playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Mixtape (Netflix) มิกซ์เทปวุ่น ลุ้นรักพ่อแม่ฉัน มนต์เสน่ห์เพลงปลายยุค 90 (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์ตลกดราม่าจากเน็ตฟลิกซ์ที่หยิบนำเพลงเก่า ๆ มาขับเคลื่อนเรื่องของมิตรภาพ ความรัก ครอบครัว และการค้นหาตัวเอง แม้โปรดักชั่นจะไม่ได้ดีมากมาย บทอาจจะสูตรสำเร็จไปบ้าง แต่ก็เป็นหนังที่ให้แนวคิดมากมายทั้งกับคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่าได้เชื่อมประสานและเข้าใจกันผ่านการแสดงที่เป็นธรรมชาติทั้งเด็กและผู้ใหญ่

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
4.67 (3 votes)

Pros

  • เรื่องราวที่น่าติดตามตลอดชั่วโมงครึ่ง
  • ตัวละครที่มีเสน่ห์ สำคัญทุกตัวละคร
  • ดูได้ทั้งครอบครัว ตลกและซึ้งน้ำตาร่วง
  • นักแสดงในเรื่องทำหน้าที่ได้ดี เป็นธรรมชาติ
  • ประเด็นสำคัญที่น่าจดจำทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อนและตัวเอง
  • เพลงประกอบสุดจิ๊ดที่ทำให้นึกถึงวันวานในอดีตของตัวละคร
  • พากย์ไทยคุณภาพ

Cons

  • โปรดักชั่นธรรมดาเหมือนซีรีส์
  • สูตรสำเร็จหนังวัยรุ่นเน็ตฟลิกซ์
  • จบเรื่องจบแบบดื้อ ๆ ทำลายอารมณ์หนัง

ADBRO

Mixtape (มิกซ์เทป) ภาพยนตร์แนวคอเมดี้ครอบครัวจากเน็ตฟลิกซ์ ผลงานของผู้กำกับหญิง วาเลรี่ ไวส์ เขียนบทโดย อลิซ วู ผู้กำกับและเขียนบทเรื่อง The Half Of It ที่เคยพาคุณไปสัมผัสความรักสามเส้าแสนอึดอัดและอบอุ่นของสองหญิงหนึ่งชายที่กลายเป็นเรื่องบานปลายและประทับใจใครหลายคน คราวนี้เธอจะขอนำเสนอเรื่องราวของเด็กหญิงในปี 90 การเติบโต และครอบครัวของเธอที่มีชีวิตในวันวานผ่านมิกซ์เทป มิกซ์เทปคือการนำเพลงหลาย ๆ เพลงมาตัดต่อรวมกันในม้วนเดียวให้เกิดความแปลงใหม่ หรือการนำบีทของเพลงอื่น มาเรียบเรียงใหม่ ใส่เนื้อเพลงใหม่ และร้องใหม่ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเข้าใจในวงการแร็พว่าคือเพลงแร็พเนื้อใหม่ในเพลงเก่า แต่จริง ๆ แล้วมันยังเป็นเรื่องของไอเดียความสร้างสรรค์ที่คนในอดีตรู้จักคิดและดัดแปลงกลายเป็นของขวัญสุดพิเศษที่ส่งมาถึงปัจจุบัน จังหวะของผู้ที่ได้ฟังกลับมาฟังแล้วรู้สึกดี โดยหนังได้รับคำวิจารณ์ส่วนใหญ่ในแง่บวกจากนักรีวิว และผมไม่พลาดที่จะนำหนังดีที่มีพากย์ไทยเรื่องนี้อยู่แล้วครับ

