playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว My Best Friend Anne Frank (Netflix) เด็กหญิงชาวยิวที่เขียนบันทึกก้องโลก! (ไม่สปอยล์)

สรุป

ภาพยนตร์ดราม่าปวดใจอันทรงพลังที่สะท้อนระหว่างอันงดงามและความโหดร้ายของประวัติศาสตร์ที่พรากอนาคตของเหล่าหญิงสาว ผ่านการแสดงที่ดีมาก ๆ และการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม แม้จะเนือยอยู่บ้าง แต่มันก็สะเทือนใจและอาจทำให้ร้องไห้ได้ เพราะสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ทำลายชีวิตของคนในประวัติศาสตร์จริง ๆ และหนังก็สื่ออารมณ์และให้ภาพของเหตุการณ์ได้อย่างสมจริงด้วยฝีมือของผู้กำกับฝีมือระดับออสการ์ เบ็น ซอมโบคาร์ต

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • สร้างจากเรื่องจริง มีปรุงแต่ง เพือความสะเทือนอารมณ์
  • การแสดงของนักแสดงชาวดัตช์ที่ยอดเยี่ยม
  • เหมาะสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์สำหรับผู้ที่สนใจ เพราะอิงจากเรื่องจริง
  • การเล่าเรื่องที่ตัดสลับไปมาให้รสชาติที่แตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
  • สะท้อนความโหดร้ายของกองทัพเยอรมันและมิตรภาพอันแน่นแฟ้น
  • โปรดักชั่นที่ดีและยอดเยี่ยม
  • ดนตรีประกอบบิ๊วอารมณ์

Cons

  • หนังเนือยเป็นระยะ ๆ เพราะเล่าตัดสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
  • สร้างจากเรื่องจริง สะเทือนใจมาก ๆ ใครอ่อนไหวกับประเด็นนสำคัญในเรื่อง ควรข้ามไปจะดีกว่า

ADBRO

My Best Friend Anne Frank (แอนน์ แฟรงค์ เพื่อนรัก) ภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติเนเธอร์แลนด์ กำกับโดย เบ็น ซอมโบคาร์ต (จากภาพยนตร์ดราม่า “Twin Sisters” ที่เคยเข้าชิงออสการ์ในปี 2002) ดัดแปลงจากหนังสืออิงประวัติศาสตร์แอนน์ แฟรงค์ เด็กหญิงเยอรมันเชื้อสายยิว ที่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1942 เธอหลบซ่อนกองทัพของเยอรมันที่กวาดล้างชาวยิว และเขียนบันทึกก่อนถูกจับไปค่ายกักกัน บันทึกของเธอเป็นงานระดับโลกที่น่าจดจำ หนังได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวก ได้รับรางวัล Golden Film ประจำปีของเนเธอร์แลนด์ที่สร้างภาพยนตร์จนประสบความสำเร็จขายตั๋วได้ถึงแสนใบ ก่อนจะลงสตรีมมิ่งของเน็ตฟลิกซ์

 My Best Friend Anne Frank (2021) on IMDb

ตัวอย่าง My Best Friend Anne Frank (แอนน์ แฟรงค์ เพื่อนรัก)

รีวิว My Best Friend Anne Frank (แอนน์ แฟรงค์ เพื่อนรัก)

สร้างจากเรื่องจริงที่อาจมีการเติมแต่งผ่านตัวฮานนาห์ เพื่อนรักของแอนน์ แฟรงค์ ในปี 1942 มิตรภาพของสาวน้อยอย่างฮานนาห์และแอนน์ แฟรงค์ ที่มีความฝันและอนาคตที่กว้างไกลต้องจบสิ้นเมื่อการมาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้พลิกผันชะตากรรมของพวกเขาให้แยกจากกัน กองทัพเยอรมันได้บุกเข้ายึดและจับตัวฮานนาห์และครอบครัวไปไว้ที่ค่ายกักกันและทุกคนกลายเป็นเชลย และอาจกำลังจะถึงวาระสุดท้ายที่รอวันตายอย่างเดียว ฮานนาห์ มองชะตากรรมอันน่าสลดใจ สลับย้อนไปกับช่วงเวลาอันแสนสดใสในช่วงเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตและมีทุกสิ่งเป็นของตัวเอง ชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยความหวัง และเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างกาย คอยหยอกล้อ พูดคุย มีความสุขราวกับเหมือนมันไม่มีอะไรจะมาพรากพวกเขาได้ แต่เพราะมันเป็นอดีต ความทรงจำอันงดงามที่่อาจหลงเหลือไว้ในใจของฮานนาห์ในช่วงเวลาสุดท้ายของเธอ เมื่อเธอได้พบกับแอนน์ แฟรงค์อีกครั้งหลังจากที่เธอเชื่อว่าแอนน์หนีเธอไป แต่จริง ๆ แล้ว มันอาจเป็นวาระสุดท้ายที่หวนมาบรรจบ เพื่อสะสางสิ่งที่ค้างคาใจให้สิ้นสุด

