รีวิว Love Me Instead (Netflix) ดราม่าสายดาร์กตุรกีจากผู้กำกับ ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 (ไม่สปอยล์)
Love Me Instead
สรุป
ภาพยนตร์ดราม่าปวดใจจากตุรกีที่มีทั้งเรื่องความรักของพ่อลูก การหักหลังและหลอกลวง ประเด็นสังคมสุดสะเทือนใจ และความหวังที่พังทลาย ผ่านตัวละครที่แสดงออกมาได้อย่างแตกสลาย เนื้อหาที่ความเจ็บปวดและชวนให้เศร้าจนจบ การถ่ายทอดเรื่องราวอย่างเรียบง่ายแต่เข้มข้นจนถึงช่วงสุดท้าย อาจมีเนือยบ้างประสาหนังดราม่าและการเล่าเรื่องที่แอบงง
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- เนื้อเรื่องเรียบง่าย ไม่หวือหวาอะไร
- บทที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนในสังคมที่ล้วนแตกสลาย
- ประเด็นปัญหาทางสังคมเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรม
- นักแสดงนำเล่นดี เป็นธรรมชาติ และสะกดจออย่างแตกสลาย
- การถ่ายทำที่บีบคั้นทางอารมณ์และบรรยากาศอันน่าเคลือบแคลง
- การหักมุมที่เปลี่ยนช่วงหลังให้เป็นหนังแอ็คชั่นอาชญากรรมเข้มข้น
- ดราม่าตลอดทั้งเรื่อง โดนใจคนชอบสายดาร์ก
Cons
- หนังยาวเกินไป บางช่วงค่อนข้างน่าเบื่อ
- การเล่าเรื่องแอบงง ตอนเฉลยปม หนังแปลกไปเลย
- ถ้าตัวละครไม่ทำให้อิน ก็ไม่สามารถต่อติดกับหนังเลย
Love Me Instead (แทนคำรัก) ภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติตุรกีในเน็ตฟลิกซ์ ผลงานกำกับของ เมเม็ด อดา ออสเตกิน ผู้เคยฝากผลงานรีเมคภาพยนตร์ Miracle In Cell No.7 (ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7) ฉบับตุรกี จนทำเงินสูงสุดประจำปี 2019 ทำรายได้เฉพาะในตุรกีกว่า 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และเขาก็กลับมาทำงานถนัดของเขาอีกครั้งในปี 2021 กับภาพยนตร์ที่บอกเล่าความสัมพันธ์อันน่าเศร้า ระหว่างผู้คุมนักโทษกับนักโทษที่ถูกจับกุมข้อหาร้ายแรงและได้รับการอนุญาตให้ปล่อยกลับสู่บ้านหนึ่งคืน พวกเขาได้พบเด็กหญิงผู้เป็นลูกของนักโทษ เพื่อนบ้านหญิงปริศนา และความลับที่สั่นสะเทือนหัวใจคนเป็นพ่อแบบที่คาดไม่ถึงด้วยความดราม่าสะท้อนสังคมแบบไม่มีกั๊กตลอดกว่าสองชั่วโมงให้ตับพังน้ำตาไหลกันไปข้างนึงเลย
ตัวอย่าง Love Me Instead
รีวิว Love Me Instead
เซดัต ผู้คุมนักโทษที่กำลังจะใกล้เกษียณรับราชการได้รับการมอบหมายงานสุดท้ายให้เดินทางไปดูแลนักโทษคดีฆาตกรรมคนหนึ่ง มูซา ผู้ที่โดนจับกุมกว่าสิบปี เนื่องจากเขาได้รับการอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านเกิดหนึ่งวัน หนึ่งคืน ก่อนที่จะต้องกลับมารับโทษในคุกเหมือนเดิม ที่นั่นพวกเขาได้พบกับ ยองจา ลูกสาวของมูซาที่ตอนนี้โตเป็นสาว และเข้าไปพัวพันกับแก๊งค้ายาเสพติด