ตัวอย่าง Mixtape

รีวิว Mixtape

ในปลายยุค 90 เบเวอร์ลี่ เด็กสาวอายุ 12 ปีที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างเรื่อยเปื่อย ไล่มิตรสหาย มีแค่ยายคนเดียวที่ดูแลเธอ หลังจากที่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ถูกโดนเลี้ยงดูแบบไข่ในหิน คนมองว่าแปลกและรังแกโดยคนในโรงเรียนอยู่เสมอ กระทั่งเธอไปเจอมิกซ์เทปของพ่อแม่เธอ และเพียงแค่เธอได้รับรู้ ก็เป็นเวลาเดียวกับที่มิกซ์เทปนั้นได้พังไปแล้ว ทำให้เธอต้องออกหาเบาะแสจากกระดาษที่มากับเทป แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ง่าย เพราะเธอต้องพึ่งพาวิธีการแปลก ๆ ทั้งไปร้องขอร้านขายเทปที่มีชายผู้ต่อต้านไปหมดทุกอย่างแต่ใจอ่อนกับเด็ก เพื่อนใหม่นามเอลเลน หญิงสาวผู้ฉลาดปราดเปรื่องชาวไต้หวันที่ร่วมเดินทางตามหาบทเพลงทั้งหมดให้เจอ นิกกี้ สาวต่อต้านสังคม แฟนคลับวงร็อคเก่า ๆ ที่คนมองข้ามและมีปัญหากับครอบครัว หลังจากเคยคิดว่าพวกเธอเป็นศัตรูไม่ถูกกัน พวกเธอก็เริ่มสานสัมพันธ์มิตรภาพ ระหว่างนั้นข้อความของพ่อแม่ก็เริ่มเลือนหายตามกาลเวลา และความกลัวในอดีตของครอบครัวที่ขัดขวางไม่ให้เธอได้ทำตามที่ต้องการสำเร็จ แต่ระหว่างนั้นเธอก็ได้ค้นพบสิ่งดี ๆ ที่พ่อแม่เธอได้ทำและมันส่งผลมาถึงปัจจุบันในช่วงเวลาสุดท้ายของการเปลี่ยนผ่านแห่งทศวรรษ

เรื่องราวเริ่มต้นด้วยช่วงแรกนั้น จะเป็นชีวิตแสนธรรมดาของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อย ก่อนที่ผ่านไปไม่กี่นาทีจะมีอะไรบางอย่างมาผลักดันให้เธอเดินทางเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับตัวละครอื่น และพล็อตหลัง ๆ ก็จะเป็นการผจญภัยของตัวละคร โดยพล็อตเรื่องแนววัยรุ่นสูตรสำเร็จ มีความสนุก มีความดราม่า และความเป็นครอบครัวไปพร้อม ๆ กับมุกตลกที่มีไม่มากแต่ใส่เข้ามาเป็นความน่ารักและชวนอมยิ้ม ของตัวละครเด็กผู้หญิงหลัก ๆ ที่ออกตามหาเพลงร็อคโดยที่ไม่รู้ว่าเพลงนั้นคือเพลงอะไรผ่านคีย์เวิร์ดให้เราคิดตามและไขคำตอบไปพร้อม ๆ เหมือนกับเกมเดาเพลงจากคำใบ้ที่เรามักจะชอบเล่นกัน แต่หนังทำให้มันเป็นอะไรมากกว่านั้น ด้วยการใส่เนื้อหาตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาพาตัวละครเดินทางไปตามเรื่องได้อย่างน่าสนใจและติดตามตลอดแม้ว่าในบทสรุปสุดท้ายจะจบเรื่องไปแบบดื้อ ๆ ตัดอารมณ์บ้างเล็กน้อย แต่ก็สามารถแก้ปมปัญหาและพล็อตทั้งหมดจนสำเร็จ เต็มอิ่มไปกับเรื่องราวแห่งการเติบโตภายในหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริงในที่สุด

