playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Encanto อนิเมชั่นดิสนีย์สีสดใส เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี (ไม่สปอยล์)

สรุป

อนิเมชั่นจากดิสนีย์ที่ยังรักษามาตรฐานความเป็นค่ายแห่งอนิเมชั่นทำเงิน เพลงประกอบที่เพราะแม้จะแปลออกมาแปลก ๆ อารมณ์ที่ครบไปทุกรส และความสนุกที่มีพร้อมประเด็นของเรื่องครอบครัวและตัวตน ความเป็นบ้านและการอพยพ แต่ก็มีบาดแผลใหญ่ในด้านความเป็นสูตรสำเร็จและความง่ายดายของการแก้ปมของบท การกระจายบทที่ไม่เท่าเทียมของตัวละครที่ไม่ค่อยจำเป็นกับเรื่องราว

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
1.5 (2 votes)

Pros

  • งานภาพสีสันสดใสและมีคุณภาพของดิสนีย์
  • ตัวละครหลักมากมายที่ทุกคนสามารถชอบได้
  • อารมณ์ครบไปทั้งสนุก เศร้า และซึ้ง
  • ประเด็นที่เรียบง่าย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย
  • เพลงประกอบที่แสนไพเราะและโชว์วัฒนธรรมละติน
  • การขยี้อารมณ์ที่สามารถเรียกน้ำตาได้
  • พากย์ไทยดีงาม

Cons

  • บทค่อนข้างง่ายดาย สูตรสำเร็จที่ไม่เคยเปลี่ยนไป
  • การกระจายบทของตัวละครที่ไม่ค่อยดีนัก
  • ใครไม่ชอบแนวมิวสิคัลอาจจะเบื่อ เพราะร้องเพลงถี่มาก
  • การแปลไทยของเพลงประกอบที่ฟังแทบไม่เข้าใจ

Encanto (เมืองเวทมนตร์ คนมหัศจรรย์) ภาพยนตร์แอนิเมชันแนวมิวสิคัลตลกแฟนตาซีสัญชาติอเมริกัน ผลิตโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์และวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์ จัดจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์โมชันพิกเชอส์ โดยเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 60 ที่สร้างโดยสตูดิโอนี้ กำกับโดย Byron Howard and Jared Bush พร้อม Charise Castro Smith ร่วมกำกับ และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย หลิน มานวยล์ มิแรนด้าที่กวาดผลงานจอเงินมาแทบจะทุกไตรมาสของปีนี้ ตั้งแต่ มิวสิคัลทุนสูงอย่าง In The Heights อนิเมชั่นหมีน้ำผึ้งโซนี่ในเน็ตฟลิกซ์อย่าง VIVO และผลงานกำกับเรื่องแรกที่ได้คำชมอย่างล้นหลามใน Tick, Tick… Boom! มาคราวนี้เขาจะมารังสรรค์ผลงานมนต์เพลงละตินสุดตื่นเต้นและงานภาพสุดตระการตาผ่านเรื่องราวของ มิราเบล เด็กหญิงคนเดียวในครอบครัวมาดิกัลแห่งบ้านปาฏิหารย์ ผู้ไร้พลังเวทมนตร์เมื่อเทียบกับคนอื่น และถูกมองข้ามจากครอบครัวอยู่เสมอ กระทั่งภัยร้ายที่ซุกซ่อนได้คืบคลานสู่พวกเขา โดยได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกในทุกเว็บนักวิจารณ์ในขณะนี้ 

