รีวิว Fate: The Winx Saga เน็ตฟลิกซ์บิดอนิเมะสีสดใสเป็นซีรีส์แสนดำมืด (ไม่สปอยล์)
Fate: The Winx Saga
สรุป
ซีรีส์ม้ามืดที่กล้าบิดอนิเมชั่นให้เป็นซีรีส์วัยรุ่นในแบบของตัวเอง ทั้งสนุกและดูเพลินใน 6 ตอน
Overall
7.5/10User Review
( votes)Pros
- นักแสดงมีเสน่ห์ทำหน้าที่ได้ดี มีความหลากหลาย
- กล้าบิดเรื่องราวจากเดิมให้เป็นในแบบของตัวเอง
- ปมของเรื่องชวนให้ติดตาม ความลับที่พลิกล็อกไปมา
- เพลงประกอบเข้ากับฉากนั้น ๆ
- งานสเปเชี่ยลเอฟเฟกต์ที่ทำออกมาได้สวยมาก
- ประเด็นต่าง ๆ ที่สอดแทรกเข้ามามากมาย
Cons
- บทพูดแปร่งไปนิด มีช่วงที่อืดในบางช่วง
- งานสร้างกับคอสตูมธรรมดาไป วนอยู่ไม่กี่อย่างเอง
- เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรพีคมาก
Fate The Winx Saga หรือ เฟต: เดอะ วิงซ์ ซาก้า ซีรีส์แนววัยรุ่น แฟนตาซี-ลึกลับ ดัดแปลงจากแฟรนไชน์อนิเมชั่นของค่าย นิคคาโลเดียนเรื่อง Winx Club วิงซ์คลับ ที่สร้างขึ้นโดย Iinio Straffi ภายใต้บริษัทอนิเมชั่น Rainbow S.p.A. ร่วมกับ ViacomCBS Inc. หรือค่ายแม่ของ พาราเมาต์ พิคเจอร์ โดยเขาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการผลิต และฝากฝังให้ Brian Young รับหน้าที่เป็นผู้นำในการสร้างซีรีส์ นำแสดงโดย อาบิเกล โคเวน,แฮนนาห์ แวน เดอร์ เวสธายเซน,เพรเชียส มุสตาฟา
นี่ถือเป็นซีรีส์ออริจินัลของเน็ตฟลิกซ์ที่มีกลุ่มเป้าหมายคือวัยรุ่นไปจนถึงผู้ใหญ่ โดยการบิดเรื่องราวต้นฉบับที่สดใสและฟรุ้งฟริ้ง แต่มีกลิ่นอายของความมืดมิด ให้เป็นโทนดาร์ก สมจริง และจริงจังเหมือนกับที่เน็ตฟลิกซ์เคยทำสำเร็จไปแล้วใน RIVERDALE ที่หยิบนำหนังสือการ์ตูนในเครือ Archies มาดัดแปลงให้เป็นเรื่องเป็นจักรวาลได้ จากซีรีส์การ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงที่เป็นที่นิยมทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง Winx Club จะถูกมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ความยาว 6 ตอนที่แฝงไปด้วยโทนเรื่องที่มืดหม่นแต่ก็ยังมีเรื่องของพลังธาตุและเหล่าแฟร์รี่ผู้ใช้พลังในการปราบเหล่าร้าย
เพียงแต่ในครั้งนี้เน็ตฟลิกซ์กล้าที่จะดัดแปลงบางส่วนที่ทำให้แฟนคลับหลายคนถึงกับหน้าบูด ไม่ว่าจะเป็นการตัดตัวละครฟลอร่า ที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของอนิเมะ ให้กลายเป็นเทอร่า สาวร่างใหญ่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธออีกที เปลี่ยน มูซ่า สาวเอเชี่ยนผมสีน้ำเงินให้กลายเป็นสาวอังกฤษไปแทน ไหนจะรวบตัวละครแก๊งตัวร้ายอย่าง The Trix ให้เป็น บีเอทริก สาวแสบไปโดยปริยายะ ตัดตัวละคร เทคน่า ออกไปอีก เรื่องของคอสตูมกับเรื่องย่อที่แค่ปล่อยออกมาก็ทำเอาทุกคนกรีดร้อง ว่าตกลงมันใช่ Winx Club จริงเหรอ (ไม่แปลกใจว่าทำไมใช้ชื่อใหม่ไม่เหลือเค้าวิงซ์คลับ)
