รีวิว Maya and the Three (Netflix) อนิเมชั่นม้ามืดแห่งปีจากเน็ตฟลิกซ์ (ไม่สปอยล์)
Maya and the Three
สรุป
อนิเมชั่นที่สวยสดงดงามด้วยงามภาพและความรักที่มีต่อวัฒนธรรมเม็กซิโกที่สามารถสัมผัสได้ ตัวละครที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ในทุกตัว และเรื่องราวที่ถูกแบ่งตอนได้อย่างเข้มข้นและชวนให้ติดตามแม้ช่วงแรกจะดูสูตรสำเร็จ เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของความสุข ความเศร้าที่ไม่สามารถคาดเดาบทสรุปได้ เพลงประกอบที่เร้าอารมณ์มากพอจะทำให้เราอิน ประเด็นของเรื่องที่กล้าขยี้ทั้งความเป็น ความตาย ความหม่นหมอง และความจริงจัง และกล้าฉีกแนวทางแบบที่อนิเมชั่นสตูดิโอใหญ่นั้นไม่กล้าทำ พร้อมเสียงพากย์คุณภาพ
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- อนิเมชั่นที่ทำออกมาได้ลื่นไหลและเปี่ยมด้วยรายละเอียดมากมาย
- บทที่ถูกร้อยเรียงอย่างแนบแน่น ได้ซึมซับเรื่องราวอย่างเต็มอิ่ม
- เสียงพากย์ไทยยอดเยี่ยม ส่วนซาวนด์แทร็คได้ดารามีชื่อมากฝีมือ
- นำเสนอวัฒนธรรมเม็กซิกันโบราณอย่างงดงาม
- ตัวละครที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ได้โชว์ความสามารถทุกตัว
- ครบทุกรสชาติเหมือนรถไฟเหาะ พร้อมฉากแอ็คชั่นที่มีท่วงท่าเท่ทุกแบบ
- ดนตรีประกอบที่มีกลิ่นอายเม็กซิโกและเร้าอารมณ์สุด
- ประเด็นเรื่องตัวตน ครอบครัว ความรัก ความกล้า และความตาย
- ความกล้าในการฉีกแนวทางที่ไม่ได้เป็นตามสูตรสำเร็จอย่างที่คิด
Cons
- ช่วงเริ่มเรื่องค่อนข้างดูเป็นสูตรสำเร็จในช่วงสามตอนแรก ๆ
- สามตอนแรกเดินเรื่องเร็วจนทำให้อารมณ์นั้นไปไม่สุด จนกระทั่งช่วงหลังแก้ตัวทัน
มายากับ 3 นักรบ (Maya and the Three) อนิเมชั่นมินิซีรีส์สัญชาติเม็กซิกัน สร้างโดย จอร์จ กูเตียร์เรซ ผู้กำกับชาวเม็กซิโกผู้สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Book of Life ที่ตีความเรื่องยมโลกอย่างบรรเจิดจนได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำครั้งที่ 72 ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม จนทำให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดให้กับเน็ตฟลิกซ์ผู้มอบทุนให้เขาถ่ายทอดอนิเมชั่นซีรีส์จำนวน 9 ตอน ตอนล่ะสี่สิบนาที บอกเล่าตำนานสมมติที่สร้างจากประวัติศาสตร์ยุคมีโซอเมริกา อารยธรรมมายาอินคาแอซเท็กอารยันอันเก่าแก่ของเม็กซิโก ผ่านเรื่องราวการผจญภัยสุดตื่นเต้นและอันตรายของเจ้าหญิงแห่งดินแดนเทก้าโบราณเพื่อปกป้องชีวิตและเกียรติยศจากเทพแห่งสงครามที่หวังจะยึดครองอาณาจักรของเธอ
ตัวอย่าง Maya and the Three (มายากับ 3 นักรบ)
