playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Resident Evil: Infinite Darkness จากวิดีโอเกมสุดระทึกสู่มินิซีรีส์สุดชะงัก จนไปไม่ถึงฝั่ง (ไม่สปอยล์)

สรุป

มินิซีรีส์สี่ตอนในจักรวาลเกมผีชีวะที่ใช้เวลาไม่คุ้มเท่าไหร่กับความยาวเรื่อง และเนื้อหาที่ค่อนข้างเดาง่ายแม้จะพอดูใช้ได้ก็ตาม แต่ด้วยการเล่าเรื่องและจังหวะของซีรีส์ที่ไม่ดี ตัวละครที่ไม่ทำให้รู้สึกอินกับปมต่าง ๆ ที่ค่อนข้างชวนสับสน แม้ประเด็นการเมืองของเรื่องจะน่าสนใจน่าคิดตามทางอุดมการณ์ก็ตาม แต่บทของตัวละครเฉลี่ยได้ค่อนข้างแย่โดยเฉพาะกับตัวละครหลักหญิง ซีรีส์ไม่ค่อยมีอะไรให้จดจำนอกจากงานภาพที่สวยงามและเสียงประกอบที่ดีให้อารมณ์ดื่มด่ำกับเรื่องราว และเสียงพากย์ที่ชัดเจนเอามาก ๆ คนเล่นเกมอาจไม่ชอบ แต่ก็ถือเป็นความพยายามอย่างทุลักทุเลที่จะพา RESIDENT EVIL ไปสู่เป้าหมายกลุ่มคนดูสตรีมมิ่งของเน็ตฟลิกซ์

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • เนื้อเรื่องใช้ได้ จริงจัง เข้มข้น มีให้ลุ้นหักมุมเป็นระยะ ๆ
  • ระบบเสียงของซีรีส์ทำได้ดีมากเช่นเดียวกับงานภาพที่สมจริง
  • ประเด็นทางสังคมและการเมืองให้ขบคิดตาม
  • เสียงพากย์ดีงามทั้งไทยและภาษาอังกฤษ
  • เดินเรื่องในจักรวาลเกม คนที่เล่นเกมน่าจะได้สัมผัสความคุ้นเคย
  • คนที่ไม่เคยรู้จัก RESIDENT EVIL มาก่อน ก็สามารถสนุกได้

Cons

  • การเล่าเรื่องและจังหวะของซีรีส์ไม่น่าสนใจพอ
  • ความยาวตอนที่สั้นเกินกว่าจะเป็นมินิซีรีส์
  • ปมของเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลชวนให้สับสนตาม
  • ตัวละครใหม่ไม่สนใจพอและกลืนบทบาทของตัวละครหลักไป
  • ยากที่จะเจาะกลุ่มคนทั่วไป ด้วยเนื้อหาที่ต้องการความเข้าใจในเกมระดับนึง

ADBRO

Resident Evil: Infinite Darkness (ผีชีวะ มหันตภัยไวรัสมืด) อนิเมชั่นซีรีส์ซีจีแนวสอบสวนระทึกขวัญดัดแปลงจากวิดีโอเกม RESIDENT EVIL ของแคปคอม มินิซีรีส์ 4 ตอน ความยาว 2 ชั่วโมงที่จะพาคุณไปดำดิ่งสู่มหันตภัยร้ายที่น่าสะพรึง พร้อมด้วยการเล่าเรื่องสุดเข้มข้น ตื่นเต้น และสยดสยองผ่านตัวละครหลักจาก RESIDENT EVIL 2 ลีออน เคนเนดี้ และ แคลร์ เรดฟิลด์ โดยเนื้อเรื่องนั้นเดินเรื่องหลังจากเกม RESIDENT EVIL 2, RESIDENT EVIL 4 และ ภาพยนตร์ซีจียาว RESIDENT EVIL: DEGENERATION โดยร่วมทุนกับเน็ตฟลิกซ์ในการสร้างเพื่อฉลองครบรอบ 25 ปี แฟรนไชน์ RESIDENT EVIL

 Resident Evil: Infinite Darkness (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Resident Evil: Infinite Darkness (ผีชีวะ มหันตภัยไวรัสมืด)

 

