playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว One of us is lying สี่เกลอเจอฆาตกรรม จากวรรณกรรมขายดีสู่ซีรีส์สุดระทึก (ไม่สปอยล์)

สรุป

ซีรีส์วัยรุ่นสอบสวนน้ำดีที่ดูได้เพลิน ๆ ไม่มีอะไรหวือหวา แอบเนือยไปนิด แต่ได้การเล่าเรื่องที่ฉลาด หลอกไปหลอกมา การแสดงและเคมีของนักแสดงที่ลงตัวและเชื่อถือได้ ตัวละครที่น่าเอาใจช่วย โปรดักชั่นที่ดี ประเด็นวัยรุ่นอเมริกันที่ตีแผ่ออกมาแบบพอดิบพอดี ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ไปต่อในซีซั่นสอง

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การเล่าเรื่องผสมผสานแนวสืบสวนไฮสคูลอย่างลงตัว คาดเดายาก
  • ประเด็นของวัยรุ่นอเมริกันที่สะท้อนให้เห็นปัญหาของสังคมในอนาคต
  • ตัวละครน่าสนใจและติดตามทุกตัวละคร แม้จะทำอะไรให้ขัดใจอยู่บ้าง
  • นักแสดงหน้าไม่คุ้นหน้าแต่แสดงได้เป็นธรรมชาติทุกคน
  • โปรดักชั่นระดับภาพยนตร์ มุมกล้องแปลกตา
  • ดนตรีประกอบเพราะทุกเพลง

Cons

  • บางตอนนั้นมีแอบเนือยและน่าเบื่อเวิ่นเว้อไปหน่อย
  • ไม่ได้แปลกใหม่หวือหวาอะไร ค่อนข้างธรรมดาไปด้วยซ้ำในแง่ของความลึกลับ
  • การตัดสินใจของตัวละครที่แตกต่างจากต้นฉบับเพื่อปูทางไปยังซีซั่นสอง เป็นไปอย่างน่าขัดใจ

ADBRO

One of us is lying (ใครโกหก) ซีรีส์แนวลึกลับดราม่าวัยรุ่น ดัดแปลงจากวรรณกรรมขายดีของสำนักพิมพ์นิวยอร์กไทม์ชื่อเดียวกันของ คาเรน เอ็ม. แมคมานาส และเป็นหนังสือเล่มที่หนึ่งของไตรภาค One of us is lying, One of Us Is Next ,One of Us Is Back ที่ถูกแปลโดยสำนักพิมพ์ไทยในชื่อ บอกแล้วไงว่าไม่ได้ฆ่า สิ่งที่น่าสนใจเลยของซีรีส์เรื่องนี้คือสร้างโดย ดาริโอ มาโดรนา ผู้ร่วมสร้างวัยแสบฆาตกรรมสะเทือนสเปนในฐานะโปรดิวเซอร์ของซีรีส์ Elite และคนเขียนบทจึงไม่แปลกใจที่โครงเรื่องของซีรีส์จะมีกลิ่นอายคล้ายกับซีรีส์ของเขาก่อนหน้า เรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นทั้งสี่ที่ถูกกักบริเวณและต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยพัวพันในกลเกมฆาตกรรมในรั้วไฮสคูล หลังการตายปริศนาของนักเรียนในกลุ่มคนหนึ่ง โดยที่พวกเขาอาจจะเป็นฆาตกรซะเอง ซีรีส์นี้ฉายก่อนหน้าแล้วใน PEACOCK บริการสตรีมมิ่งค่าย Universal ก่อนจะลงให้กับเน็ตฟลิกซ์

 One Of Us Is Lying (2021) on IMDb

ตัวอย่าง One of us is lying (ใครโกหก)

เรื่องย่อ One of us is lying (ใครโกหก)

