงกับวัยสาวของเธอที่แสดงโดย มาอิซา ซิลวา ที่แสดงเป็นคนที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างวัย 30 และ 15 ได้อย่างดีเยี่ยม ในขณะที่คนอื่นอาจจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากมาย แม้แต่กับ คลารา คัสตันโย ที่บทเธอมีดีในช่วงแรก ๆ หลังจากนั้นก็จางหายไปเลย ทั้งที่บทของเธอ เป็นตัวละครที่น่าสนใจมากกว่านี้ ในขณะที่ อันโตนิโอ คาร์ฮารา และ คาโย คาบรัล ที่มาในบทผู้ชายในวงล้อมก็ดูมีเสน่ห์ต่างกันคนละแบบจนทำเราแทบเลือกไม่ได้ว่าใครที่ควรลงเอย อาจ ด้วยบทมันไม่ค่อยมีอะไรให้วิจารณ์การแสดงอยู่แล้ว ก็เลยค่อนข้างจะธรรมดาไปหน่อย เมื่อเทียบกับเพลงประกอบของซีรีส์และดนตรีประกอบถือว่าเพราะและดีเอามาก ๆ
สรุป Back to 15 (ย้อนวัยใส 15) สนุกและดีไหม
เป็นซีรีส์ที่ดูได้เพลิน ๆ ไม่ได้สนุกอะไรมากนัก ดีในแง่ของเนื้อหาที่สะท้อนสังคมประเทศบราซิลแบบไม่ต้องพยายามแรง ทั้งเรื่องครอบครัว ความสัมพันธ์ ความรัก มิตรภาพ การค้นหาตัวเอง และการยอมรับในตัวเอง ใช้ประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ หยอดเข้ามาให้พอดีกับเรื่องราว ดูแล้วทุกคนน่าจะอยากทำดีกับคนรอบตัวให้มาก ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็น่าจะรักตัวเองมากขึ้นเช่นเดียวกัน เป็นซีรีส์จากประเทศนอกกระแสไทยเราอย่างบราซิลที่ทำออกมาดีใช้ได้ นักแสดงก็เล่นได้เป็นธรรมชาติและดูน่าสนใจ แม้ว่าซีรีส์จะค่อนข้างเอื่อยและเรื่อย ๆ ไม่ค่อยมีอะไรให้ดึงดูดในตัวบทเท่าไหร่แม้จะมีแค่ 6 ตอนสั้น ๆ จนกระทั่งช่วงท้ายที่มีจุดหักมุมชวนเหวอ แต่มันก็ยังเป็นสูตรสำเร็จของหนังย้อนเวลาที่สร้างจากหนังสือ ถ้าดูแนวนี้มาเยอะก็คงไม่ได้ว้าวกับมัน แต่ถ้าเกิดเบื่อ ๆ มีอะไรว่าง ๆ อยากดูอะไรวัยใสวัยทีนแล้วอยากลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองก็ขอแนะนำครับ
SS2 มีต่อไหม มาเมื่อไหร่?
ตอนนี้ทาง Netflix ยังไม่ได้ประกาศอะไรออกมาครับ อาจเพราะเป็นซีรีส์ของฝั่งประเทศบราซิล แต่ควรจะมีซีซั่นต่อ เพราะซีซั่นแรกจบไปแบบค้างคา ถ้าไม่มีต่อก็คงค้างคาใจพอสมควรเลย
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์