รีวิว Resident Evil: Infinite Darkness

Resident Evil: Infinite Darkness เล่าเรื่องในปี 2006 แคลร์ เรดฟิลด์ได้ผูกมิตรกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งระหว่างที่อยู่ในประเทศเปนัมสถาน เขาได้วาดภาพบางอย่างให้เธอได้เห็นและเชื่อมโยงกับเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต เธอจึงติดต่อลีออน เคนเนดี้ เพื่อนซี้หนุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ในขณะนั้นลีออนได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบขาวโดยประธานาธิบดีเกรแฮมต้องการให้สืบหาคนร้ายที่แฮ็กขโมยข้อมูลสำคัญของรัฐบาลสหรัฐ นำโดย เจสัน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฮีโร่แห่งเปนัมสถานจากเหตุการณ์สงครามกลางเมืองเมื่อปี 2000 เฉิน เหมย หญิงสาวชาวจีนหน้าตาสะสวยจากรัฐบาลที่เดินทางเข้าร่วม และ แพทริค ชายหนุ่มที่ไม่ชอบหน้าลีออนเพราะคิดว่าเขาเป็นเด็กเส้นของประธานาธิบดี แต่แล้วไม่นานทำเนียบขาวก็ถูกโจมตีโดยซอมบี้ที่บุกเข้ามา จนกระทั่งลีออนได้ค้นพบความจริงของภาพเหล่านั้น แต่ไม่ทันไรเขาก็ต้องเดินทางเพื่อค้นหาความจริงที่เซี่ยงไฮ้ เมืองจีน ตามที่ทางรัฐบาลสืบได้ร่วมกับทีมที่เหลือ ในขณะที่แคลร์เริ่มเชื่อมโยงเหตุการณ์บางอย่างในอดีตกับทฤษฏีสมคบคิดที่กำลังเกิดขึ้นเข้าด้วยกัน ทว่า ไม่ทันไรก็เกิดมหันตภัยร้ายที่จะทำลายความสงบสุขของโลกก็คืบคลานเข้าหาพวกเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นำมาซึ่งเหตุโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญที่จะพิสูจน์ความสัมพันธ์ของทั้งคู่

การเล่าเรื่องของซีรีส์เป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่อืด ตัดสลับกับการเล่าแฟลชแบล็คย้อนไปย้อนมา ใส่ดีเทลทีละเล็กทีละน้อยเป็นในสไตล์ของซีรีส์ในการเฉลยปม เนื้อเรื่องพอดูได้ แม้จะคาดเดาง่ายไปหน่อย มีจุดหักมุมเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ประหลาดใจเล่นซึ่งมันก็ใช้ได้ผลอยู่กับการเล่าเรื่องที่เลือกจะแบ่งเป็นพาร์ทย่อย ๆ ทั้ง 4 พาร์ท แม้จะไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แถมความยาวตอนก็สั้นมาก แค่ 20 นาที แล้วมี 4 ตอน ทำให้เราไม่ได้เห็นรายละเอียดอะไรมากเท่าที่ควร จะมีบ้างที่ความสัมพันธ์ของตัวละครจะถูกเน้นย้ำ แต่มันก็ดันเน้นไม่ถูกจุด จังหวะการเล่าเรื่องที่ไม่ค่อยเข้ากับการเป็นซีรีส์ และที่น่าโมโหกว่าคือบางปมและการเล่าเรื่องมันค่อนข้างตามเรื่องลำบากถ้าไม่ตั้งใจดูดี ๆ แถมการเฉลี่ยบทก็จะไม่มีปัญหาให้ด่าเลย ถ้าไม่ใช่เพราะบทตัวหลักอย่าง แคลร์ เรดฟิลด์ แทบไม่มีประโยชน์อะไรกับเนื้อเรื่องเลย นอกจากออกมาสืบเรื่องราวแล้วก็เจอเรื่องแย่ ๆ ในขณะที่ตัวลีออน สก็อต เคนเนดี้ได้ซีนตั้งแต่แอ็คชั่นยันดราม่ากระชากอารมณ์เรียกได้ว่าตัวละครเดินเรื่องจริง ๆ ก็คือลีออนนี่แหละ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่โกรธสุด ๆ เพราะแคลร์ก็เป็นตัวละครหลักที่โปรโมทเคียงข้างกับลีออนเหมือนกัน แต่เธอกลับมีซีนในเรื่องทั้ง 4 ตอน แทบไม่ถึงห้านาที และยังเจอแต่สถานการณ์ที่เหมือนจงใจให้เธอไร้ประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อซะงั้น จนแอบคิดว่าจะเอาเธอมาทำไมในเรื่อง ถ้าไม่ใช่ตอนท้ายที่เธอมีความสำคัญกับเรื่องราวจักรวาลในอนาคต