หนังเล่าเรื่องสไตล์ดราม่าสลับสองช่วงเวลา ช่วงแรกเล่าเรื่องในช่วงที่แฮนนาห์ต้องเผชิญ กับอีกช่วงเล่าช่วงวันวานของแอนน์ แฟรงค์ หนังไม่ได้เล่าผ่านตัวละครที่คนทั่วไปรู้จักอย่าง แอนน์ แฟรงค์ แต่กลับกัน หนังนำเสนอภาพและมุมมองของแฮนนาห์ เพื่อนสนิทของเธอที่มีความหวังและมีความฝัน พร้อม ๆ กับแสดงภาพความโหดร้ายของกองทัพเยอรมันที่กวาดต้อนคนยิวเข้าไปในค่ายกักกันซึ่งน่าจะเป็นมุมมองใหม่ที่น่าสนใจ ในขณะที่ครอบครัวของเธอค่อย ๆ ปลดปล่อยความลับที่สั่นคลอนมิตรภาพของพวกเขา ก่อนที่หนังจะเล่าให้เห็นสภาพของคนเยอรมันในค่ายกักกันที่เราอาจจะเห็นมาแล้วในหนังทำนองนี้ เช่น เด็กชายในชุดนอนลายทาง แต่นี่คือมุมมองของเด็กสาวที่ต้องเข้าไปในสังคมทาสและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต และหนังก็แสดงความโหดร้ายแบบไม่ต้องมีความรุนแรง แต่ใช้สัญญะและการเล่าของภาพแทน ซึ่งมันชวนหดหู่ใจมาก เมื่อเรื่องนี้คืออ้างอิงจากประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลก 2 เราเห็นมุมมองของคนที่รอวันตายและแทบไม่มีความหวังจะใช้ชีวิต แต่หนังก็พยายามเล่าให้ก่อนหน้าเป็นช่วงเวลาคอเมดี้เล็ก ๆ และออกจะเนือย ๆ เพื่อไม่ให้โทนเรื่องหดหู่ จนกระทั่งช่วงท้ายที่หนังได้เฉลยบางอย่างและทำให้น้ำตาร่วง จนไม่อยากกลับมาดูอีกแล้ว ไม่ใช้เพราะหนังมันแย่ แต่หนังมันโหดร้ายกับชะตากรรมตัวละครของเรื่อง ที่อาจจะปรุงแต่งบ้าง แต่พอภาพรวมแล้ว ไม่แปลกใจเลยทำไมชาวเนเธอร์แลนด์ถึงเทใจให้หนังเรื่องนี้ในปี 2021 และผมก็ค่อนข้างประทับใจมาก แต่ก็คงไม่อยากดูอีกรอบ