ในวันธรรมดาวันหนึ่งของเบย์วิลล์ ไฮ โรงเรียนมัธยมปลายในอเมริกา ที่มีเหล่าวัยรุ่นตามประเภทราวกับหนังยุค 90 คูเปอร์ หนุ่มนักกีฬาสุดฮอต แอดดี้ สาวสวยสุดแซ่บ บรอนวิน เด็กเรียนสุดเฉิ่ม เนท เด็กหัวขบถน่ารังเกียจ และ ไซม่อน หนุ่มเนิร์ดท่าทางไม่น่าไว้ใจ ถูกเรียกให้มารวมกันเพื่อกักบริเวณ แต่จากเรื่องทำโทษธรรมดาดันเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขา เมื่อมีใครบางคนในกลุ่มพวกเขาเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา และพลอยทำให้คนที่เหลืออยู่ถูกเพ่งเล็งให้เป็นผู้ต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่นั่นไม่แย่เท่ากับความลับที่ทั้งสี่คนต่างมีเก็บงำไว้กลับค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาบ่อนทำลายพวกเขาอย่างช้า ๆ ยกเว้นเสียแต่พวกเขาจะออกตามหาความจริงว่าใครเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังคดีฆาตกรรมและเรียนรู้ที่จะละทิ้งภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวย สู่การเป็นวัยรุ่นในแบบที่พวกเขาต้องการก่อนที่จะจบการศึกษา แต่ต้องทำโดยที่ไม่ให้ชีวิตพังเสียก่อน…หรือแม้แต่ไม่กลายเป็นฆาตกรโฉดในหมู่ผู้รอดชีวิต แต่เพราะความลับไม่มีในโลก สักวันพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า บางครั้งการมีชีวิตอยู่เพื่อปิดบังความจริงนั้นทรมานกว่าความตาย

รีวิว One of us is lying (ใครโกหก)

เรื่องราวบอกเล่าอย่างเชื่องช้าไปนิดในตอนแรก มีอะไรหลายอย่างที่เยอะอัด ๆ เข้ามาจนตามแทบไม่ทัน กระทั่งในช่วงจุดตัดสำคัญ ซีรีส์จึงค่อย ๆ พาเราไปสำรวจหลายสิ่งที่ถูกโยนเข้ามา ผ่านเหล่าตัวละครหลักที่มีบุคลิกภาพเหมือนหลุดออกมาจากหนังไฮสคูลยุค 90 แต่ที่แปลกคือ พวกเขาไม่ได้เป็นแบบที่เห็น ในแต่ละตอนจะมีการเล่าเฉลี่ยประเด็นและปมปัญหา สลับกับการสืบคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นและมันเชื่อมโยงยังไงในรั้วโรงเรียนมัธยม ซึ่งก็ไม่ได้ว้าวหรือแปลกแหวกแนวจากซีรีส์ที่สร้างจากวรรณกรรมก่อนหน้าอย่าง 13 Reasons Why ที่พูดถึงปัญหาของวัยรุ่นในสังคมอเมริกัน แต่สิ่งที่มันเด่นชัดคือการให้ความสำคัญในตัวละครในเส้นเรื่องมีความน่าสนใจและทำให้เราต้องติดตามและเดาว่าใครในหมู่ตัวละครเหล่านี้ที่โกหกเพราะเป็นคนร้ายซะเอง

แน่นอนว่าซีรีส์ก็มีการสืบหาเบาะแสผ่านกระบวนการสอบสวน สลับกับการออกตามหาความจริงในรั้วโรงเรียน ก่อนจะมีแฟลชแบ็คหลายมุมมองที่เฉลยออกมาได้ชวนเหวอพอสมควร ด้วยแรงจูงใจด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างที่อาจดูประหลาด แต่เพราะปมบริบทในเรื่องเรากลับเข้าใจและพร้อมจะไถลไปพร้อมกับมัน แม้ในช่วงท้ายการตัดสินใจเดินไปในทิศทางที่แตกต่างจากหนังสือโดยสิ้นเชิงอาจทำให้ใครหลายคนที่เป็นแฟน หรือต้องการเรื่องราวจบสมบูรณ์อาจไม่พอใจ แต่มันอาจจะเป็นการปูไปสู่เรื่องราวใหม่ที่แตกต่างและน่าติดตาม จนความระทึกจะถูกเน้นกับการโกหกไปโกหกมาในเรื่องราวเสียมากกว่าที่จะเน้นความโฉ่งฉ่างหรือขยี้อะไรมากมาย  เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นซีรีส์ที่พูดถึงวัยรุ่นได้เพลิน ๆ ไม่มีอะไรหวือหวาชวนว้าวแบบ Gossip Girl และยังมีความลึกลับแบบ Whodunit (สื่อแนวนวนิยายนับสืบ) ที่ไม่มีฉากโหด สยอง แต่ก็ทำให้ผู้ชมลุ้นไม่ติดเก้าอี้ได้เหมือนกัน