การเล่าเรื่องแถมด้วยบทสรุปของเรื่องก็ดูรวบรัดเกินไปหน่อย แม้จะมีความพยายามเล่าเรื่องให้จริงจังและน่าติดตามมากที่สุด โดยเฉพาะมันมีความยาวแค่ 4 ตอน 2 ชม. ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นการตลาดหรือการทดลองแนวทางใหม่ของ RESIDENT EVIL ซึ่งคอนเซปต์จากที่ดูตัวอย่างโอเค แต่พอมันจะใส่ใจในประเด็นมันดันแตะได้แค่ผิวเผินและเล่าเรื่องได้แค่ผ่าน ๆ  คนที่คาดหวังหนังยิงซอมบี้หรือสัตว์ประหลาดก็ยังมีให้เห็นให้รู้ว่ายังเป็น RESIDENT EVIL เพราะโทนเรื่องจะเป็นไปในทางการเมืองผสมสืบสวนมากกว่าการต่อสู้กับซอมบี้ หากไม่ใช่แฟน RESIDENT EVIL คุณอาจจะเฉย ๆ เลยก็ได้กับซีรีส์นี้ สำหรับการติดตามเรื่องราวซีรีส์ที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลเกม เพราะมันค่อนข้างจะแบนราบพอสมควร เมื่อเทียบกับพยายามจะทำตัวเองเป็นมินิซีรีส์ที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตาม แต่ 4 ตอนมันทำให้เรื่องไปได้ไม่สุด แถมไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้ตัวละครตัดสินทำในสิ่งสำคัญตอนท้ายเรื่อง ส่วนตัวแอบผิดหวังนิด ๆ เพราะรอดูมาตั้งนาน นึกว่าจะได้เห็นอะไรใหม่มากกว่านี้ หรือว่าจะมีซีซั่น 2 ต่อไปหรือไม่ก็ไม่ทราบเห็นเน็ตฟลิกซ์จั่วหัวว่าเป็นซีซั่น 1 แต่ตอนจบของเรื่องก็เหมือนจะไปเชื่อมกับเกมภาคต่ออย่างภาค 5 ซะมากกว่าตามที่เห็นใน Easter Eggs ท้ายซีซั่น

ตัวละครแต่ละตัวก็หล่อสวยเท่ในแบบฉบับ RESIDENT EVIL ลีออน เป็นตัวละครหลักชายของเรื่องที่เคยประสบกับเหตุการณ์ร้ายในอดีต โดยเขาได้เข้าไปสืบคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และถูกดึงให้ต้องตัดสินใจระหว่างความถูกต้องและความยุติธรรม แคลร์ ตัวละครหลักหญิงที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นนักข่าวตามหาเบาะแสผ่านทฤษฏีสมคบคิดและต้องต่อสู้กับอำนาจมืดเพื่อจะเปิดเผยความจริง เจสัน ชายที่มีปมปัญหาจากสงครามกลางเมืองที่ทำให้ชีวิตของเขาไม่ปกติอีกเลย เขาเป็นตัวแทนของภาพสะท้อนความกลัวของลีออนที่ทำให้ลีออนนึกถึงเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง เฉิน เหมย สาวชาวจีนที่มีมากกว่าความสวยที่เป็นกุญแจสำคัญของเรื่องที่นำพาลีออนไปค้นพบความจริงที่ซ่อนอยู่ ประธานาธิบดีผู้เป็นตัวแทนผู้นำของโลกในการหาทางแก้ปัญหาเรื่องความมั่นคง แต่น่าเสียดาย เมื่อความยาวมินิซีรีส์มันสั้นมาก เราจึงไม่สามารถอินกับตัวละครเหล่านี้มากพอ เพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวละครเหล่านี้ต้องรอดอยู่แล้ว  แถมซีรีส์ยังไม่ยอมเฉลยปมบางส่วนของเรื่อง คงคิดว่าจะทำออกมาเพื่อขายคนสมัครเน็ตฟลิกซ์ได้รู้จักจักรวาล RESIDENT EVIL แบบไม่ต้องเล่นเกมมาก่อน แม้ว่าจะพยายามใส่ Easter Eggs ให้รู้ว่าเนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในจักรวาลเกมก็ตาม