ผมในฐานะที่ดูผ่าน ๆ มา ก็รู้สึกเหมือนกันว่านี่มันแค่หยิบเอาตัวละครแล้วบิดเรื่องให้ไม่เหลือเค้าของโลกคู่ขนานสีสันสดใสเลย มันเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก เพราะงั้นซีรีส์ก็จำเป็นที่จะต้องไม่เหมือนกับการ์ตูน และดาราที่รู้จักก็มีแค่อบิเกล โคเวน ที่เคยเล่นบทตัวละครหลักอย่าง โดคัส กลุ่มพี่น้องพิลึก ในเรื่องซาบริน่า สาวน้อยต้องสาป ทั้ง 4 พาร์ท ที่กระโจนเข้ารับบท บลูม ตัวละครหลักของเรื่อง นักแสดงที่เหลือผมไม่รู้จักใครเลย แถมพอตัวอย่างออกมาคนก็ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์กับการบิดเรื่องในครั้งนี้ ในที่สุดมันก็ฉายในเน็ตฟลิกซ์ ด้วยความยาวตอนละ 1 ชั่วโมง ผลออกมาจะเป็นยังไง การบิดเรื่องอีกครั้งของเน็ตฟลิกซ์ในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น มาฟังเรื่องย่อกันก่อนเลยครับ
“บลูม หญิงสาวอายุสิบหกปี ที่มีปัญหาสังคม รักสันโดษ จนถูกส่งตัวมาอยู่โลกคู่ขนานที่สถาบันอัลเฟีย สถาบันที่รวบรวมเหล่าแฟร์รี่และสเปเชี่ยลลิสต์เพื่อฝึกฝนในการใช้พลังธาตุที่ทรงพลัง รวมทั้งพิทักษ์โรงเรียนจากภัยที่อยู่ภายนอก เธอได้พบกับ สเตล่า สาวแซ่บผู้ทำตัวเป็นที่เกลียดของทุกคน มิวซ่า สาวอังกฤษผมน้ำเงินที่ชอบอยู่กับตัวเอง เทอร์ร่า สาวอ้วนผู้รักในต้นไม้และความสนุก ไออิชา สาวผิวสีที่มีความสามารถพิเศษ พวกเธอเหล่านี้มาจากต่างถิ่น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทว่า เมื่อภัยร้ายเริ่มคืบคลานเข้าสู่สถาบันอัลเฟีย พวกเขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อใจและปลดปล่อยพลังที่ซ่อนอยู่ให้ได้ ก่อนที่ภัยร้ายจะคร่าชีวิตทุกคนในโรงเรียน”
เรียบง่าย ชวนให้ติดตาม
ไม่ต้องปูเรื่องอะไรมากครับ แค่ตอนแรกก็เดินเรื่องทันทีแล้วค่อยมาเล่าปมทีหลัง แค่ยี่สิบนาทีตัวละครต่าง ๆ ที่สำคัญ ก็มาให้เราได้รู้จักถึงบุคลิก นิสัยใจคออย่างรวดเร็ว ไม่มีอืดอาดยืดยาด ไม่ออกนอกทะเล เล่าเรื่องเร็ว ปล่อยประเด็นไปแบบเรื่อย ๆ แต่ค่อย ๆ ทิ้งเชื้อความน่าสนใจไว้แต่ละตอน แต่หลังจากนั้นมันจะหักมุมใส่คนดู เล่าเฉลยว่าเป็นแบบนี้ สรุปเป็นอีกแบบ และยังมีเรื่องของความรัก มิตรภาพและพลังธาตุที่ปูมาเป็นระยะ ๆ ควบคู่กับปมปัญหาของตัวละครที่ใส่เข้ามาอย่างพอดิบพอดี ผสมกับฉากต่อสู้ที่ชวนให้ลุ้นระทึกในแต่ละตอน
ตัวละครทุกตัวก็ไม่ถูกทิ้งมีบทเด่นโชว์พลังเป็นของตัวเองในทุกตอน จบตอนนึงแล้วต้องเปิดดูตอนต่อไป อารมณ์ก็ต่อเนื่องมีทั้งสุข เศร้า เหงา โกรธ และตะลึง โชคดีที่ซีรีส์มีเพียง 6 ตอน แต่มันกลับสร้างความน่าสนใจภายใต้ความไม่หวือหวา เหมือนพยายามให้เราได้เห็นไปกับตัวละคร ก่อนจะพลิกล็อคให้หงายหลังกันเล่น ซึ่งผมว่ามันเวิร์คใช้ได้มาก เพราะแค่ดูตอนแรกจบ ผมก็รู้สึกว่านี่มันไม่ธรรมดาจริง ๆ กลายเป็นว่าพอไม่คาดหวังแล้วมันกลับเกินคาด
เสน่ห์ที่แสนจะซับซ้อน