ตัวละครในเรื่องมีความน่าสนใจผิดคาดมาก เพราะนึกว่าซีรีส์วัยรุ่นจะทำตัวละครออกมาให้น่ารำคาญ แต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ ทุกตัวละครต่างมีปม มีความลับเป็นของตัวเอง มีการตัดสินใจหุนหันพลันแล่นแบบวัยรุ่นที่น่าเชื่อถือ มีด้านดีและด้านเสียที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวไปข้างหน้าและทำให้เราอยากรู้ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดไปได้ยังไง ไม่ว่าจะเป็น บราววิน เด็กเรียนหญิงเม็กซิกันที่ต้องแบกรับความสมบูรณ์แบบผ่านภาพลักษณ์มันสมอง เนท เด็กหัวขบถที่ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กมีปัญหาแต่เนื้อแท้มีจิตใจที่ดี แค่ตรงไปตรงมาจนโดนรังเกียจ คูเปอร์ เด็กหนุ่มผิวดำที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากพ่อที่ส่งให้เป็นนักกีฬา แอดดี้ สาวฮอตหุ่นสะบึมผู้มีแฟนหนุ่มสุดหล่อแต่ก็เก็บซ่อนความปรารถนาในใจลึก ๆ ไว้ ไซม่อน เด็กเรียนเก็บตัวที่ไม่ได้มีบทเยอะมาก แต่เป็นกลไกสำคัญของการดำเนินเนื้อเรื่อง เขาคือคนที่สังคมรังเกียจ จนผลักดันให้เขาต้องทำบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนในโรงเรียน ทั้งห้าตัวละครนี้คือตัวละครที่พาเราไปสำรวจความไม่สมบูรณ์แบบของวัยรุ่น พร้อม ๆ กับตัวละครสมทบที่มีปมเป็นของตัวเองอีกมากมายที่โผล่มาให้เราชี้ว่า คนนี้ใช่มั้ยฆาตกร หรือเป็นกลลวงที่ทำให้เราไขว้เขวว่าจริง ๆ ว่า 1 ในตัวละครหลักนี่แหละที่เป็นฆาตกร และมันได้ผลด้วย

ซีรีส์เรื่องนี้ได้รวบรวมปมปัญหาของวัยรุ่นในสังคมที่ต้องเผชิญกับการโกหก การหลอกลวง และความลับที่ต้องเก็บงำไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ หรือเรื่องพีค ทั้งการแบกรับความคาดหวังของคนรอบ ๆ ตัวในด้านการเรียน การกีฬา การเป็นตัวเองที่ผลักดันให้ตัวละครในเรื่องสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นตามแบบไฮสคูล แต่จริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น บางคนอาจจะต้องการเป็นตัวเองแต่สังคมไม่ยอมรับ ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ เพศสภาพ หรือแม้แต่ความปรารถนา และมันยังสะท้อนชนชั้นและวรรณะในโรงเรียนที่บีบบังคับให้คน ๆ หนึ่งทำในสิ่งที่ทำลายทั้งตัวเองและคนอื่นเพียงเพราะเชื่อว่าผู้คนควรจะจริงใจและซื่อสัตย์กับตัวเองมากกว่านี้ การกลั่นแกล้งรังแกกันในหมู่เพื่อน ซึ่งบางอย่างมันก็ถูกเชื่อมโยงกันผ่านสังคม

ความสัมพันธ์และความต้องการที่แตกต่างที่สามารถผลักดันให้คนคนนึงต้องตายทั้งที่ในบางครั้งมันอาจจะเป็นความผิดของทุกคนที่ทำร้ายเสแสร้งกันและกันจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังยากเกินจะแก้ปม แต่ในท้ายที่สุดแม้จะซื่อสัตย์และเปิดเผยความจริงได้อย่างบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าความลับคือสิ่งที่รักษาชะตากรรมของชีวิตคนคนนึง แม้จะทรมานแต่เมื่อมันเข้ามา ก็ต้องหาวิธีแก้ไขในทางเฉพาะหน้าด้วยตัวเอง เหมือนกับวัยรุ่นในเรื่องที่จะล้มคลุกคลานแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือกวิธีตอบรับกับปัญหาที่ต่างกันออกไป และในเมื่อสังคมไม่มีทางเลือกให้ พวกเขาก็ต้องใช้ทางเลือกที่พวกเขาสร้างเองและมันอาจจะไม่ได้ถูก 100 เปอร์เซนต์ แต่นี่คือสิ่งที่ซีรีส์นำเสนอ ทุกคนล้วนโกหก ล้วนจริงใจ แต่ชีวิตยังไงก็ต้องไปต่อ และรับมือกับผลที่ตามมา

