รีวิว Stuck Together (Netflix) ติดแหง็กป่วนก๊วนหอฝรั่งเศส (ไม่สปอยล์)
Stuck Together
สรุป
หนังตลกฝรั่งเศสเรียบง่ายจากเน็ตฟลิกซ์ ที่หยิบนำเรื่องของไวรัสโควิดเป็นโอกาสในการสร้างเรื่องราวความหรรษาและบันเทิงของมนุษย์ช่วงกักตัวจากโรคระบาดแบบไม่หดหู่ ด้วยการเขียนบทที่กลมกล่อม พร้อมไปด้วยหลายรสชาติ และการแสดงที่เป็นธรรมชาติของนักแสดงเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมการถ่ายทำแบบสไตล์สารคดีผสมหนังอินดี้ที่ดูดีและน่าติดตาม พร้อมประเด็นขบคิดหลังดูจบ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- เรื่องราวแสนหรรษาแต่ไม่เวอร์วัง
- มีหลายรสชาติทั้ง ตลกจิกกัด โรแมนติก ดราม่า สืบสวน
- การแสดงที่เป็นธรรมชาติของนักแสดงทุกคน
- บทที่สามารถทำให้ทุกเรื่องขมวดเป็นเรื่องเดียวอย่างสวยงาม
- การถ่ายทำและโปรดักชั่นภาพที่ดูดี
- ประเด็นสังคมชวนให้ขบคิด
- สะท้อนความจริงของสังคมช่วงโควิดระบาด
Cons
- เรื่องราวค่อนข้างธรรมดา เพราะหยิบนำช่วงกักตัว
- มุกตลกมีแป้กเยอะ ที่ฮาส่วนใหญ่มาจากการแสดง
- การเล่าเรื่องเรื่อย ๆ ไปหน่อยทำให้แอบเบื่อเล็กน้อย
Stuck Together (ล็อกดาวน์ป่วนบนตึกเลขที่ 8) ภาพยนตร์ตลกดราม่าสัญชาติฝรั่งเศส ที่หยิบนำเรื่องราวใกล้ตัวมนุษย์ที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อโควิดระบาดทำให้ทุกคนต้องกักตัว เกิดแนวทางที่หนังสมัยนี้เลือกจะหยิบมาเล่าในมุมมองที่แตกต่างตามวิสัยทัศน์และความสามารถ ทั้งระทึกขวัญ ดราม่า สยองขวัญ แต่นี่คือเรื่องราวแสนตลกหรรษาแต่ไม่ได้มีดีแค่ฮาที่เกิดขึ้นในมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศสจากฝีมือกำกับและเขียนบทของ ดานี บูน และ โลรองซ์ อาร์เน เพื่อนนักแสดงตลกชื่อดังจากฝรั่งเศส และรับบทนำในเรื่องด้วย ไอเดียสร้างสรรค์นี่เองที่ทำให้เน็ตฟลิกซ์ต้องซื้อมาฉายสตรีมมิ่งในที่สุด
ตัวอย่าง Stuck Together (ล็อกดาวน์ป่วนบนตึกเลขที่ 8)
รีวิว Stuck Together (ล็อกดาวน์ป่วนบนตึกเลขที่ 8)
ปี 2021 มนุษย์ได้เผชิญหน้ากับสงครามครั้งใหญ่ที่โลกไม่เคยได้เตรียมรับมือ เชื้อไวรัสโคโรน่าได้เข้าระบาดกลืนกินโลกทั้งใบ รวมทั้งในปารีสที่ทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสออกประกาศให้ประชาชนต้องกักตัวในเคหะสถานและต้องมีการรับรองหากจะทำการออกเดินทางออกนอกสถานที่ ทำให้ตึกเลขที่ 8 อพาร์ตเมนต์ที่ถูกปล่อยเช่าโดย ครอบครัวผู้ร่ำรวยและเห็นแก่ตัวจึงต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถเอาชีวิตให้รอด แต่เมื่อความตื่นตระหนกและความกลัวเข้าครอบงำครอบครัวที่แสนอบอุ่นที่มีหัวหน้าผู้เตรียมพร้อมจนแทบเข้าขั้นเพี้ยน เมื่อเขารู้ว่ามีคนในตึกติดเชื้อโควิดอยู่ในโรงพยาบาล ปฏิบัติการเว้นระยะห่างจึงเริ่มขึ้นด้วยความวายป่วงแต่ในขณะเดียวกันมันจะดึงมนุษย์ผู้สิ้นหวัง และ มีหวังให้มาร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อรวมพลังสู้ภัยโควิดด้วยสายสัมพันธ์อันแสนอบอุ่นหัวใจในความหมายของ เพื่อนร่วมโลก