ADBRO

 Encanto (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Encanto 

รีวิว Encanto 

ขอต้อนรับสู่ เมืองเวทมนตร์ คนมหัศจรรย์ ในดินแดนอันลึกลับของประเทศโคลัมเบียที่ซึ่งครอบครัวมาดิกัลทุกคนได้รับพลังจากเทียนวิเศษแห่งปาฏิหารย์ที่จะมอบพลังให้กับคนในครอบครัวจากรุ่นลูกสู่รุ่นหลาน ยกเว้นเพียงมิราเบล เด็กหญิงผู้มั่นใจและไม่เคยหวั่นไหวแม้ตัวเองจะถูกมองข้ามจากคนในครอบครัว รวมถึงคุณยายผู้กุมความลับของความพิเศษของบ้านหลังนี้ไว้ ให้ครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวตลอดมา กระทั่งวันแห่งการรับพลังของญาติเสมือนน้องชายเธอ อันโตนิโอ้ ได้ทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงบางอย่างที่อาจทำลายบ้านและครอบครัวที่เธอรัก ท่ามกลางสายตาของคนในครอบครัวที่มองว่าเธอเพี้ยน มิราเบลยึดมั่นที่จะค้นหาคำตอบผ่านความลับอันดำมืดที่ครอบครัวเก็บซ่อน แต่ยิ่งเธอเข้าใกล้ความลับนั้นมากเท่าไหร่ บ้านแห่งนี้ก็ทรุดตัวลงและใกล้วันที่จะพังทลาย ซึ่งต้นตอนั้นอาจจะมาจากตัวเธอเองด้วยซ้ำ มิราเบลจะทำอย่างไร เธอจะสามารถรักษาบ้านหลังนี้แม้ไม่ใช่คนวิเศษเหมือนใคร ๆ ได้หรือไม่

เรื่องราวการนำเสนอวัฒนธรรมของโคลัมเบียที่มาพร้อมกับสไตล์ละครมิวสิคัลคอยเล่าเรื่องหรือเฉลยปมของตัวละครสอดแทรกแบบ Frozen 2 แต่ไม่ได้ใช้สเกลของเรื่องอะไรมากมายและไม่ต้องการตัวละครหลักผู้ชายมาคู่กับตัวละครหลักหญิง ถ้าใครดูอนิเมชั่นดิสนีย์มาเยอะ คุณไม่ต้องคิดอะไรมากเลยกับเรื่องนี้ เพราะดิสนีย์มีสูตรสำเร็จยังไง มันก็เป็นยังงั้น ตัวละครแบบไม่พิเศษ ใส่แว่นหนาเตอะ แต่ต้องทำอะไรโดดเด่น ๆ และช่วยเหลือคนอื่น ๆ อาจเพราะมันเป็นอนิเมชั่นที่เหมาะกับการขายครอบครัวในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าที่อเมริกา หนังจึงค่อนข้างเน้นความสดใสและตัวละครที่มีจุดเด่นยิบย่อย และการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างง่าย และกล้าพูดได้เลยว่า เอางี้เลยเหรอ ทำไมจบปมหลักก็จบเอาง่าย ๆ ทั้งที่บางอย่างนั้นสามารถเล่าขยายให้รู้สึกหนักแน่นได้มากกว่านี้ รู้สึกว่าดิสนีย์เดี๋ยวนี้จะเน้นเล่าตัวละครหลักเป็นสำคัญและให้ตัวละครอื่นไม่เป็นรองก็ขโมยซีน ซึ่งก็ยอมรับว่ามันได้ผล แต่มันไม่ได้ช่วยส่งเสริมเส้นเรื่องหลักหมดทุกตัว คุณดูจบคุณอาจจะอิ่มเอมแต่ก็คงลืม ๆ ไปได้ แม้จะมีบางช่วงที่หม่นหมองและอารมณ์ที่ค่อนข้างเศร้า หนังสามารถขยี้ให้เราอินและร้องไห้ตามได้ เพราะดิสนีย์มีไม้เด็ดของตัวเองคือการเล่าเรื่องที่แม้จะใช้สูตรเดิม แต่ก็จะมีรายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างและน่าสนใจอยู่เสมอ เชื่อว่าถ้ามองข้ามความเป็นสูตรสำเร็จ มันก็ยังเป็นหนังที่ดูสนุกและเพลิดเพลินไปกับมันได้จนจบอยู่ดี แม้จะมีบางช่วงที่ใครไม่ชอบแนวเอะอะร้องเพลงอาจจะเบื่อได้