ตัวละครในเรื่องมีไม่มากแต่ก็สร้างสีสันให้กับเรื่องราวเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กสาวเบเวอรี่ตัวละครหลักที่เหมือนจะสดใสน่ารัก ไม่มีดราม่าอะไร แต่แท้จริงก็ซ่อนความเก็บกดและความสงสัยเอาไว้และเป็นตัวแทนของเด็กที่อยากรู้อยากเห็น มีดื้อบ้างซนบ้าง ไม่ใช่ตัวละครที่สมบูรณ์แบบแต่เธอก็เป็นตัวละครที่เราอยากเห็นเธอทำเป้าหมายสำเร็จ ยายเกล ยายยังสาวที่สูญเสียลูกไปตั้งแต่ยังสาว เธอที่เคยมีความสุขและความสนุกกับสิ่งที่ลูกหลานทำ ก็กลายเป็นเข้มงวดกดดันหลานสาวแบบไม่รู้ตัว โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกว่าหลานจะเป็นใคร หรือเป็นยังไง จนนำไปสู่ปมสำคัญว่าครอบครัวจะสามารถเข้าใจกันได้มั้ย มีเคมีรักต่างวัย กับ แอนไท หนุ่มเอื่อยเฉื่อยที่เปิดร้านขายแผ่นเสียงในเมืองและได้รู้จักกับเบเวอรี่ ตอนแรกเขานั้นก็เป็นเหมือนคนที่รำคาญเด็ก ๆ พวกนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ตระหนักว่าถึงเวลาต้องเปิดใจและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อคนอื่น แม้บทจะมีไม่มาก แต่ก็เป็นตัวแทนของผู้ใหญ่ที่ล้มเหลวแต่ไม่ยอมแพ้ ในขณะที่ เอลเลน ตัวละครแบบเอเชียก็เป็นเพื่อนของเบเวอร์ลี่ที่เข้ามาสนิทกับเธอด้วยเหตุบังเอิญ แต่ก็สนับสนุนเพื่อนจนกลายเป็นสนิทกันและไม่หวาดหวั่นแม้ว่าใครจะมองว่าขี้แพ้ โดยมีน้องชายอย่างจัสติน ที่แม้จะยังเด็กแต่ก็คอยสนับสนุนและชอบทำอะไรแผลง ๆ นิกกี้ สาวอีโมเบื่อโลก เบื่อแม้แต่เบเวอลี่ที่เข้ามาสนิทเธอ กระทั่งความรักในเสียงดนตรีนำพาทั้งสามให้เดินหน้าไปด้วยกัน และทั้งสองก็เป็นคนสำคัญที่ผลักดันให้เบเวอรี่ทำตามที่ตัวเองต้องการ และไม่ตั้งคำถามกับสิ่งที่เพื่อนทำเลยสักนิด ซึ่งแตกต่างไปจากหนังหลายเรื่องที่ดราม่ามิตรภาพงี่เง่ายืดยาวแต่นี่มีฉากเดียว จบ ดีมาก

ประเด็นสำคัญของเรื่องนั้น การมูฟออนจากความเจ็บปวด จริงอยู่ที่หลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเรานั้น เป็นความผิดพลาดของอดีตที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่เราก็ไม่ควรให้ความผิดพลาดมาตอกย้ำให้เราเจ็บปวดโดยการไม่ทำอะไร ไม่สนใจใคร ไม่ยอมรับว่าความเจ็บปวดเป็นเรื่องธรรมดา และชีวิตนั้นสั้นเกินกว่าจะปล่อยเวลาล่วงเลยไป ครอบครัวไม่ควรจะกดดันลูกหลานให้ได้ดั่งใจตัวเองไปหมดเสียทุกอย่าง เพราะมันจะสร้างความกดดันและเก็บกดให้กันเปล่า ๆ เราควรตามใจและปล่อยให้ชีวิตของเขานั้นก้าวนำไปโดยมีเราคอยสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ แต่ไม่ใช่เข้าไปจัดภาพลักษณ์ของคน ๆ นั้นจนไม่เหลือความเป็นตัวเอง เรื่องของมิตรภาพของเพื่อนในกลุ่มที่ดีคือความเข้าอก เข้าใจ สนับสนุนเพื่อนและคอยยึดโยงกันและกันไว้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถามหากันและกันและไม่ตัดสินอะไรไปก่อนและช่วยกันหาทางแก้ปัญหาแม้ว่ามันจะสายไปบ้าง แต่ก็ไม่สายที่จะลองทำสิ่งต่าง ๆ ร่วมกัน และที่สำคัญเลยคือ ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรือปัจจุบัน สิ่งต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่และมีกับตัวเราในทุกวันนี้ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วกี่ปี มันก็เป็นทั้งความทรงจำและของขวัญที่มีค่าเกินกว่าจะมองข้ามไป และเราต้องรักษามันไว้อย่าให้มันสูญหาย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ได้สัมผัสมันอีก