และทำให้เซดัตต้องถูกดึงเข้าไปพัวพันกับมูซาเพื่อปกป้องยองจาจากภัยร้ายที่เคยทำลายชีวิตของมูซามาก่อน แต่เมื่อเพื่อนบ้านหญิงปรากฏตัว ความลับอันน่าเจ็บปวดและสะเทือนใจเกินกว่าจะรับไหวของมูซาก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์พ่อลูก รวมไปถึงความสัมพันธ์ของเซดัตและลูกของเขาที่เริ่มมีเส้นแยกห่างกันมากขึ้นทุกที เซดัตจะตัดสินใจช่วยเหลือมูซาปกป้องความจริงอันเจ็บปวดนี้ หรือจะทำตามหน้าที่ของการเป็นผู้คุมของตัวเอง เส้นทางแห่งความรัก ความเศร้า การหลอกลวงและความเกลียดชังจึงเริ่มต้นและจบลงอย่างน่าสลดใจ
เรื่องราวในหนังเป็นเส้นตรงแต่มีการตัดสลับระหว่างอดีตและปัจจุบันที่ตัวละครนั้นเป็นผู้แทนในการเล่าเรื่องและแสดงภาพเหตุการณ์ในขณะนั้นให้เห็น หนังมีความเรียบตลอดทั้งเรื่องไม่ได้พยายามบิ๊วให้ทุกอย่างดูเศร้าแต่ก็รู้สึกหน่วงและอึนไปกับบรรยากาศของเรื่องที่ถ่ายทอดสังคมระหว่างคนทั่วไปกับคนทำผิดซี่งถูกใช้แสดงภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่คืนเดียว หนังจะโฟกัสไปที่การให้ตัวละครทำอะไรไปเรื่อย ๆ เหมือนชีวิตประจำวันก่อนจะค่อย ๆ ใส่ความไม่น่าไว้ใจและความเคลือบแคลงเข้ามาในฉากนั้น ๆ ก่อนที่หนังจะหักมุมแบบที่คาดไม่ถึงมาก่อน ซึ่งหนังนั้นอาจจะหลอกเราได้ ถ้าเราไม่สังเกตปฏิกิริยาของตัวละครคงไม่รู้ว่าความจริงทั้งหมดมันเป็นแบบนี้ แต่พอหนังเฉลยตรงนี้หนังก็ยิ่งเครียดและสิ้นหวังเข้าไปอีกว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ใครหลายคนที่คาดหวังอารมณ์ที่หม่นเล็ก ๆ อาจจะต้องช็อค เพราะความเข้มข้นของเรื่องราวที่พุ่งไปเรื่อย ๆ ก่อนจะเดือดดาลในฉากสุดท้ายและบทสรุปอันน่าเศร้าและสะเทือนใจ แต่แทนที่ด้วยความหวัง เรียกได้ว่ามันเป็นดราม่าที่ผูกโยงคำว่าครอบครัวและสังคมได้ดีมาก แม้ว่าช่วงแรกหนังจะค่อนข้างเรื่อย ๆ ไปหน่อย กราฟจะมาพุ่งช่วงกลางเรื่อง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเบื่อได้หากไม่ได้อินอะไรมากนักกับความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่อง ซึ่งก็แอบงงและชวนสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะแม้หนังจะเนือย แต่ก็ค่อนข้างข้ามรายละเอียดไปเยอะ
ตัวละครหลัก 4 คนในเรื่องถูกบอกเล่าผ่านสายตาของ มูซา ตัวเอกหลักของเรื่อง ผู้ที่มีอดีตและความหลังฝังใจอยากแก้ตัวใหม่กับลูกสาวที่เขาเคยทอดทิ้งไปโดยไม่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขาได้ทำหน้าที่พ่อ คอยปกป้องลูกสาวของเขา แต่ช่างน่าเศร้าที่ความสุขของเขาเปลี่ยนเป็นความเศร้าและความแค้นที่ไม่อาจฉุดรั้งเขาให้กลับมาได้ แม้เนื้อแท้เขาจะเป็นคนดี แต่สังคมที่ไม่ดีก็ผลักไสเขาให้กลายเป็นอาชญากรที่ใคร