เรื่องราวของเจ้าหญิงมายา เจ้าหญิงแห่งอาณาจักรทีก้าผู้ที่รักในการต่อสู้และไม่อยากขึ้นเป็นผู้นำของเมืองต้องพบกับจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเธอค้นพบว่าเธอนั้นเป็นครึ่งคนครึ่งเทพ ผู้ที่สามารถสังหารเทพแห่งสงครามได้ แต่ทว่าเทพสงครามก็ต้องการจะบูชายัญเธอเพื่อความยิ่งใหญ่เช่นกัน เธอจึงต้องละทิ้งชีวิตที่เคยมีเพื่อออกเดินทางตามหานักรบจากสามดินแดนตามคำทำนาย โดยที่ไม่รู้เลยว่า มันจะพาเธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวของความรัก ความตาย ความกล้า และความกลัวที่ผลักดันให้เธอกลายเป็นผู้ที่สามารถกุมชะตาระหว่างเทพและมนุษย์ทั้งปวง ท่ามกลางมิตรสหายและศัตรูมากมาย มายาได้ค้นพบสิ่งที่มีค่ามากกว่าชัยชนะ นั่นคือการเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งความเบ่งบานของอารยธรรม และมันจะเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องเธอและทั้งอาณาจักรจากความเลวร้ายได้ แม้ต้องแลกด้วยหลายสิ่งก็ตาม
เรื่องราวนั้นเดินเรื่องเป็นหนึ่งประเด็นต่อตอน เพราะงั้นในแต่ละตอนเราจะได้เห็นและรู้จักตัวละครอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าจะเดินเรื่องเร็วไปบ้างในบางช่วง แต่เชื่อได้เลยว่าทุกตัวละครที่ได้ออกมานั้นจะแสดงความโดดเด่นเป็นของตัวเอง ด้วยเรื่องราวการผจญภัยที่ช่วงแรก ๆ จะรู้สึกเหมือนอนิเมชั่นค่ายดรีมเวิร์คแบบที่เน็ตฟลิกซ์ชอบทำคือตัวละครที่เป็นเหมือนผู้ถูกเลือกแต่ไร้ความสามารถในช่วงแรกผสมกับวัฒนธรรมโบราณตามแบบของเรื่อง คล้ายคลึงกับ Raya and The Last Dragon ที่นำเสนอการผจญภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในเรื่องนี้จะเป็นแถบมีโซอเมริกาโบราณ แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สักสามตอนของเรื่อง อนิเมชั่นจะกล้าเล่นประเด็นแบบที่คาดไม่ถึง ทั้งเรื่องวัฒนธรรมความเชื่อของชาวเม็กซิโกโบราณที่ใช้เสนอโลกของซีรีส์ และที่มันดีสุด ๆ คือการเดินเรื่องที่เป็นอนิเมชั่นผจญภัยเด็ก ๆ แบ่งเป็นตอน ๆ แต่แฝงไปด้วยหลายอารมณ์ของความดราม่าของตัวละครที่เป็นเสมือนปมย่อย ๆ ที่ผลักดันให้ตัวละครหลักเดินปมหลักไปข้างหน้าแบบที่คาดไม่ถึง ความโรแมนติกความน่ารักของตัวละครที่ผ่านการปูเรื่องอย่างแน่น ไม่มีการรีบร้อน มีเหตุผล ไม่รู้สึกเป็นสูตรสำเร็จเกินไป พร้อมมุกตลกชวนขำที่มาอย่างถูกจังหวะ ฉากต่อสู้ที่โดดเด่นและเข้มข้นในทุกท่วงท่าตั้งแต่การต่อสู้ระยะประชิดจนถึงขั้นเล่นปล่อยพลังเวอร์วังไปเลย ฉากสุดสะเทือนใจแบบไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ มีความเป็นผู้ใหญ่และจริงจังสุด ๆ จนทำให้อึ้งไปได้หลายนาทีเลย โดยเฉพาะบทสรุปของเรื่องที่ดีกว่าอนิเมชั่นหลายเรื่องที่ออกมาในปีนี้ซะอีก ทำให้มันเป็นอนิเมชั่นที่มีคุณภาพสูงและไปสุดมาก และมันจะทำให้คุณค้างค้าจนต้องเปิดตอนต่อไปเรื่อย ๆ จนจบเลยทีเดียว
