รีวิว The Father Who Moves Mountains (Netflix) ภารกิจช่วยเหลือสะเทือนใจคนเป็นพ่อ (ไม่สปอยล์)
The Father Who Moves Mountains
สรุป
ภาพยนตร์ดราม่าระทึกขวัญที่ใช้ภูเขาหิมะบอกเล่าความรู้สึกอันซับซ้อนของมนุษย์ผ่านการแสดงอันนิ่งเฉียบและทรงพลัง สะท้อนความมุ่งมั่นและความสิ้นหวังที่ลงตัว หนังอาจจะเนือยไปบ้าง เพราะด้วยการปูเรื่องและมุมกล้องเนิบนาบที่แช่ภาพในฉากสำคัญมากกว่าจะใช้ฉากระทึกขวัญ เพราะสิ่งที่ระทึกที่สุดคือจิตใจของมนุษย์ที่ถูกขุดขึ้นจากผลกระทบของการกระทำ และนำไปสู่ชนวนของเรื่องราวที่จะตรึงผู้ชมอย่างอยู่หมัด
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- การแสดงนิ่งสงบแต่ทรงพลังของนักแสดงนำและนักแสดงรอง
- เรื่องราวที่เปี่ยมด้วยอารมณ์ที่มีหวังและสิ้นหวังตลอด
- ดนตรีประกอบที่กดให้อยู่กับอารมณ์ของเรื่องราว
- มุมกล้องเนิบนาบแต่มีนัยยะของตัวละครหลัก
- ทิวทัศน์อันสวยงามของภูเขาหิมะที่ถ่ายออกมาได้สวยและน่าพิศวง
- ตัวละครมีความน่าสนใจและมีมิติ ปมของตัวเอง
- ประเด็นสังคม ปัญหาครอบครัว และการจัดการกับความจริง
Cons
- สูตรสำเร็จหนังภารกิจช่วยเหลือ ไม่ได้ขายความระทึกแบบที่ตัวละครเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
- มีหลายช่วงที่เน้นอารมณ์ตัวละครและสภาพแวดล้อมรอบ ๆ จนค่อนข้างเนือย
The Father Who Moves Mountains ภูเขามิอาจขวางกั้น (ชื่อภาษาโรมาเนีย: Tata mută munții) ภาพยนตร์ดราม่าสัญชาติโรมาเนีย-สวีเดนที่บอกเล่าบรรยากาศอันหนาวเหน็บและเยือกเย็นบนภูเขาหิมะที่สูงชันและอันตรายซึ่งแทนความมืดมิดในใจของมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงแสงสว่างโดยเนื้อเรื่องที่บีบคั้นอารมณ์และสะเทือนใจ กับภารกิจไร้หวังของอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่เสี่ยงเดิมพันทุกสิ่งเพื่อช่วยเหลือลูกชายของภรรยาเก่าที่มีปัญหากับเขาก่อนจะหายตัวอย่างลึกลับระหว่างการปีนเขาจนคนเชื่อว่าเขาน่าจะตายแล้ว ท่ามกลางสภาพอากาศที่โหดร้ายของหิมะและความจริงอันเจ็บปวดของชายคนนี้ก็ค่อย ๆ เผยออกมาโดยมีภูเขาเป็นตัวกระตุ้น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้าร่วมการประกวดใน Shanghai International Film Festival ครั้งที่ 24 ปี 2021 เมื่อเดือนมิถุนายน และได้รับคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์ในแง่บวก ก่อนที่หนังจะถูกซื้อมาฉายในเน็ตฟลิกซ์ มีแค่ซับไทยและซาวด์แทร็ค
ตัวอย่าง The Father Who Moves Mountains ภูเขามิอาจขวางกั้น
รีวิว The Father Who Moves Mountains