ๆ ก็รังเกียจ เช่นเดียวกับ เซดัต ตัวละครที่เป็นตัวแทนในการเล่าเรื่อง แม้จะไม่เด่นเท่ามูซาในเรื่องฉาก แต่ปมของเขาเกี่ยวกับลูกสาวและความอับอายในหน้าที่อาชีพของตัวเองก็เป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขายอมทำในสิ่งผิด เพื่อช่วยเหลือมูซาที่เขาใช้เวลาด้วยเพียงวันเดียว ปิดฉากความเลวร้ายทั้งหมด ยองจา สาววัยรุ่นท่าทางเก็บตัวและเบื่อโลกที่ได้พบเจอพ่อเธออีกครั้งในรอบสิบปี ตอนแรกนั้นเธอตั้งแง่กับเขาจนกระทั่งพ่อของเธอได้แสดงความรักต่อเธอและทำให้เธอใจอ่อน โดยไม่รู้เลยว่าเธอมีความลับอันเจ็บปวดซุกซ่อน และเข้าไปพัวพันกับหัวโจกคนค้ายาที่ไม่หวังดีในตัวเธอ นูริเย หญิงสาวเพื่อนบ้านที่แสนดีที่คอยดูแลบ้านและแม่ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ให้กับมูซา แต่เธอเองก็มีความลับที่เก็บซ่อนที่เกี่ยวข้องกับมูซาในอดีต ทุกตัวละครล้วนมีความเชื่อมโยงด้วยความรู้สึกผิด มิตรภาพและความเป็นครอบครัวที่ผลักดันให้พวกเขาไปในจุดเดือดของเรื่องในที่สุด
ประเด็นสำคัญ คงเป็นเรื่องของชีวิตที่ไม่ยุติธรรม ที่คนทำผิดบางคนก็ได้รับความยุติธรรม มากกว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด บางครั้งการที่เรากระทำผิดอาจเป็นเพราะเราเจตนาดี แต่ทว่าในสายตาคนอื่นมันกลับเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่กดทับให้เราเป็นเช่นนั้น และเราไม่สามารถจะทำอะไรเพื่อลบล้างมลทินเหล่านี้ นอกจากใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม ความรุนแรงอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่บางครั้งคนเราก็ไม่ได้มีทางเลือกมากขนาดจะตัดสินใจได้อย่างถี่ถ้วนและผลลัพธ์ของมันก็มักเลวร้ายกว่าที่เราคาดการณ์อยู่เสมอ เรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวที่แน่นแฟ้นของพ่อและลูกที่หวานขมอมกลืนเพราะไม่ได้เจอกันนาน อีกทั้งยังมีเรื่องของมิตรภาพที่พร้อมจะจมหัวร่วมด้วยในเรื่องที่ผิดแต่ก็พร้อมจะสนับสนุนเพราะความเป็นเพื่อน หรือความลับที่ทุกคนมีไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือไม่ ก็ล้วนสะเทือนใจและทำร้ายเรามากกว่าที่คิด ความเป็นไปได้ทั้งหมดคือ ยิ่งเราไม่ยอมรับความจริง เลือกจะโกหกตัวเองสุดท้ายแล้วความเสียใจก็จะเกิดกับตัวเรา เราควรต้องเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดเหมือนตัวละครและกลมกลืนกับมัน แม้ว่าสังคมจะไม่อาจเป็นแบบที่เราต้องการ ผู้คนเมินเฉยต่อปัญหา หรือไม่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา เราแค่ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองถึงจะอยู่รอด