ตัวละครของเรื่องก็ทำออกมาตามสูตรสำเร็จแต่สามารถขยายมิติที่ลึกกว่าตัวละครแนวนี้ในการ์ตูนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น มายา ตัวละครหลักที่เป็นเจ้าหญิงที่พยายามทำทุกอย่างที่เธอคิดว่าเท่ ทั้งชอบการต่อสู้ และรักการเป็นผู้นำ ดูเหมือนเป็นฮีโร่ของเรื่อง แต่แท้จริงแล้วเธอก็เป็นคนที่มีความไม่ดีในตัวเหมือนกัน เพราะความที่เธอทำทุกอย่างโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นโดยรู้ตัวเพียงเพราะความต้องการของตัวเอง ริโก้ พ่อมดป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ที่เคยสร้างโศกนาฏกรรมให้คนในครอบครัวจนกลายเป็นคนกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่มั่นใจในตัวเอง เป็นคนนอกและเลือกจะทำตัวเอื่อยเฉื่อยไม่สนใจใคร และชอบวิ่งหนีปัญหา ชิมี หญิงสาวมากฝีมือธนูที่ถูกชะตากรรมกลั่นแกล้งตั้งแต่ยังทารกที่ทำให้เธอมองโลกในแง่ร้ายกว่าทุกคนในเรื่อง แต่แท้จริงเธอก็แค่ต้องการคนที่ใส่ใจความรู้สึกตัวเอง แต่ชอบแสดงเหมือนไม่แคร์ใครเพราะกลัวว่าจะถูกหักหลัง พิคชู ชายหนุ่มคนเถื่อนที่เอาแต่ต่อสู้ เอาชนะ เพราะมีปมที่เคยมีความใจดีจนทำลายชีวิต และกลายเป็นคนที่อยู่อย่างไร้ความหมาย แซท ชายหนุ่มปริศนาฝั่งตรงข้ามของมายาที่แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์และเป็นตัวละครที่น่าสนใจของเรื่อง นอกจากนั้นตัวละครแต่ละตอนต่างมีเสน่ห์และมีการโชว์ความสามารถของตัวเองเต็มที่ ไม่มีใครโดนทิ้งให้จมหาย อาจจะมีหายไปช่วงหนึ่ง แล้วก็กลับมาในช่วงสำคัญ เรียกได้ว่าตัวละครทุกตัวเหล่านี้ ต้องมีสักคนที่คนดู เด็ก ๆ หนู ๆ ชอบแน่ ๆ
ประเด็นของเรื่อง คือ ไม่ว่าเราจะเกิดมาเป็นยังไง มาจากไหน ทุกคนมีความสำคัญ ถ้าเรามีความหมาย เราก็จะค้นพบตัวเองเสมอ เหมือนตัวละครในเรื่องที่แท้จริงเป็นคนนอกคอกที่ต้องอยู่ในสังคมและโลกอันโหดร้ายและถูกผลักดันให้ต้องทำหน้าที่สำคัญที่ผู้ใหญ่บางคนยังมองว่าไร้สาระ แต่พลังของคนรุ่นใหม่นั้นทรงพลังเสมอ และสามารถรวมใจให้ทุกคนในสังคมมีความสามัคคีและรวมใจเป็นหนึ่งเดียวได้หากอยู่ในยามคับขัน และที่สำคัญ เราต้องรู้จักให้อภัย ยอมรับความจริง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ที่เคยผิดพลาดด้วยการกระทำของตัวเอง ด้วยความจริงใจ และอย่ายอมแพ้ ยึดมั่นในตัวเองไม่ว่าจะถูกอดีตคอยตามหลอกหลอน เราต้องรู้จักเดินไปข้างหน้าต่อไป สายสัมพันธ์ของครอบครัวและมนุษย์นั้นเข็มแข็งได้ หากรู้จักปล่อยวางและเปิดใจให้กันและกัน ความเชื่อของคนเม็กซิกันที่เชื่อว่า ความตายนั้นเป็นความงดงาม ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว ขอแค่เชื่อว่าเรานั้นมีความหมายมากแค่ไหน ทำอะไรให้กับโลกใบนี้ แล้วเราจะสามารถไปสู่ความตายที่งดงามได้ เหมือนกับที่เราทำสิ่งดี ๆ อะไรให้กับโลกบ้าง นั่นเอง