ในส่วนของตัวละครนั้นก็มีการกระจายบทที่ค่อนข้างไม่สมดุล มีแค่ตัวหลักไม่กี่ตัว มิราเบลคือตัวแทนของผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนลูกคนสุดท้องที่พยายามมีส่วนร่วมกับครอบครัวแต่กลับโดนครอบครัวนั้นผลักไสโดยที่เธอต้องแบกรับความรู้สึกในด้านลบ คาร์แร็คเตอร์ของเธอก็น่าจะเป็นชื่นชอบเพราะด้วยบุคลิกที่เข้าถึงง่าย มีความตลกและน่ารักสดใส และเป็นเหมือนตัวละครหลักแบบสูตรสำเร็จพาเราไปสำรวจเรื่องราวความทุกข์ระทมได้อย่างขมขื่นและน่าเห็นใจ แต่นอกนั้นก็ค่อนข้างจะเฉย ๆ ในขณะที่ บรูโน่ ตัวละครตัวแทนของคนที่รักครอบครัวมากจนยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องคนในครอบครัวแม้จะถูกมองว่าเป็นคนนำความโชคร้ายมาสู่ครอบครัว แต่เขาก็ยังคอยดูแลและมองดูครอบครัวอยู่ห่าง ๆ แม้บทจะไม่ได้มีอะไรมากนัก แต่ก็ยังน่าสนใจตรงที่เขามีอารมณ์ที่หลากหลาย อาบูเอล่า คุณยายของมิราเบลที่ภาพลักษณ์ดูเป็นผู้นำของครอบครัวและห่วงใยครอบครัว แต่เธอก็เมินเฉยและมองข้ามมิราเบลเสมอมา เพียงเพราะเธอไม่มีพลังวิเศษ ตัวละครนี้นน่าจะเป็นตัวละครที่อาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่ชอบ กระทั่งการเฉลยเหตุผลและปมที่แม้จะธรรมดา แต่ก็เรียกน้ำตาได้พอสมควร นอกนั้นตัวละครเหมือนกะจะขายคาร์แร็คเตอร์หลากหลายไม่ซ้ำใครแต่ใช้ไม่คุ้ม ทั้งลุยซ่า หญิงแกร่งทรงพลังที่มีความอ่อนไหว อิซาเบลล่า หญิงสาวผู้เบ่งบานสะพรั่งดั่งดอกไม้ที่แท้จริงเธอก็อยากจะสนุกกับชีวิตมากกว่าทำตามครอบครัวและไม่ถูกกับมิราเบล เปป้า น้าสาวของมิราเบลที่สามารถใช้อารมณ์ควบคุมสภาพอากาศ โดโรเรสผู้สามารถได้ยินเสียงที่ห่างไกลแม้เพียงเข็มตก ที่สองคนหลัง ๆ นี่เหมือนมาเพื่อเป็นตัวตลกมากกว่าขับเคลื่อนพล็อต เช่นเดียวกับตัวละครที่ไม่ได้กล่าวถึงก็มาเพื่อสร้างเสียงหัวเราะแต่ไม่ได้ช่วยให้เรื่องนั้นน่าสนใจและเดินหน้ามากเท่าที่ควร

ประเด็นของเรื่องหลัก ๆ แล้ว คือเรื่องของความเป็นบ้านและครอบครัวที่ไม่สำคัญว่าจะพิเศษแค่ไหน แต่การที่ได้อยู่ร่วมกันนั้นคือความพิเศษที่สุดมากกว่าบ้านที่เราอาศัย จะมีเวทมนตร์หรือไม่มีไม่ใช่สิ่งสำคัญ ในบางครั้งการที่เราพยายามจะรักษาครอบครัวด้วยการปิดบังความจริงและกีดกันคนอื่นออกไปนั้น มันก็คือการทำลายครอบครัวเหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่ความจริงหลุดออกมา มันจะยิ่งทำให้ครอบครัวนั้นมีรอยร้าวมากกว่าที่มันควรจะเป็น หรือแม้แต่การที่เราไม่เหมือนคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าเรานั้นไม่ได้พิเศษ เราแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและใช้ความสามารถตัวเองให้เป็นประโยชน์ที่สุดกับครอบครัว และยอมรับความเจ็บปวดและความเป็นพิษต่อใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและกล้าระบายมันออกมามากกว่าจะเก็บมันเอาไว้ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ครอบครัวก็เช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือเรารักกันหรือไม่ น่าสนใจคือประเด็นการอพยพที่หนังใส่มาด้วยความโหดร้ายของการล่าอาณานิคมที่ผลักดันให้ผู้คนต้องหนีออกมาจากบ้านที่พวกเขาอยู่ และต้องสูญเสียอะไรมากมายกว่าจะสามารถสร้างตัวตน และบางครั้งมันก็เปลี่ยนแปลงสิ่งดี ๆ ที่มันเคยมีอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องไม่ลืมเหตุผลในการมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งที่ดีกว่า