ในส่วนของนักแสดงถือว่าดีงาม ซาร์พ อัคคายา สวมบทบาทพ่อที่มีความผิดติดตัวแต่ก็ไม่กลัวที่จะเข้าหาลูก เขาอาจจะไม่ได้เป็นพ่อที่อบอุ่น แต่เขาก็เป็นพ่อที่ดีที่สุด และการแสดงของเขาก็ยังสามารถทำให้ผมอินและสงสารในชะตากรรมที่เขาต้องพบเจอ ยังไม่รวมกับฉากแอ็คชั่นในช่วงท้ายที่ไม่สนใครหน้าไหนก็เท่มาก และซีนอารมณ์ที่ไม่ต้องเล่นจนล้นแต่ก็เห็นความเจ็บปวด เช่นเดียวกับ เออร์แคน เคซัล ที่บทอาจจะไม่ค่อยได้โชว์ซีนดราม่า แต่เรื่องความนิ่งและการเก็บอาการในการแสดงที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกด้านลบมากมายที่ไม่ได้ระเบิดออกมา แต่กลับเลือกจะปล่อยวางไปแทน เด่นคู่กับซาร์พ ในขณะที่อาเลย์นา เอิซเกชาน สวมบทเด็กสาวที่อยู่ในวัยใกล้จะเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องเผชิญกับความอ้างว้างทางจิตใจ และความกลัวที่เก็บซ่อนไว้กับพ่อของตัวเอง แต่เมื่อความจริงเปิดเผย การแสดงของเธอนั้นสะกดมาก ๆ น้ำตาไหลพร้อมอารมณ์ที่แสนเจ็บปวดและอ้อนวอนขอร้องได้อย่างสมจริง เป็นธรรมชาติ จนบทสรุปสุดท้ายที่คาดไม่ถึงก็ทำให้เธอเป็นอีกคนที่มองข้ามไม่ได้ ซองกึล เออเดน สวมบทบาท หญิงเพื่อนบ้านผู้ใจดีที่เคยสนับสนุนมูซา แต่ทว่าเธอมีความหลังฝังใจและเป็นกุญแจสำคัญของเหตุผลที่ทำให้เธอกลายเป็นมาเป็นตัวละครสุดพีคในช่วงท้ายและการแสดงของเธอในฉากดราม่าน้ำตาไหลที่เธอก็ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่และแทบไม่ต้องเล่นใหญ่อะไรมาก ในขณะที่การถ่ายทำและเพลงประกอบเน้นอารมณ์ดิบ ๆ หม่นหมอง ที่ช่วยเน้นอารมณ์ของหนังให้ดิ่งลงเรื่อย ๆ จนถึงบทสรุปสุดท้ายที่เราได้เป็นอิสระจากหนังสักที
Love Me Instead คือ ภาพยนตร์ดราม่าที่ดีตามมาตรฐานแม้จะไม่ได้มีอะไรใหม่ นอกจากดราม่าปวดใจที่ใส่เข้ามาตลอดทั้งเรื่อง พร้อมการแสดงสุดเข้มข้นของนักแสดงทุกคน และการถ่ายทำและบรรยากาศที่ชวนอึดอัดและน่าเคลือบแคลงใจในตัวละครต่าง ๆ ถึงจะมีการหักมุมให้แอบงง ๆ เล็กน้อย แต่ก็ยังมีบางอย่างที่หนังยังเล่าไม่ชัดพอ ในด้านอารมณ์ของเรื่องและความสะเทือนใจหนังทำได้ดีมาก ๆ และอาจจะหม่นหมองเกินไปจนทำให้ใครหลายคนอาจจะไม่รู้สึกอยากดูต่อ และยังมีความเนือย เรื่อย ๆ สไตล์หนังแนวนี้ ไม่ได้มีอะไรโฉ่งฉ่าง ยกเว้นช่วงท้ายที่พลิกตัวเองเป็นหนังไล่ล่าอาชญากรรมยิงกันแบบสมจริงเห็นเลือดเห็นเนื้อ และอารมณ์ที่พุ่งสุด และมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสำหรับคนอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะมีเรื่องของเลือด การติดยา และประเด็นรุนแรงต่าง ๆ โดยรวมมันคือภาพยนตร์ดราม่าที่ดีอีกเรื่องครับ ถ้าชอบแนวนี้ก็ลองไปดูกันนะครับ
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่