เรื่องราวก็เรียบง่าย ค่อนข้างจะเป็นแนวซิทคอมเล่าเนือย ๆ เรื่อย ๆ ไม่ได้ฮาเวอร์วังอะไร ด้วยพล็อตการเล่าเรื่องแบบฝรั่งเศสที่กระจายโฟกัสระหว่างตัวละครทำให้หนังมีอะไรมากกว่าการกักตัวเยอะมาก มันทำให้เรานึกถึงตอนช่วงที่โควิดระบาด และในหนังก็ตีความออกมาอย่างสุดโต่งในแบบหนังตลกซึ่งความตลกส่วนใหญ่จะเป็นการจิกกัดสังคมของคนในสังคมโควิด คำพูดการกระทำ ที่เห็นแล้วก็คิดว่าคนทั่วไปอย่างเรา ๆ คงไม่ได้เพี้ยนสุดโต่งขนาดทำแบบตัวละคร สะท้อนให้เห็นว่าช่วงโควิดมันทำให้ตัวละครไม่ไว้ใจกัน ต้องการแค่มีชีวิตอยู่ เราติดหรือยังนะ หรือยังไม่ติด จนกระทั่งมีตัวแปรง่าย ๆ ที่ยิ่งกระตุ้นความไม่ไว้ใจไปอีก เมื่อมีคนติดโควิดในหอ ทำให้คนเริ่มต้องหาทางปรับตัวของตัวเอง ซึ่งก็จะมีพล็อตหลายแบบ หลายมิติมากตามลักษณะตัวละคร ตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่ ไปจนถึงสัตว์เลยทีเดียว เรียกว่าได้เห็นชีวิตของคนช่วงโควิดระบาดได้หลายแบบ แต่หนังก็ยังสามารถขมวดปมให้ทุกอย่างมาลงตัวกันได้ แถมยังไม่วายมีการวางบทสรุปแบบโลกแห่งความจริง และหม่นหมองเล็ก ๆ ผิดกับหน้าหนังด้วย เซอร์ไพรส์สุด ๆ
ตัวละครในเรื่องเป็นกลุ่มคนที่อยู่รวมตัวกันในหอ เพราะไม่มีตัวละครไหนเด่นเป็นพิเศษ แต่เดินเรื่องเป็นกลุ่ม ๆ มากกว่าซึ่งแปลกดี ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวคนรวยที่เห็นแก่ตัวที่เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเงินและเป็นแบบอย่างให้ลูกทำตาม แม้กระทั่งทอดทิ้งคนในช่วงเดือดร้อนและขอบคุณโรคระบาดที่ทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์จนกระทั่งพวกเขาได้รับบทเรียนจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ครอบครัวที่ดูธรรมดาสามัญที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ปลูกผัก ปรับตัว จะมีคนในครอบครัวที่หวาดระแวงตลอดเวลา ถึงขั้นไล่คนในครอบครัวออกไปอยู่ข้างนอก หรือไม่ยอมทำตามที่รัฐบาลสั่ง จนตัวเองต้องเดือดร้อนเพราะความสุดโต่ง เรื่องของคู่รักที่ใช้ชีวิตติดแหง็กกับโซเชี่ยล ไม่ว่าจะถ่ายคลิปหรือร้องเพลงไปเรื่อย ใช้โควิดคว้าโอกาสใหม่ ๆ เรื่องของคนแก่ที่ใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยเพราะตัวเองไม่มีงานทำ จนกระทั่งได้เด็กรุ่นใหม่มามอบความหวังในการใช้ชีวิตใหม่ให้ หมอสองประเภทที่คนนึงต้องการทำวัคซีนโดยการทำทุกอย่างแม้จะผิดจรรยาบรรณ หรือ หมอผู้เฉยชายอมตีตัวห่างจากผู้คนเพื่อจะได้ไม่ต้องมอบความเสี่ยงจากการคลุกคลีกับคนป่วย ครอบครัวที่มีบุคคลป่วยต้องพยายามดิ้นรนใช้ชีวิตให้ปกติท่ามกลางความเศร้าและจิตใจที่เศร้าหมองไม่ลงตัว ซึ่งหนังก็กระจายให้ทุกกลุ่มมีซีน แถมมีหลายรสชาติ ทั้งดราม่า โรแมนติก คอเมดี้ อบอุ่นหัวใจ กลมกล่อมสุด ๆ ด้วยพล็อตที่ไม่ต้องพยายามเล่นใหญ่อะไร แค่สะท้อนชีวิตมนุษย์ช่วงโควิด หนังก็สอบผ่านแล้ว