สิ่งที่บอกเลยว่าเป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้คือ เรื่องของความลับ ทุกตัวละครในเรื่องล้วนมีความลับและความอึดอัดในใจที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ ต่างฝ่ายเข้าหากันด้วยความพยายามที่จะรู้จักอีกฝ่าย ซึ่งส่งผลที่ต่างไป ทั้งกลายเป็นความรัก ความสัมพันธ์ ความเกลียดชัง เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เรียนรู้ที่จะเปิดใจ ช่วยเหลือกัน ที่ผมชอบเลยคือ ผมไม่ต้องมาเห็นการพยายามสร้างตัวละครจนดูดีเกินไป ตัวละครทุกตัวล้วนมีความผิดพลาด ทั้งชายและหญิง ทั้งผู้ใหญ่และวัยรุ่น ต่างฝ่ายต่างทำสิ่งที่เชื่อต่างกันไป
เคมีของตัวละครนั้นถือว่าเข้ากันได้ดีมาก และล้วนมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ในจะประเด็นเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ สตรีนิยม เฟมินิสต์ การต่อสู้ทางความคิดระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก ความเชื่อที่สามารถบิดเบือนได้ตามสิ่งที่ได้ฟังหรือได้เห็น อยู่ที่การเปิดรับของคนคนนั้นมากกว่า ความเจ็บปวดของการที่ต้องแบกรับและยอมรับในตัวเองจากความผิดพลาด ความรักที่เกิดจากความไม่เชื่อใจและการวนเวียนอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถลบเลือนได้
อาจมีบ้างที่การแสดงออกดูตะกุกตะกัก ตอนที่เห็นตัวอย่างผมกังวลมากว่าตัวละครที่ถูกดัดแปลงจะไปคนละทิศคนละทาง แต่พอได้ชมจริง มันกลับทำออกมาได้อย่างลื่นไหล และสุดท้ายมันก็ทำให้เรื่องราวสนุกมากอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าคนที่ไม่เคยดูซีรีส์การ์ตูน คุณก็อาจจะสนุกไปกับเรื่องราวของมันได้ มันก็ไม่ได้ดีเวอร์วังหรอก เรียกว่าเกินคาดดีกว่า ส่วนแฟนการ์ตูนที่เคยดู ถ้าลองเปิดใจก็จะเห็นมุมมองใหม่ ๆ โทนเรื่องที่ส่งเสริมความสมจริง ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ทำได้สำเร็จ และสนุกมาก ๆ
ความหลากหลายทางอารมณ์
พลังธาตุอาจไม่ได้ถูกชูในแง่ของความสวยงาม แต่กลับใช้ในแง่ของความสมจริง พลังดิน น้ำ ลม ไฟ สายรุ้ง หรือแม้แต่พลังที่เหนือกว่า ให้ความรู้สึกติดดิน และเห็นความเป็นไปได้ ยิ่งตอนที่ใช้พลังนั้นถือว่าจัดเต็มแสงสีอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่การใช้พลังนั้นมาจากการใช้อารมณ์ความรู้สึกที่หนักแน่น ทั้งยังผ่านชุดแคสนักแสดงของเรื่องที่มีหลากหลาย เน็ตฟลิกซ์ก็สามารถทำออกมาได้อย่างไม่รู้สึกประดักประเดิกเหมือนเรื่องอื่น ๆ ที่เคยมีประเด็นดราม่ามากมาย เพราะมันก็คือการตีความใหม่ให้สมจริง ไม่ทับไลน์กับการ์ตูนที่ผู้สร้างตั้งใจ และสื่อถึงปัญหาที่วัยรุ่นต้องพบเจอการเก็บกดกับปัญหาไว้ได้อย่างดี