มีร์ชา จิอานู อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองโรมาเนียที่กำลังจะมีข่าวดีกับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อย่างพอลล่า แต่แล้วข่าวร้ายก็ส่งตรงถึงบ้านเมื่อตำรวจท้องถิ่นได้แจ้งว่าลูกชายของภรรยาเก่าของเขา คอสมิน ที่ไม่ได้คุยหรือติดต่อกันเป็นเวลานานได้หายตัวไประหว่างทริปปีนเขากับแฟนสาวบนภูเขาหิมะที่สวยงามและน่ากลัว เขาจึงต้องละทิ้งทุกอย่างทั้งความสุขและเงินตราเพื่อออกตามหาลูกชายที่เขาหวังว่าจะได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีหลังจากที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้ไปสวย นั่นทำให้ชีวิตของเขาได้พัวพันกับ อลิน่า ภรรยาเก่าที่สภาพวิกลจริตอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอเป็นเวลานาน และพยายามจะขอให้เขาตามหาลูก เขาตัดสินใจลงพื้นที่ร่วมกับทีมปีนเขาที่นำโดย คริสเตียน ออกทำภารกิจที่เสี่ยงตายและยากที่ประสบความสำเร็จ ทั้งสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงโอกาสตามหาลูกชายของเขา และค่อย ๆ สร้างรอยร้าวให้กับทีมค้นหามากขึ้น เมื่อความหวังเริ่มเลือนลาง มีร์ชาจึงต้องตัดสินใจว่าความรักของคนเป็นพ่อจะมากพอที่จะสั่นคลอนภูเขาให้เปิดทางเขาไปสู่ความจริง หรือเป็นความสิ้นหวังที่ดำดิ่งและไร้ทางออก
เรื่องราวเริ่มอย่างเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนตัวละครได้รับข่าวที่ชวนช็อคและตัดสินใจลงพื้นที่ช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันที่ที่จะทำภารกิจ เขาต้องเจอกับความคิดเห็นมากมายจากคนรอบ ๆ ที่ทำให้เขาแยกไม่ออกระหว่างความหวังและความเพ้อฝัน ก่อนหนังจะค่อย ๆ เปิดเผยปมตัวละครที่ชวนให้ขบคิดว่าเพราะอะไร และทำไมเขาถึงต้องทุ่มเทเพื่อตามหา แม้จะไม่ชัดเจน แต่ด้วยตัวละครรอบ ๆ ตัวที่พร้อมสนับสนุนเขาและตัวละครที่พร้อมจะขัดขวาง ทั้งธรรมชาติที๋โหดร้ายและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถือว่าไม่ได้แตกต่างจากหนังช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่พยายามเล่นเรื่องของดราม่าระทึกทางจิตใจและความรู้สึกที่ซับซ้อนมากกว่าการประเคนใส่ฉากภัยพิบัติหรือความระทึกแบบกายภาพที่แข่งขันกับเงื่อนไขทั้งเวลาและสภาพอากาศ เพราะเอาเข้าจริง หนังให้ความสำคัญกับตัวละครหลักและภูเขาเป็นเหมือนสถานที่ให้ตัวละครได้สำรวจความคิดของตัวละคร ก่อนจะค่อย ๆ ประเคนฉากสะเทือนอารมณ์แบบไม่ฟูมฟายแต่ชวนให้ใจสลาย แม้หนังจะพยายามทำให้สถานการณ์ดูมีความหวัง แต่หนังก็ไม่เคยให้มันจริง ๆ มีแต่จะทำให้เรารู้สึกดิ่งไปพร้อมกับตัวละครกับเรื่องราวที่มีกราฟเดียวคือดราม่าปนขายฝันเหมือนจะเป็นแรงบันดาลใจแต่ทั้งหมดก็เป็นแค่ความว่างแปล่า ซึ่งส่วนนี้ถึงเป็นจุดเด่นมาก เพราะอารมณ์ของตัวละครมันก็จะอึน ๆ ไม่มีความสุข และติดอยู่กับความรู้สึกมากมายที่สลัดไม่ออกแม้กระทั่งหนังจบ