สำหรับนักพากย์ คือคุ้มมาก เพราะเอานักแสดงที่มีเชื้อสายสเปนตรงกับเชื้อชาติของตัวละครในอนิเมชั่นมาพากย์อย่างถ้วนหน้าและล้วนมีชื่อเสียง เช่น โซอี ซัลดานา (จาก อวตาร), ดิเอโก ลูน่า (ผู้สร้าง Everything Will Be Fine ที่ผมรีวิว), อัลเฟรด โมลินา (จาก สไปเดอร์-แมน โน เวย์ โฮม) แดนนี เทรโฮ และ อิซาเบลา เมอร์เซด (จาก Dora And The Lost City Of Gold ที่ผมรีวิว) แต่สำหรับเสียงไทยก็ยอดเยี่ยมในแบบเน็ตฟลิกซ์ แคสต์เสียงพากย์มาได้ตรงกับคนพากย์ไทยของนักแสดงเหล่านี้และให้อารมณ์ที่อินไปกับเรื่องราวด้วย ในส่วนของงานภาพก็ต้องบอกว่าทั้งสวยงาม มีสไตล์ตามแบบวัฒนธรรมของยุคนั้นจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิหาร ป่าไม้ ดินแดน แสงสีสุดแฟนตาซี การเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติและไม่แข็งทื่อ เหมือนคนจริง ๆ แต่เป็นอนิเมชั่น แถมยังมีการเล่นมุมภาพนอกกรอบแบบที่วัตถุหลุดออกจากฉากการ์ตูนในช่วงท้าย ๆ เสียงดนตรีประกอบก็โดดเด่นด้วยเครื่องดนตรีแนวพื้นเมืองเม็กซิโก แต่ก็มีดนตรีแบบอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ที่มีตั้งแต่สนุกสนานไปจนถึงฮึกเหิมและทำให้เราอินจนหัวเราะ ส่งเสียงเชียร์ และ ร้องไห้ไปด้วยได้ ถือเป็นอนิเมชั่นที่เซอร์ไพรส์ผมอีกเรื่องของปีเลย
สรุป
Maya and the Three คือ อนิเมชั่นที่สามารถมองได้เลยว่าถูกร้อยเรียงบทของอย่างตั้งใจให้ออกมาดีที่สุด แม้จะมีความเป็นสูตรสำเร็จ แต่ก็ยังลงรายละเอียดและกล้าฉีกแนวทางแบบที่ควรจะเป็นให้ได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คาดการณ์ วัฒนธรรมเม็กซิกันของเรื่องถูกแสดงออกด้วยความรัก ความโดดเด่น และมีความสำคัญกับเรื่องราว การออกแบบตัวละครที่แตกต่างแต่ต่างมีความโดดเด่นของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงประเด็นที่เป็นผู้ใหญ่กว่าอนิเมชั่นทั่วไป พร้อมด้วยงานภาพที่สวยสดและสไตล์ของเรื่องที่แตกต่างจากอนิเมชั่นตลาดที่ทำโดยสตูดิโอดังต่าง ๆ ทำให้กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่เป็นอนิเมชั่นที่หน้าหนังดูธรรมดา แต่เมื่อจบแล้วมันทำให้การดูอนิเมชั่นของผมนั้นเปลี่ยนไปเลยจริง แนะนำมากครับ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ไม่มีฉากรุนแรง แต่อิมแพ็คถึงใจคนดูทุกคนแน่นอน
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์
- ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
- ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่