หากถามว่าสิ่งที่ขัดใจ คือ บทพูดที่ดูเหนือจริง และ คอสตูมที่เหมือนมีไม่กี่ชุด แถมยังไม่มีเสน่ห์เลยกับนักแสดง ต้องขอบคุณการแสดงที่ทุกคนแสดงออกมาได้ดี รวมไปถึงโทนอารมณ์ของเรื่องที่รักษาโทนพร้อม ๆ กับใส่แนวเรื่องทั้งดราม่า โรแมนติก คอเมดี้ และระทึกขวัญอย่างลงตัว ทำให้นึกถึงตอน RIVERDALE ที่ซีซั่นแรกเป็นแบบนี้เลย แต่ก็มีช่วงที่อืดบ้าง เพราะบางครั้งฉากการพูดที่ดูสนุกก็น่าเบื่อในเวลาเดียวกัน อีกทั้งการดำเนินเรื่องที่เร็วไปอาจจะทำให้เราไม่เชื่อในความสัมพันธ์ที่ไปไวมาก ๆ จนแบบ หา มันยังไงเนี่ย
การสร้างโลกสุดเหนือจริง
ถือว่างานภาพกับซีรีส์ก็ตามมาตรฐานครับ ไม่ได้มีงานถ่ายอะไรล้ำ ๆ แต่ก็มีมุมกล้องที่ดูเจ๋งใช้ได้ ส่วนเรื่องของงานสร้างก็จัดเต็มครับ สมจริงมาก ไฟ น้ำ ลม ดิน สถานที่ก็เหมือนประหยัดงบครับ วนเวียนอยู่ไม่กี่ที่แต่ก็สามารถเล่าเรื่องได้ขนาดนี้ ดนตรีประกอบที่สื่ออารมณ์และสถานการณ์ในฉากนั้น ๆ ได้ดี เพลงประกอบที่ใส่เข้ามาก็ใช้ได้แม้จะรู้สึกว่าไม่ได้เสริมเรื่องหรือติดหูชวนให้ตามฟังอะไรขนาดนั้น บางทีก็รู้สึกว่างานสร้างก็ยังมีลอย ๆ บ้าง แต่ก็ตามแบบฉบับซีรีส์ที่เน้นติดดินสมจริงครับ มีฉากตอนสุดท้ายที่รู้สึกว่าโชว์ SFX สุด ๆ แต่น่าเสียดายที่สั้นมาก ยังไม่ทันได้ตื่นตาตื่นใจเลย แต่โลกคู่ขนานที่นำเสนอนั้นก็ไม่ได้มีอะไรแฟนตาซีเท่าไหร่
ส่วนเรื่องของการแสดงต้องขอชื่นชมอบิเกล โคเวนที่สลัดภาพตัวละครรองจากซาบริน่าได้สำเร็จ เธอต้องรับบทเป็นคนที่เก็บกด และมีแต่ความเศร้า มีคำถามและถูกจูงใจไปมา ผมแทบจะจำเธอไม่ได้ ในขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ แม้จะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่ก็สามารถแสดงออกมาให้เราเชื่อไปในตัวละครได้ แม้ว่าในการนำเสนอของตัวละครมันจะแปลก ๆ ไปบ้าง แต่ถือว่าไม่มีใครไม่เหมาะสมกับบทบาทตามที่มีคนได้วิจารณ์ไว้
ควรชมหรือข้าม
ถือว่าเป็นการบิดเรื่องจากการ์ตูนเป็นซีรีส์ได้โอเคเลย หลายอย่างที่เคยคิดว่าจะแย่ กลับทำได้อย่างพอดิบพอดี จนตอนนี้มันได้กลายเป็นซีรีส์ม้ามืดสำหรับผมไปแล้วเรียบร้อย ประเด็นอาจจะไม่มีอะไรมาก เพราะมีเพียง 6 ตอน แต่มันก็มากพอที่จะสร้างโลกในจักรวาลของซีรีส์แล้วเรียบร้อย ทั้งยังมีเซอร์ไพรส์ที่บ่งบอกว่าซีซั่น 2 มาแน่ ๆ เพราะผมตามข่าวมา ซีรีส์ได้รับการอนุมัติในการสร้างภาค 2 ตั้งแต่เดือนกันยายน ปีที่แล้ว และผมบอกได้เลยว่าผมไม่อยากให้ทุกคนพลาดเพราะเป็นซีรีส์ที่เป็นผู้หญิงนำ ต้องน่าเบื่อ แต่มันมีฉากแอ็คชั่น และเนื้อเรื่องแบบผู้ใหญ่วัยรุ่นเข้าถึงได้ มันอาจจะไม่ได้มีการนำเสนอหวือหวาหรือเลิศหรู แต่มันสามารถนำเสนอเรื่องราวได้อย่างเพลิดเพลินและน่าสนใจ พร้อมทั้งทิ้งปมได้แบบเดียวที่ RIVERDALE เคยทำเลยทีเดียว อาจจะมีทั้งคนชอบไม่ชอบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันจะกลายเป็นซีรีส์ที่มีคนรอคอยซีซั่น 2 ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะงั้นไปดูเถอะ 5 ชั่วโมงกว่า ๆ ไม่เสียดายเวลาหรอก
ตัวอย่าง Fate : The Winx Saga เฟต : เดอะ วิงซ์ ซาก้า
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่