พูดถึงดิสนีย์ก็ต้องพูดถึงอนิเมชั่น ซึ่งสวยขึ้นทุกเรื่องที่ทำมา และเรื่องนี้พ่วงมาด้วยสีสันของเรื่องที่ให้อารมณ์สดใสและการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติของตัวละคร ในขณะที่มุมกล้องจะมีความเป็นมิวสิคัลให้ตัวละครออกมาร้องเพลงมีแสงสีเล่นใหญ่อลังการแบบตัวละครมามุงร่วมกันร้องเพลง และมีฉากประกอบสลับกับมุมกล้องแบบภาพยนตร์อนิเมชั่นดิสนีย์ที่คุ้นเคยอย่างการโฟกัสที่ตัวละคร หรือ ทัศนียภาพที่เห็นแล้วสวยสดงดงาม ในขณะที่เพลงประกอบผมมีความรู้สึกว่ามันแปลเนื้อไทยออกมาค่อนข้างจะฟังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ ยอมรับว่าพากย์ไทยดีจริง แต่เพลงประกอบอื่น ๆ ที่แสนไพเราะ กลับไม่ใช่เพลงที่ร้องแปลไทย กลับเป็นเพลงต้นฉบับที่ได้อารมณ์อินกว่า และบางเพลงก็แอบรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะซ้ำซากและฟังยากด้วย อาจเป็นเพราะมันได้คนแต่งเพลงจากละครเวทีผสมผสานกับดนตรีแนวละตินทำให้จังหวะทำนองมันค่อนข้างแปลกไปจากเพลงที่ดิสนีย์ทำมา บางครั้งก็ขึ้นร้องท่อนแปลก ๆ บางครั้งจังหวะก็ไม่ตรง แต่ถ้าฟังผ่าน ๆ เราก็พอจะสนุกไปกับมันได้ แต่พอแปลแบบนี้ทำให้มีปัญหาในการติดตามตัวละคร ซึ่่งเป็นผลให้ตัวละครบางตัวเป็นได้แค่ตัวตลกมากกว่าจะขับเคลื่อนเรื่องราวแทน ทั้งที่ถ้าแปลดีกว่านี้น่าจะเข้าใจตัวละครสำคัญมากขึ้น

Encanto ถือเป็นอนิเมชั่นฉลองครบรอบเรื่องที่ 60 ที่ดูสนุกแต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ สูตรสำเร็จที่ได้ผลทั้งความตลกและอบอุ่น งานภาพที่สวยสดและงดงาม ประเด็นของครอบครัวที่ใกล้ตัวมาช่วยทำให้รายละเอียดเรื่องราวมีมากกว่าดิสนีย์เรื่องก่อน แม้ว่าเพลงประกอบจะสนุกแต่กลับแปลไทยได้แทบฟังไม่รู้เรื่อง บทของตัวละครที่ไม่ค่อยสำคัญอย่างเท่าเทียม แต่ก็สามารถใช้วัฒนธรรมละตินแบบผ่าน ๆ ให้เราเห็นวิถีชีวิตหรือสังคมของคนโคลัมเบียได้บ้าง คล้ายกับเรื่องก่อน ๆ  แต่ก็เป็นอนิเมชั่นดี ๆ ที่สามารถเข้าโรงไปดูได้โดยไม่เสียตังค์ แต่อาจจะเสียน้ำตา แต่ถ้าคาดหวังอะไรมากกว่าความแปลกใหม่ มันคงให้คุณไม่ได้ เพราะมันคือภาพยนตร์ของครอบครัวที่เหมาะสำหรับการรับชมในวันหยุด ที่ดูแล้วอาจจะรักครอบครัวและห่วงใยกันและกันมากขึ้นอย่างแน่นอนครับ

วันนี้ ในโรงภาพยนตร์

ปีหน้า ทาง ดิสนีย์พลัส

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!