ตัวละครถือว่าทำออกมาได้มีสีสัน มีชีวิต จิตใจ เพราะเป็นคนในประวัติศาสตร์จริง ๆ แม้จะมีบางอย่างที่เติมแต่ง ทั้งแฮนนาห์ ตัวละครเอกของเรื่องที่เป็นเหมือนคนนำพาเราไปพบกับเรื่องราวในช่วงชีวิตของเธอและแอนน์ แฟรงค์ ไต่ระดับจากคนที่สับสนในครอบครัวที่ให้เธออยู่ในกฏระเบียบกลายเป็นคนที่พลั้งพลาดทำเรื่องร้ายแรงจนเกือบสาย ทำให้เรารู้สึกทั้งหมั่นไส้ สมน้ำหน้า สงสารและเห็นใจ ในขณะที่แอนน์ แฟรงค์ ตัวละครที่ไม่ได้เป็นโฟกัสหลัก สาวก๋ากั๋นและค่อนข้างจะบ้าผู้ชาย แต่ก็ไม่ค่อยจะเก่งเรื่องปฏิเสธ มีความฝัน เธอมีมุมขี้เล่น มีมุมร่าเริง จนทำให้เราอดเวทนาชะตากรรมในช่วงท้ายที่เป็นภาพสะท้อนวาระชีวิตของเธอที่มากกว่าแค่บันทึกเล่มนึงอันโด่งดัง แต่สะท้อนว่าครั้งหนึ่งเธอและเพื่อนต่างก็เคยมีช่วงเวลาที่เหมือนคนทั่วไปก่อนที่เยอรมันจะมาทำลาย โดยมีครอบครัวเป็นตัวคอยขับเคลื่อนให้เห็นความวุ่นวายทั้งพ่อของเธอที่เหมือนวางแผนทุกอย่าง แม่ที่กำลังคลอดในช่วงกวาดล้างชาวยิว และกาบิ เด็กสาวตัวน้อยที่ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจชะตากรรมของตัวเอง หนังยังโชว์ความเลวร้ายของกองทัพเยอรมันได้โดยไม่ต้องทำอะไรมาก แค่พวกมันมา ทำท่าสั่ง ถือปืน และตะโกนโหวกเหวก วางหมาดและคุกคาม เราทั้งขนลุกและก็เคียดแค้นได้เวลาเดียวกัน อยากให้ทุกคนจำไว้ว่า กองทัพของเยอรมันตอนนั้นคือความชั่วร้ายที่กวาดล้างมนุษย์เพื่ออุดมการณ์อันน่าขยะแขยงอย่างไม่ละอายใจ

หนังสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของช่วงปี 1942 ช่วงเวลาที่ชาวยิวที่อาศัยอยู่ในเยอรมัน ไม่ว่าจะชีวิตดีแค่ไหน หรือยากดีมีจนยังไง ก็จะมีกองทัพของฮิตเลอร์เข้ามาประจำการ กวาดต้อนไปยังค่ายกักกันและใช้ให้ทำงานอย่างหนัก ใครที่ฝ่าฝืนหรือไม่ทำกฏจะถูกลงโทษจนถึงขั้นเสียชีวิต บางคนถูกทารุณกรรมเยี่ยงไม่ใช่มนุษย์ บางคนถูกกร้อนผม ให้ใส่ชุดเก่า ๆ และรวมตัวเข้าไปในห้องรมควันพิษจนเสียชีวิต เด็กสาวอย่างแฮนนาห์ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายอย่างเข้มแข็งและมีความหวัง เพื่อจะได้พบเจอกับเพื่อนอีกครั้ง มิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่แม้ผิดใจกันหรือพลัดพรากจากก็จะยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนไป หนังยังทำให้เห็นความพยายามของผู้ใหญ่ที่ดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาครอบครัวในช่วงเวลาอันเลวร้าย แม้ว่าจะต้องทำร้ายจิตใจลูกสาว แต่ก็เพื่อครอบครัว สะท้อนบทบาทของผู้หญิงที่เป็นเพียงเครื่องผลิตลูก และไร้ปากเสียงที่ต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชาย จนต้องโกหกไปเรื่อย ๆ ความไร้เดียงสาของเด็กสาวที่ไม่ได้เห็นโลกกว้าง หรือความโหดร้ายของกองทัพเยอรมันที่ทำกับชาวยิวเหมือนเป็นสัตว์ใช้ให้ทำงาน อยู่ในที่พักโทรม ๆ ไม่ให้ไปอาบน้ำ เพื่อห้องน้ำถูกใช้ในการรมควัน เชื่อว่ามันคงเป็นภาพของคนที่เหมือนรอวันตาย ที่แม้จะรอดชีวิตมาได้มันก็ยังจะฝังอยู่ติดตรึงไม่เลือนหายไป