ในส่วนของโปรดักชั่นก็ถือว่าแปลกกว่าเน็ตฟลิกซ์เล็กน้อยเพราะเป็นซีรีส์ที่ได้ย้ายมาจากอีกสตรีมมิ่งอย่างพีคค็อก โทนสีของภาพหลาย ๆ ฉากจึงดูมีความเป็นภาพยนตร์สมกับมาตรฐานสตรีมมิ่ง และมีมุมกล้องที่แปลกตาไปจากของเน็ตฟลิกซ์เอง และซาวนด์แทร็คเพลงที่เข้ากับโทนเรื่องของความเป็นซีรีส์วัยรุ่นในแต่ละตอน ในส่วนของนักแสดงอาจจะไม่ได้คุ้นหน้าคุ้นตานอกซะจาก แอนนาลิซา โคชเรน นักแสดงสาวจากซีรีส์กังฟูของเน็ตฟลิกซ์อย่าง Cobra Kai แต่ทุกคนที่แสดงทั้งหลักและสมทบล้วนแสดงเป็นธรรมชาติ ไม่มีใครโดดเด่นเกินหน้าเกินตา มีซีนเป็นของตัวเองแต่ไม่ได้เล่นดีอะไรมากนัก เพราะด้วยบทที่เหมือนเฉลี่ยให้อย่างเท่าเทียม ทุกคนจึงแสดงได้ดีแบบพอใช้ ทำให้เราเชื่อในตัวละคร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว้าวกับการแสดงสักเท่าไหร่ แต่เพลงประกอบถือว่าบิวต์อารมณ์ใช้ได้เลย

สรุป One of us is lying (ใครโกหก) สนุกและดีไหม

เป็นซีรีส์ที่สนุก น่าติดตาม หลอกไปหลอกมา และมีองค์ประกอบโปรดักชั่นที่ดีในฐานะซีรีส์วัยรุ่นแนวลึกลับดราม่า นักแสดงที่มีเคมีต่อกันและแสดงในระดับพอใช้ แม้ไม่คุ้นตา หรือในช่วงต้นกลางเรื่อง จะแอบเนือยไปบ้างตามประสาการวางเส้นเรื่อง รวมถึงพล็อตที่ไม่ได้หวือหวาแตกต่างจากซีรีส์ก่อนหน้า แต่ก็เป็นซีรีส์ที่น่าจะถูกใจคนคิดถึงบรรยากาศไฮสคูลที่แตกต่างไปจากแบบเน็ตฟลิกซ์ มีความดาร์ก มีประเด็นทางสังคมที่ดี งานที่มีคุณภาพไม่รู้สึกว่ามีตรงไหนที่แย่หรือไม่ดีจนรู้สึกเสียดาย นี่อาจเหมาะสำหรับคนที่อยากติดตามชีวิตวัยรุ่นไปพร้อม ๆ กับคดีฆาตกรรมที่ไม่ได้หนักหน่วงมาก แต่ดูจบแล้วคุณอาจจะอยากรู้เรื่องราวหลังจากนั้นเลยทีเดียว แต่สำหรับแฟนวรรณกรรมอาจจะต้องเตือนไว้ว่า คุณอาจรู้สึกไม่ชอบบทสรุปฉบับซีรีส์สักเท่าไหร่ เพราะมันฉีกไปอีกทางเลย เหมือนจงใจจะทำซีซั่นต่อไปยาว ๆ  ใครที่อยากดูซีรีส์สืบสวนดูได้เพลิน ๆ ผมก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ

SS2 มีต่อไหม มาเมื่อไหร่?

ตอนนี้ทาง Peacock สตรีมมิ่งเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ประกาศซีซั่น 2 ต่อแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากเรื่องราวบทสรุปที่จบลงซีซั่นนี้ ก็เหมือนจะปูไปยังเรื่องราวใหม่ที่น่าติดตามและฉีกไปจากฉบับหนังสือที่จบลงโดยสมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าการทำซีรีส์ บางครั้งก็ต้องฉีกแนวทางเพื่อเรียกเรตติ้งและความน่าสนใจที่แตกต่างออกไปจากต้นฉบับ ซึ่งกำหนดการคงฉายปี 2023 คงต้องรอการยืนยันอีกทีครับ แต่ยังไงก็น่าจะช้ากว่าหน่อยสำหรับลงสตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!