รีวิว The Royal Treatment สาวซ่าดัดสันดานราชวงศ์ รอมคอมสูตรสำเร็จสุดน่ารัก (ไม่สปอยล์)
The Royal Treatment
สรุป
ภาพยนตร์รักโรแมนติกเบาสมองสบาย ๆ พระนางเป็นธรรมชาติ เคมีมีนากับลอร่าที่ลงตัว มุกตลกชวนอมยิ้ม และประเด็นสังคม จิกกัดราชวงศ์เบา ๆ แต่น่าจดจำ แต่ก็ติดความง่ายดายของบทและสูตรสำเร็จแบบหนังแนวเดียวกันของเน็ตฟลิกซ์เรื่องอื่น ๆ รวมถึงบทของพระเอกที่ไม่ค่อยโดดเด่น แต่ได้โปรดักชั่นการถ่ายทำดูดีกว่า
Overall
7.5/10User Review
( vote)Pros
- เนื้อเรื่องอบอุ่นหัวใจชวนฟินตลอดชั่วโมงครึ่ง
- นักแสดงเป็นธรรมชาติทุกคนเลย
- ตัวละครไม่แบนราบ น่าเอาใจช่วย มีข้อดีและด้อยปนกันให้ติดตาม
- เคมีของมีนาและลอร่าเข้าขาและลงตัว
- โปรดักชั่นลงทุนดี มุมกล้องที่สวยและโดดเด่น
- ประเด็นสังคม ทั้งความฝัน ชนชั้น และจิกกัดราชวงศ์เบา ๆ
- มีพากย์ไทยดี ๆ ให้ชม
Cons
- บทง่ายดาย และแก้ปมได้ง่ายมาก
- บทพระเอกไม่ค่อยโดดเด่นยืนคู่นางเอกเท่าไหร่
- สูตรสำเร็จแบบหนังรักตลกเน็ตฟลิกซ์พ่วงด้วยรสราชวงศ์
The Royal Treatment (เดอะ รอยัล ทรีทเมนต์) ภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่าชวนฟินหัวใจของความรักต่างชนชั้นของเจ้าชายรูปงามและสาวละตินสุดซ่าช่างตัดผมที่พบรักกัน แต่ต้องเผชิญหน้ากับกำแพงที่ขวางกั้น นำแสดงโดย มีนา มาซูด นักแสดงหนุ่มเจ้าของบทอะลาดินในภาพยนตร์ฉบับรีเมคของดิสนีย์ พร้อมด้วยลอร่า มาราโน จากหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่อง ผู้ชายขายรัก (The Perfect Date) และคำวิจารณ์ในแง่บวกและได้รางวัลภาพยนตร์ที่แสดงความเท่าเทียมและหลากหลายด้วย สตรีมได้แล้วในเน็ตฟลิกซ์
ตัวอย่าง The Royal Treatment (เดอะ รอยัล ทรีทเมนต์)
รีวิว The Royal Treatment (เดอะ รอยัล ทรีทเมนต์)
โชคชะตาพรหมลิขิตของชายหญิงสองคน คนนึง โทมัส เป็นเจ้าชายสง่างามแต่ขาดความเด็ดคาด กับ อีกคน อิซซี่ เป็นช่างเสริมสวยที่แสบซ่าแต่ขาดความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ทั้งคู่ได้พบกัน ณ นิวยอร์ก เมื่อคนรับใช้ของเจ้าชายติดต่อมายังร้านของเธอให้ช่วยแปลงโฉม แต่เมื่อเธอได้เจอกับเขา มันกับไม่ใช่ความประทับใจเท่าไหร่ กระทั่งทั้งคู่ได้ใช้เวลาเรียนรู้นิสัยกันและกันในไม่กี่ชั่วโมง ความรู้สึกดี ๆ จึงบังเกิดและมันควรจะกลายเป็นความรัก หากเจ้าชายนั้นไม่ได้มีคู่หมั้นที่เตรียมแต่งงานในอีกสองสัปดาห์ และเธอ รวมถึงผองเพื่อนถูกดึงเข้าสู่การเดินทางข้ามโลกยังลาเวเนีย ประเทศที่ผู้คนนั้นเห็นแก่ตัวและไม่เห็นอกเห็นใจใครในฉากหน้าอันสง่างาม และทอดทิ้งผู้คนให้จมอยู่กับความยากไร้ อิซซี่จึงคิดว่าภารกิจนี้ไม่ใช่แค่ดัดผมให้คนในราชวงศ์ แต่ยังต้องดัดนิสัยพวกผู้ดีที่ชอบมองข้ามคนอื่นให้หลาบจำ และความรักดั่งนิยายอันต่างชนชั้นก็ถือกำเนิด ท่ามกลางความขัดแย้งมากมายแต่หัวใจของทั้งคู่กับสื่อถึงกัน ทั้งคู่จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปยังไง
เชื่อว่าได้ยินพล็อตแล้วมันก็คงเดาทางออกนะครับว่ามันเป็นยังไง มันอาจจะเหมือนหนังรักราชวงศ์ต่างชนชั้นจบแบบอย่างสุขสันต์ ใช่ครับมันเป็นแบบนั้นเลย 55555 มันเล่าเรื่องง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เหตุผลมากมายในการอธิบาย แต่ทำให้เราเชื่อในสถานการณ์ในเรื่องว่ามันสามารถเป็นไปได้ เพราะมันไม่ได้เน้นความรักหวานแหวว แต่ยังให้ความสำคัญกับตัวละครมากกว่าการให้พวกเขามีปมบาง ๆ เพื่อจะได้รักกัน ผสมกับมุกตลกที่มาไม่มากแต่ก็ชวนขำ ชวนอมยิ้มได้ตลอด แต่มันจะเป็นสูตรสำเร็จ มันก็ยังฉีกไปในทางประเด็นที่มากกว่าความรักของพระนาง จนเส้นเรื่องความรักเป็นรอง เหมือนหนังคอมมิ่งออฟเอจวัยผู้ใหญ่เสียมากกว่า เพราะความสัมพันธ์ของตัวเอกเรื่องนี้มันก็ดูจะง่ายซะเหลือเกิน เหตุการณ์ไม่กี่วันก็รักกันได้แล้ว แต่หนังทำให้เราเชื่อได้ เพราะมันสนุกสนานและรู้ตัวเองว่าต้องทำหน้าที่อะไร และมันก็มอบความบันเทิงให้ตลอดชั่วโมงครึ่งอย่างเต็มอิ่ม อมยิ้มตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าปมประเด็นในช่วงท้ายจะถูกแก้อย่างเบาหวิวและลงตัวง่ายเกินไปก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผู้ชมจะไม่หลงรักหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะมันน่ารักเหลือเกิน
ตัวละครในเรื่องถือว่าไม่แบนราบจนเกินไป ทุกตัวมีจุดดีจุดด้อยคอยสนับสนุนกันและตลอด อย่างที่กล่าวไปในเรื่องย่อ เจ้าชายโทมัส ผู้ชายที่จิตใจดี ไม่ได้เย่อหยิ่ง แต่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะไม่มีใครพูดตรง ๆ เลยมักมองข้ามคนรอบตัวไปเสมอ จนโดนดัดสันดานโดย อิซซี่ หญิงสาวช่างตัดผมที่มีความสามารถแต่ถูกฉุดรั้งด้วยปัญหาครอบครัวที่ทำให้เธอไม่กล้าออกไปไหน และไม่พอใจที่คนมีอำนาจในมืออย่างเจ้าชายไม่ยอมทำอะไร และปล่อยให้สังคมหรือโลกถูกทำลาย มันเลยกลายเป็นบทเรียนชีวิตระหว่างชายหญิงที่อาจจะไม่ใช่แบบความรัก แต่เป็นมิตรภาพก็ยังได้ ถ้าหนังมันจะเล่นไปอีกทาง นอกนั้นก็จะมีตัวละครฮา ๆ ขโมยซีนแบบเพื่อนนางเอกสองคนที่แซ่บเวอร์จนขาดมารยาทต้องเจอเมนเทอร์ในราชวงศ์ดัดสันดานกลายเป็นความตลกปนวงวาร และพ่อบ้านหนุ่มที่ทำตามคำสั่งจนไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ราชาและราชินีที่หวังใช้งานแต่งงานเพื่อยกระดับฐานะ มากกว่าจะพัฒนาสังคมที่ถูกมองข้าม แทบทุกคนในเรื่องล้วนโดนตัวนางเอกสั่งสอนทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้มันอาจจะดูแบบถ้าไม่ใช่นางเอก เธออาจจะซวย แต่บุคลิกที่ตรงไปตรงมาและจิตใจที่ดีจะทำให้คุณเข้าใจว่าผู้หญิงแบบนี้แหละที่คุณจะตกหลุมรักได้ง่าย ๆ
ประเด็นสำคัญของเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นมากกว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ มันเป็นหนังสอนชีวิตแบบผ่อนคลายและเจริญตา ทั้งความหมายของการใช้ชีวิตที่เรามีสิทธิ์เลือก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนยศฐาบรรดาศักดิ์ใด เราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ขอแค่กล้าเดินออกมาทำด้วยตัวเอง