ในส่วนประเด็นถือว่ากล้าเล่นพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการเมืองที่หยิบนำเรื่องของการเมืองสหรัฐอเมริกามาผนวกกับเรื่องของจีน เรื่องอาวุธชีวภาพที่ถูกสร้างเพื่อเป็นกำลังในการรบราโดยมีประเทศที่ 3 ทางตะวันตตกในเรื่องอย่างเปนัมสถานเป็นสถานทดลอง ถ้าใครชอบทฤษฏีสมคบคิดเหล่านี้จะชอบมาก เพราะมันทำให้เราได้คิดตามหาคำตอบ และ ความจริงว่าเราควรจะเชื่อมั่นในรัฐบาลหรือเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเห็น ในซีรีส์เล่นเรื่องนี้ด้วยใช้การวางปมของเรื่องที่ผนวกกับจินตนาการเรื่องเชื้อไวรัสซอมบี้ที่ถูกพัฒนาเพื่อใช้ในการทางทหารและจะทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาทำสงคราม ในขณะเดียวกันคนที่ขายอาวุธชีวภาพเหล่านี้ก็จะร่ำรวยโดยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลอีกที เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกันไปมา แล้วประชาชนก็จะไม่มีทางรับรู้ความจริงหรือไม่หากรู้ก็จะถูกปิดปาก แต่ในขณะเดียวกันความกลัวนั้นก็ผลักดันให้คน ๆ หนึ่งสามารถทำเรื่องยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงเหมือนกับที่ตัวละครตัวหนึ่งใช้ความกลัวเป็นตัวขับเคลื่อนแผนการชั่วร้าย ในขณะที่อีกคนเลือกจะตามติดข้อมูลเพื่อสืบหาความเป็นจริงจนภัยมาถึงตัว แต่ก็ทำให้เขาได้เข้าใจโลกมากขึ้น หลังจากอยากจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่นจนรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้น และผลักดันตัวละครไปในทิศทางที่คาดไม่ถึง สะท้อนให้เห็นถึงควมเจ็บปวดของทหารผ่านศึกและคนที่ผ่านความเจ็บปวดในอดีตผ่านตัวละครต่าง ๆ และสุดท้ายแล้วเมื่ออุดมการณ์สวนทางกัน ก็ไม่อาจจะเดินในเส้นทางเดียวกันได้อีกต่อไป ทำให้นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกตอนนี้ทั้งในไทยและต่างประเทศ

ในส่วนของงานภาพต้องขอชมว่าสมจริงและสวยงาม มีรายละเอียดในทุกฉากและการเคลื่อนไหวที่เหมือนคนจริง ๆ ดูลงทุนเอามาก ๆ เพราะได้ทีม TMS ทีมอนิเมชั่นของญี่ปุ่นมาทำให้ เช่นเดียวกับดนตรีประกอบที่บิวต์อารมณ์เรื่องได้แม้เรื่องราวจะไม่ได้น่าลุ้นเท่ากับเพลงก็เถอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าดนตรีถูกประพันธ์ออกมาได้เข้ากับความเป็นซีรีส์และชวนให้นึกถึง RESIDENT EVIL เกมเก่า ๆ ที่มีดนตรีชวนให้ลุ้นระทึกแบบนี้ คิดว่าถ้าใส่หูฟังน่าจะดีกว่านี้ ในส่วนของเสียงพากย์ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทุกคนเข้ากับคาร์แร็คเตอร์ของตัวเองมาก ๆ โดยเฉพาะตัวละครหลักที่มีอินเนอร์เดิมของตัวละครในเกมหลงเหลือไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งเสียงพากย์ไทยที่คัดสรรมาอย่างดี หรือแม้แต่เสียงพากย์ภาษาอังกฤษที่ได้ทีมพากย์หลักจากเกม RESIDENT EVIL 2 รีเมคที่จะทำให้ทุกคนเหมือนได้ติดตามเรื่องราวของทั้งคู่จนจบ

สรุป Resident Evil: Infinite Darkness

เป็นซีรีส์ผีชีวะที่ร่วมทุนกับเน็ตฟลิกซ์เพื่อใช้เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีที่ไม่ดีเท่าที่ควร แม้พล็อตของเรื่องจะพอใช้ได้ในเรื่องประเด็นการเมือง การแสดงของตัวละครที่สมจริง เช่นเดียวกับงานภาพอนิเมชั่นระดับคุณภาพ และเสียงพากย์ที่ดีงามทั้งไทยและอังกฤษ แต่การแบ่งหั่นตอนและการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ไม่สอดคล้องกับความยาว 25 นาทีต่อตอนเลย ถ้าแบ่งตอนให้เยอะกว่านี้ ความยาวตอนสัก 40 นาทีมันจะดีมาก ๆ พอเป็นแบบนี้ข้อเสียหลัก ๆ จึงเป็นการเล่าเรื่องเร็ว รวบรัด การเล่าเรื่องที่เล่าแบบไม่บอกทั้งหมดจนตามแทบไม่ทัน ขาดฉากแอ็คชั่นหรือการบิวต์อารมณ์ในความสัมพันธ์ให้ลุ้นมากพอที่จะตอบสนองแฟนเกม แต่สำหรับคนที่อยากลองดูซีรีส์แนวทดลองแบบไม่รู้จัก RESIDENT EVIL มาก่อนก็อาจจะชอบอยู่ก็ได้ แต่ก็น่าผิดหวังที่ภาพลักษณ์ของมันดีมาก แต่มาตายเพราะความยาวของเรื่องแท้ ๆ จะข้ามไปเลย หรือจะดูฆ่าเวลาผมว่าก็สิทธิ์ของคุณแล้วล่ะ เพราะผมผิดหวังจริง ๆ กับการทำซีรีส์ที่ความยาวไม่เพียงพอต่อการนำเสนอเรื่องราวหรือปมที่น่าสนใจในจักรวาล RESIDENT EVIL

ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์ 

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

 

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