ตัวละครของเรื่องนั้นต่างมีปมของตัวเอง มีร์ชา ชายเพิ่งเกษียณที่เบื้องหน้าช่วงแรกเขาดูมีความสุขและไม่มีปัญหาอะไร ทำตามคำสั่งราวกับสุนัขที่เชื่องต่อเจ้านายก่อนจะเกษียณ ก่อนที่ความจริงที่โหดร้ายเกี่ยวกับลูกชายจะฉุดรั้งเขาให้ติดอยู่กับภูเขาที่เป็นต้นเหตุของการหายตัวไปอย่างลึกลับ และเผยให้เห็นความผิดพลาดและความเศร้าภายในตัวที่มีต่อภรรยาเก่า และลูกชาย พอลล่า ภรรยาใหม่ของมิแชร์ที่คอยสนับสนุนมิแชร์และพยายามจะให้เขาเลิกหมกหมุ่นกับการทุ่มเทมากเกินไปในการตามหาลูก เมื่อมองไม่เห็นความหวัง และกลายเป็นความขัดแย้งกับมีร์ชาในเวลาต่อมา ในขณะที่ตัวแปรของมีร์ชากลับเป็น อลิน่า ภรรยาที่สภาพร่างกายไม่ดีและได้รับผลกระทบจากการกระทำของมีร์ชาและเป็นสาเหตุให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอจบลงในอดีต และกลายเป็นที่พึ่งกับมีร์ชา ด้วยความรู้สึกผิดและโทษทุกอย่างจนกลายเป็นความกดดันต่อครอบครัวแฟนลูกชาย คริสเตียน หัวหน้าหน่วยปีนเขาที่ไม่เชื่อว่าสิ่งที่มีร์ชาทำจะสามารถช่วยเหลือใครได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือคนอื่น และทำให้อุดมการณ์ของเขาสวนทางกับมีร์ชา ซึ่งตัวละครจะต่างมีความสำคัญในการสร้างผลกระทบกับตัวมิแชร์อย่างมาก และทำให้ตัวละครต้องจมดิ่งอย่างสิ้นหวังในระหว่างที่มองหาความหวังที่แทบไม่มีเหลือเลยในสภาวะดังกล่าวจนแทบละทิ้งทุกอย่างแม้แต่ความสุข เพื่อภารกิจที่สั่นคลอนทั้งภูเขานี้
ประเด็นของเรื่องคือ การทุ่มเทอะไรในสิ่งที่สายไป มันก็คือความสูญเปล่า ไม่ว่าจะด้วยความรู้สึกใด ๆ ก็ตาม เราควรจะทุ่มเทกับมันตั้งแต่ที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่มาร้องขอโอกาสในตอนที่ไม่มีแล้ว เพราะสุดท้ายก็มีแต่ความสิ้นหวังและโหยหาอันไม่สิ้นสุดและมีแต่จะบั่นทอนจิตใจไปเปล่า ๆ ไม่ว่าจะมีกำลังใจหรือความหวังใด ๆ ก็ตาม การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นก็คือสิ่งที่ควรทำ ยิ่งพยายามหลอกตัวเองว่ามีหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสิ้นหวังมากเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันการทุ่มเทต่อไป แม้จะไม่ประสบภัยอาจจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ใหม่ที่น่าสนใจ ที่พอจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่น บางครั้งมนุษย์ก็ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติ และคนเรามาถึงคราวตายก็คือแค่นั้น ไม่มีปาฏิหารย์ ไม่มีศาสนาหรืออะไรจะเยียวยาความหวังได้นอกจากตัวเราเอง และสุดท้ายจิตใจของมนุษย์บางครั้งก็ลึกลับราวกับยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมดู แต่บางครั้งมันก็ตื้นเขินเหมือนก้นภูเขาที่รอวันที่จะถูกถูกขุดค้นความรู้สึกที่แท้จริงออกมาแค่นั้น นอกจากนี้ยังสะท้อนสังคมของคนที่ไม่เกี่ยวแต่พยายามจะนำเสนอความเจ็บปวดของผู้ประสบภัยเพื่อเรตติ้งและความนิยม