ในส่วนของการถ่ายทำและโปรดักชั่นอาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาอะไรมาก เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำทั่วไปแบบยุโรป เพราะฉายที่โรงก่อนลงเน็ตฟลิกซ์ แต่การเซ็ตฉากของช่วงเวลานั้นทำออกมาได้ดี เห็นแล้วรู้สึกร่วม ทั้งเมืองแฟรงค์เฟิร์ตที่ดูมีชีวิตชีวา แต่ก็หมองหม่น กับค่ายกักกันที่มีแต่ความสิ้นหวัง และการตัดสลับเล่าเรื่องของโทนภาพที่ใช้โทนสีที่ต่างกัน ตอนอดีตจะเป็นสีหวานเหมือนวันวาน ตอนปัจจุบันเป็นดำเทาให้บรรยากาศหดหู่จนแทบไม่อยากดูต่อเพราะมันเต็มไปด้วยความรุนแรงและแทบจะไม่ประนีประนอมเลย การแสดงทุกคนแสดงได้ดีมาก เป็นธรรมชาติแถมแคสนักแสดง โยเซฟีน อาเรนด์เซน,ไอโค มิลา เบมสเตอร์บัวร์ในบทของแฮนนาห์ และ แอนน์ แฟรงค์ มาได้ใกล้เคียงจริงกับภาพจริง ทำให้เราเชื่อในมิตรภาพและสามารถเค้นอารมณ์ของทั้งสองให้เรียกน้ำตาในช่วงซีนอารมณ์ เคมีที่เรารู้สึกได้ว่ามันคือมิตรภาพที่แท้จริง ดนตรีประกอบที่บีบคั้นอารมณ์หัวใจ ถือเป็นงานดราม่าน้ำดีที่ทำออกมาได้มีลูกเล่นแบบไม่ได้ดีอะไรมาก แต่มันทำให้เรามีอารมณ์ร่วม เฝ้ารอและคาดหวังว่าทั้งคู่จะได้เจอกันเมื่อไหร่ และรู้สึกใจสลายเมื่อได้เห็นฉากที่ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งในเวลาที่หนังเดินไป

สรุป My Best Friend Anne Frank (แอนน์ แฟรงค์ เพื่อนรัก) สนุกและดีไหม?

ไม่สนุก เต็มไปด้วยความหดหู่และโหดร้ายต่อคนดูโดยไม่มีฉากโหด แต่เป็นหนังที่ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่งที่ตีแผ่ชีวิตของมิตรภาพของหญิงสาวสองคนได้อย่างงดงามและเจ็บปวดแบบหนังดราม่าทั่วไป ไม่ได้เข้าใจยาก มีปม มีอะไรให้ตามเล็ก ๆ น้อย ๆ แอบเนือยอยู่เป็นช่วง ๆ งานโปรดักชั่นอาจไม่เท่าไหร่ แต่บทสรุปที่เจ็บปวดใจสลายที่นักแสดงแสดงออกมาเป็นธรรมชาติ แต่ก็ยังทิ้งความหวังให้คนดูในได้เห็นแสงสว่างหลังจากเจอความสิ้นหวังมาทั้งเรื่อง อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังทำให้เราเห็นเลยว่ากองทัพเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันโหดร้ายยังไง แม้ไม่มีพากย์ไทย แต่ก็เป็นหนังที่ถ้าชอบแนวดราม่าเจ็บปวด หรือ ประวัติศาสตร์จริง ๆ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จะต้องชอบมาก ๆ แต่ถ้ามองหาหนังมิตรภาพเพื่อนรัก หนังก็ให้ได้ แต่เตรียมปวดใจในท้ายที่สุดไว้ให้ดีก็แล้วกันครับ เห็นแล้วก็หวังว่าประวัติศาสตร์อันแสนเศร้าแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเรารู้จักเรียนรู้ใหม่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ สร้างอนาคตที่สดใสแก่ลูกหลาน ให้เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าเชิดชู แต่จดจำไว้ไม่ให้เลือนหายเหมือนบันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ที่เหลือรอดจนมาถึงคนอ่านหนังสือทั่วโลกทุกวันนี้

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!