หรือการแคร์หัวอกหัวใจของคนอื่น แบ่งปันสิทธิพิเศษหรือพริวิลเลจแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยใครได้มากมาย บางครั้งปัญหาไม่ใช่สิ่งที่เราต้องแบกรับ เราสามารถหนีมันได้ ถ้ามันไม่ใช่ปัญหาของเรา มันคือทางออกของปัญหา ไม่ใช่เอาตัวเองเข้าไปจัดการ บางอย่างให้คนที่มีปัญหาจัดการเอาเอง หนังยังจิกกัดราชวงศ์ที่เอาแต่ห่วงหน้าตาและทรัพย์สินว่างานแต่งงานคลุมถุงชนกับตระกูลร่ำรวยจะใหญ่แค่ไหนโดยไม่สนใจความต้องการของลูก ในขณะที่คนชั้นล่างใช้ชีวิตเหมือนเป็นอาชญากร หนำซ้ำยังพยายามจะยึดที่ดินของพวกเขาเพื่อประโยชน์ส่วนตนโดยไม่สนใจว่าจะทำลายชีวิตคนไปมากแค่ไหน ความฝันและโอกาสคือสิ่งที่ต้องไขว่คว้าด้วยตัวเอง และความสุขที่แท้จริงคือการพยายามเป็นคนที่ดีต่อสังคม และความรัก ถ้ามันเป็นความรักจะใช้เวลากี่วันก็คือความรัก แอบหยอกเรื่องความหลากหลายและ LGBTQ+ เล็กน้อยในพล็อตรอง ซึ่งทำให้ตัวละครสมทบดูมีอะไร
ในส่วนของมุมกล้องก็ดีมีความเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงได้ มุมมีความกว้างทำให้เห็นทัศนียภาพและบรรยากาศภาพรวมในสถานการณ์เรื่องราว และยังขับเน้นให้ตัวละครไม่จมหาย มีการขโมยซีนหรือโดดเด่น อีกทั้งโทนสีภาพยังเป็นธรรมชาติมีความสดใสไม่หม่นมองดูสบายตา ในส่วนของการแสดงก็เป็นธรรมชาติอย่างลอร่า มาเรโน่ โชว์ความเฉิดฉายในทางการแสดงด้วยบทที่รักเธอและทำให้ทุกคนในเรื่องต้องฟังแบบไม่ต้องพยายามอะไรมาก และที่ดีเธอไม่ได้มาเป็นนางเอกรอมคอมทั่วไปที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อใคร ในขณะที่มีนา มาซูดก็แสดงได้ดีตามมาตรฐาน แต่ด้วยบทที่มันไม่ค่อยมีอะไรให้เล่น เลยต้องใช้เสน่ห์ ซึ่งก็พอกุมหัวใจสาว ๆ ได้แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรโดดเด่น โปรดักชั่นก็ดูแปลกใหม่ ไม่ใช่ประเทศแบบหนังเน็ตฟลิกซ์ทั่วไป ที่เอะอะ ๆ ก็มีหิมะ อันนี้เหมือนเป็นประเทศสมมติที่ผสมหลายเชื้อชาติ มีทั้งเอเชี่ยน ผิวดำ คือเน็ตฟลิกซ์ไม่พลาดจริง ๆ ในการนำเสนอโลกที่ไม่ได้มีแค่คนผิวขาว และนำเสนอออกมาได้แบบเหมาะเจาะแปลกตาดี
สรุป The Royal Treatment (เดอะ รอยัล ทรีทเมนต์) สนุกและดีไหม?
มันคือความสนุกและบันเทิงแบบหนังรักตลกเบา ๆ ฟินใจโดยไม่รู้สึกเสียเวลาเลย และทำให้ผมรู้สึกอมยิ้มตามได้ตลอดชั่วโมงครึ่ง มีทั้งบทเรียนชีวิตของการเป็นมนุษย์ที่ดีผสมกับความรักของพระนางในการฝ่าฝันอุปสรรค มันอาจจะไม่ได้ดีเด่มากกว่าหนังเรื่องอื่น แต่มันก็ดีในตัวของมันเอง ทั้งตัวละครที่น่าสนใจ ประเด็นสังคมที่ยอดเยี่ยม นักแสดงที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะแฟน ๆ ของมีนา มาซูดที่คิดถึงแสดงการแสดงของเขาในรอบสองปี หลังโดนดิสนีย์ดองจะต้องชอบเขามาก ๆ ในบทนี้ องค์ประกอบของภาพยนตร์ที่ครบถ้วนในการเป็นหนังรอมคอมที่อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ก็ทำให้มันเป็นภาพยนตร์ที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูกันครับ
ชมได้แล้ววันนี้ใน เน็ตฟลิกซ์