สำหรับนักแสดงต้องยกให้ อาดรีอัน ติเตียนิ ที่รับบท มีร์ชา พ่อคนผู้ทุกข์ทนกับความเจ็บปวดในทุกย่างก้าวที่ต้องเจอกับแรงกดดันทั้งจากสังคมและคนรอบตัวที่มองว่าเขางมงายและทุ่มทุกอย่างไปอย่างสูญเปล่า สีหน้าท่าทางของเขาตั้งคำถามกับคนดูให้สงสัยว่าเขาคิดอะไรอยู่ และความขัดแย้งที่เขาแสดงออกมาผ่านสีหน้าและคำพูดถือว่าเยือกเย็นและสะกดอารมณ์ความมุ่งมั่นของเขาให้ตรึงตามว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เขาจะทำได้มั้ย ในขณะที่บทตัวละครสนับสนุนอย่าง พอลล่าที่นำแสดงโดย เอเลนา ปูเร และ อลิน่าที่นำแสดงโดย ยูดิธ สตาเต ผู้เป็นภรรยาใหม่และเก่าที่ต่างกัน แต่มีสิ่งที่มีร่วมกันคือ ได้รับผลกระทบจากการหายตัว พวกเธอทำหน้าที่คอยสนับสนุนเป็นอย่างดีให้กับตัวอาดรีอัน ทั้งในแง่คนคอยโอบรับอารมณ์ของ มีร์ชา และความขัดแย้งที่หนังสร้างขึ้นทั้งความสัมพันธ์และความเชื่อที่สวนทางกัน ในขณะที่วาเลริอู อันดรียูเทอ ในบทคริสเตียน หัวหน้าปีนเขาที่ขัดแย้งและไม่เคยเชื่อมั่น ซึ่งคาดเดาเขาไม่ออก ว่าเขาหวังดีกับตัวละครหลักหรือแอบสมน้ำหน้าอยู่กันแน่ แดเนียล ซานดูเขียนบทและกำกับออกมาได้อย่างดีเยี่ยมด้วยโทนเรื่องเนิบ ๆ เยือกเย็นให้เราได้สัมผัสความรู้สึกที่นิ่งและทรงพลังด้วยมุมกล้องที่แช่ค้างที่ใบหน้าของตัวละครหลักที่ปล่อยให้ตัวละครทำหน้าที่ของมันไป และยังให้น้ำหนักตัวละครอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะมากหรือน้อยอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเรื่องราว โดยใช้ทิวทัศน์ที่ทั้งสวยงามและน่ากลัวของภูเขาในโรมาเนีย ชวนให้ดำดิ่ง แม้แต่เพลงประกอบยังกดเราให้จมดิ่งเหมือนตัวละครเลยทีเดียว
สรุป
ชื่อหนังอาจจะฟังดูเวอร์ไปหน่อย แต่ใครจะไปรู้ว่า แค่คน ๆ เดียวนั้น จะทำให้จิตใจที่เคยถูกกดทับของพ่อคนค่อย ๆ เผยออกมา ความโดดเด่นคงเป็นเรื่องของอารมณ์ที่ดิ่งแบบไม่มีจังหวะพัก ผสมกับฉากออกตามหาที่ระทึกใช้ได้ แต่ถ้าคาดหวังแบบระทึกขวัญจริง ๆ นี่คงไม่ใช่ทางเท่าไหร่ เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังจิตวิทยาดราม่าที่ใช้การแสดงของนักแสดงที่ทรงพลัง เข้มข้น และอารมณ์ตัวละครที่เยือกเย็นเป็นจุดเด่น และขยี้บีบคั้นอารมณ์ตัวละครให้จมดิ่งไปเรื่อย ๆ ใช้ความมุ่งมั่นสร้างความสิ้นหวังของตัวละครรอบ ๆ ทดแทนด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม และการเปรียบเปรยจิตใจของมนุษย์ผ่านภูเขาที่พรากชีวิตคนไป ถ้าใครชอบดราม่าปัญหาสังคมล้วน ๆ โดยไม่เน้นความโฉ่งฉ่าง นี่ก็คงเป็นหนังที่พูดได้เต็มปากว่าคุณภาพดี และน่าให้ความสนใจ สมชื่อหนังที่ไปประกวดเทศกาลภาพยนตร์เซี่ยงไฮ้จริง ๆ ถือเป็นหนังดีจากเน็ตฟลิกซ์ที่คนชอบหนังดราม่านอกกระแสโลกต้องดู
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์