ประเด็นของเรื่องก็ค่อนข้างไม่เข้าใจยาก สังคมมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากเราหันมาเห็นใจซึ่งกันและกัน สังคมก็จะดีขึ้นมาได้ ในช่วงโควิดนั้นมีคนหลายรูปแบบทั้งดีและไม่ดี ทั้งจ้องจะฉกฉวยและทอดทิ้ง เราก็แค่รู้จักแบ่งปันเป็นที่พึ่งให้แก่กัน โควิดก็ทำอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป และไม่เมินเฉยจนเกินไป รู้จักแบ่งปัน รู้จักช่วยเหลือ ที่สำคัญคือถ้ามีกฏหมายข้อบังคับอะไรเกี่ยวกับโรคก็ควรให้ความสำคัญ ไม่ฝ่าฝืนและอย่าอะไรเกินตัว เพราะคนที่เจ็บปวดก็คือตัวเราเป็นคนทำ เราต้องอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายและใช้ชีวิตให้ทุกวันมีความหมาย เพราะบางครั้งชีวิตก็หายวับไปได้ในชั่วพริบตา เราอาจจะเคยเห็นคนคนหนึ่งในชีวิต วันต่อไปเขาอาจจะหายไป หรือตายจาก เราก็ต้องเข้มแข็งไว้ให้มาก ๆ เพราะมนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อสู้ เกิดมาเพื่อพยายาม ไม่ใช่ไหลตามสังคมที่เป็น เราต้องอยู่ร่วมกับธรรมชาติ อยู่กับสิ่งที่เป็น
นักแสดงของเรื่องเป็นธรรมชาติทุกคน เล่นถูกจังหวะตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ด้วยความที่หนังมันพล็อตไม่มีอะไร เป็นชีวิตประจำวันของผู้คน ยกเว้นบางคนอย่าง เดนี บูนที่เขียนบทและกำกับให้ตัวเองเป็นพ่อคนที่ตื่นตระหนกเรื่องโควิดจนทำให้คนในสังคมตีตัวออกห่าง เขาต้องเล่นแบบที่คนทั่วไปไม่กล้าเล่น และเขาก็ตีบทแตกมาก ทั้งน่ารำคาญ และน่าสงสาร แถมแต่ละฉากที่เขาเล่นก็ตลกแทบจะทุกฉาก ในขณะที่ โลรองซ์ อาร์เน ในบทภรรยาที่ต้องรับบทดราม่ามากกว่าตลกที่ต้องพยายามแบกรับปัญหาที่สามีเป็นคนก่อ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัวและคนในหอ แต่พอจะรั่วก็รั่วแหลกไม่แพ้สามีเลย อีกอย่างที่ต้องขอชมคือหนังมีการถ่ายภาพและโปรดักชั่นที่ดูไม่ได้ลงทุนมาก แต่ก็ดูดี สวยงามทั้งภาพ แสงสี และบรรยากาศ การถ่ายทำแบบสไตล์สารคดีผสมหนังอินดี้ที่ดูดีและน่าติดตาม สามารถถ่ายทอดสังคมของคนปารีสช่วงโควิดได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้ส่งเสริมการเล่าเรื่องอะไร เพราะบทมันก็ค่อนข้างธรรมดา จะแปลกใหม่ก็ตรงการเล่าเรื่องที่กระจายตัวละครได้หลายมุมมองนี่แหละ
สรุป
ล็อกดาวน์ป่วนบนตึกเลขที่ 8 คือภาพยนตร์ตลกแต่แอบมีกลิ่นดราม่าแบบโลกแห่งความจริง เป็นภาพสะท้อนของสังคมมนุษย์ในช่วงที่มีการระบาดของโรคร้าย ด้วยโทนเรื่องเบา ๆ สบาย ๆ มีหนักช่วงท้ายเล็ก ๆ ให้ไม่รู้สึกไม่หดหู่ตามสังคมโลกปัจจุบัน แต่ยังมุ่งมอบความบันเทิง ความหวัง มอบชีวิต สายสัมพันธ์ที่มีร่วมกัน และมิติของผู้คนในหลายรูปแบบตั้งแต่ปกติไปจนถึงเพี้ยน โดยไม่พยายามทำให้มันดูสวยงามหรือดูดีกว่าที่ในโลกความจริงเป็น ตัวละครในเรื่องคงไม่ได้สุดโต่งแบบนี้ในโลกแห่งความจริง เรื่องราวที่เล่าออกมาแบบไม่ต้องฝืนพยายามเล่นประเด็นใหญ่ ๆ แต่ติดดินและเข้าถึงคนง่าย และการแสดงที่ดีหมดทุกคน แม้หนังจะค่อนข้างเรื่อย ๆ เปื่อย ๆ แต่มุกตลกก็สามารถทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายในช่วงเวลาที่โลกทั้งใบกำลังเครียดภายในเวลากว่าสองชั่วโมงที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวมากมายแต่เป็นหนึ่งเดียว ก็ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับหนังฝรั่งเศสเรื่องนี้ แนะนำครับ
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์