ในส่วนมุมกล้องก็ตามมาตรฐานแบบหนังเน็ตฟลิกซ์ไม่มีอะไรให้พูดถึง แต่ทีมนักแสดงตั้งแต่เด็กและผู้ใหญ่กลับเปี่ยมไปด้วยหัวใจ ไล่ตั้งแต่ เจมมา บรูค อัลเลน ก็สามารถถ่ายความเป็นเด็กหญิงทั่วไปที่โหยหาความรักความเข้าใจจากครอบครัว มีความแสบซนและน่าสงสารตีคู่มากับคุณยายเกลที่แสดงโดย จูลี่ โบเวน ที่รับบทเป็นยายยังสาวผู้เคร่งเครียดกับชีวิตติดน่ารำคาญหน่อย ๆ แบบผู้ใหญ่เข้มงวดที่ต้องต่อปากต่อคำกับตัวละคร แต่พอซีนดราม่าเธอก็ทำให้เราเข้าใจตัวละครและน้ำตาตกพอ ๆ กัน นิค ทูน ในบท แอนไต หนุ่มร่างใหญ่จิตใจดีที่ไม่ต้องทำอะไรมากก็สัมผัสได้ถึงความเป็นพี่หมีใหญ่ปากไม่ตรงกับใจที่มีฉากเท่ ๆ และน่าประทับใจแทบเชื่อมโยงกับตัวละครต่าง ๆ อย่างน่าติดตาม ออดรีย์ เซีย ในบทเพื่อนสาวเอเชียนที่ยังโดนสเตอริโอไทป์ว่าแปลกในเรื่อง แต่เธอแสดงได้เป็นธรรมชาติ น่ารัก สดใส ไม่มีดราม่าหนักหน่วงมากมายเหมือน โอลกา เพตซา ในบทสาวเบื่อสังคมขาร็อคที่บทอาจจะไม่ได้โดดเด่นแต่ก็สามารถเล่นอย่างแสบเซี้ยว ขโมยซีนได้ในบางฉาก แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมคือการใช้เพลงร็อคยุคเก่า ๆ มาใช้ในการเล่าเรื่อง บางเพลงเราอาจเคยฟังผ่าน ๆ บางเพลงเราอาจเคยฟังและชอบมาก บางเพลงเราอาจไม่เคยฟัง บางเพลงอาจเป็นเพลงที่ไม่ตรงกับที่ฟัง เป็นองค์ประกอบชั้นดีที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจไปพร้อมกับตัวละครด้วยมนต์เพลงเหล่านี้ แถมยังได้ mxmtoon หรือ Maia นักร้องสาวเสียงใสชาวอเมริกันที่มีเชื้อสายจีนและเยอรมันที่เคยเข้าร่วมทำเพลงประกอบในโปรเจกต์เกมดังอย่าง Life Is Strange: True Colors มาร่วมให้เสียงเล็ก ๆ และมันก็ช่างไพเราะเหลือเกินเมื่อร้องร่วมกับ Dylan Chenfeld นักร้องอินดี้น้องใหม่

มิกซ์เทปคือหนังครอบครัววัยรุ่นสดใสและเปี่ยมด้วยหัวใจของมิตรภาพของตัวละครที่ดีและบทเพลงที่แสนไพเราะ แต่ด้วยความที่เป็นสูตรสำเร็จประเด็นเก่า ๆ ที่อาจไม่ได้แปลกใหม่ไปกว่าหนังวัยรุ่นเน็ตฟลิกซ์เรื่องอื่น แต่การที่มันหลีกเลี่ยงจะเล่นท่ายากและเน้นประเด็นสำคัญของเรื่องมากกว่าสิ่งอื่นใด มันเลยทำให้เรารู้สึกจิ๊ดใจได้แบบหนังดีกว่ามาตรฐานตามโปรดักชั่นเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งอาจจะเหมาะกับครอบครัวที่อยากเข้าใจความต้องการของคนในครอบครัว คนอายุมากที่โหยหาวันวาน หรือคนที่อยากดูหนังสบาย ๆ ผ่อนคลายไว้โดยที่มีกลิ่นอายของความเป็นหนังวัยรุ่นที่เล่าเรื่องไม่จำเจและอัดแน่นด้วยช่วงเวลาที่น่าจดจำในตลอดชั่วโมงครึ่ง แต่แค่หูได้ฟังเพลงร็อคยุค 80-90 ที่ขนกันมาให้ฟังตลอดทั้งเรื่อง ได้เห็นเด็กผู้หญิงตั้งวงร้องเพลงเก่า ๆ ที่เราเคยรู้จัก มันก็เป็นภาพที่หายากมากแล้วในยุคสมัยที่เทคโนโลยีนั้นก้าวหน้าไปมาก เพราะงั้นมาใช้เวลาหวนย้อนกลับไปในปลายยุค 90 กับหนังเรื่องดีเรื่องนี้ได้เลยครับ

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!