Tom and Jerry (2021)
สรุป
ภาพยนตร์ม้ามืดแห่งปี รักษาไว้ซึ่งเสน่ห์ความสนุก ตลกเจ็บตัว แบบต้นฉบับ ตัวละครมีความโดดเด่น และมีประเด็นสอนใจที่ร่วมสมัย
เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี แฟนทอมกับเจอร์รี่ห้ามพลาด แต่คอหนังก็อย่าพลาดเช่นกัน
Overall
9/10User Review
( votes)Pros
- ตลก สนุก ไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย บู๊แทบทั้งเรื่อง
- ประเด็นของสังคมที่หลากหลาย ด้วยบทที่เขียนออกมาโดยคำนึงถึงต้นฉบับและใส่ใจในรายละเอียด
- งานสร้างภาพแม้จะไม่ใช่ 3 มิติ แต่กลับดูดีไม่แพ้กัน และคารวะงานสร้างเก่าของต้นฉบับอย่างเต็มเปี่ยมและยกระดับมันให้มากกว่าในการ์ตูน
- ตัวละครมีเสน่ห์ทุกตัว ไม่ว่าจะทั้งคนหรือทั้งสัตว์มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างสมจริงไม่ดูลอยหรือมุมกล้องที่ผิดไปจากธรรมชาติ
- ดนตรีมันส์มาก มีทั้งฮิปฮ็อป ป๊อบที่คารวะต้นฉบับโดยผู้กำกับและผู้ประพันธ์เพลง
- ทีมนักแสดงเก่งมาก ๆ ทุกคนเลย
Cons
- บทเรื่องมันง่ายในช่วงท้ายและไม่ได้ซับซ้อนอะไร ค่อนข้างจะแก้ปมง่ายแม้จะสมเหตุสมผลกับปมของเรื่องก็ตาม อยากให้หนังยาวกว่านี้นิดนึง ช่วยตอนท้ายมันไม่ถึง 10 นาทีแต่สนุกมากจนเสียดายนิดหน่อย
Tom and Jerry 2021 (ทอมแอนด์เจอร์รี่ : ฉบับภาพยนตร์) ภาพยนตร์แนวตลกเจ็บตัวไลฟ์แอ็คชั่นผสมอนิเมชั่นไฮบริดสองมิติ สร้างจากภาพยนตร์การ์ตูนสั้นในปี 1940 ชื่อเดียวกันที่สร้างโดย แฮนนาห์ และโจเซฟ บาบีร่า กำกับโดย ทิม สตอรี่ และ เควิน คอสเตลโล รับหน้าที่เขียนบท นำแสดงโดย โคลอี เกรซ มอเรตซ์ ไมเคิล เพนญ่า โคลิน จอสต์ พาลลาวี ชาร์ดา และ เคนจอง ได้เสียงที่อัดไว้ก่อนเสียชีวิตของ แฮนนาห์ บาบีร่า เมล บลานซ์ จูน โฟเรย์ ให้เสียงพากย์ของทอมและเจอร์รี่ สตูดิโอสร้างโดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ อนิเมชั่น แผนกการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นของวอร์เนอร์ บราเธอร์ พิคเจอร์ โดยเข้าฉายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ในประเทศไทย และในอเมริกาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พร้อมกับให้ดูใน HBO MAX บริการฉายสตรีมมิ่งเป็นระยะเวลา 1 เดือน เฉพาะของอเมริกา ซึ่งประเทศไทยเราได้ดูก่อน ตามหลังบราซิลและอินเดียอีกที
เรื่องราวการต่อสู้ห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตาย (ที่ไม่ตายกันจริง ๆ สักที) ของแมวสีน้ำเงินและหนูสีน้ำตาลอย่าง ทอม กับ เจอร์รี่ ที่หยิบสารพัดทุกสิ่งของมาฟาดฟันกันอย่างไม่กลัวความรุนแรงราวกับหนังเรต R กว่า 81 ปีที่โลดแล่นในสื่อต่าง ๆ จนเป็นที่นิยมของหนู ๆ และผู้ใหญ่หลาย ๆ คนทั่วโลก พร้อมด้วยความนนิยมเรื่องมุกตลกเจ็บตัวหรือ slapstick มาจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือผลงานฉลองครบรอบ 80 ปี ที่ทิม สตอรี่ ผู้กำกับมากฝีมือที่ฝากผลงานหนังดังมาแล้วมากมาย เช่น หนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลอย่าง แฟนทาสติก โฟร์ เวอร์ชั่นเก่าทั้งสองภาค และ คู่แสบลุยระห่ำ หนังแนวคู่หูตำรวจสุดมันส์ แต่สิ่งที่น้อยคนจะรู้คือ เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ทอมแอนด์เจอร์รี่ และขอรับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากการ์ตูนสั้นในจอแก้ว สู่จอเงินเป็นครั้งแรก โดยตั้งใจไว้ว่า มันจะเป็นหนังแบบคนแสดงและมีตัวการ์ตูนสัตว์เป็น 2 มิติที่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นธรรมชาติแบบหนังก่อนหน้าอย่าง SPACE JAM หรือ Who Framed Roger Rabbit ด้วยทุนสร้าง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับไลฟ์แอ็คชั่นครั้งนี้
หลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่ามันจะเวิร์คเหรอ การ์ตูนกับคนมันไม่ไปด้วยกัน แต่ทิม สตอรี่ก็ยังยืนกรานว่าจะใช้เทคนิคนี้ เพราะมันคือการแสดงคารวะต่อต้นฉบับ และเป็นการทำให้การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะไม่ได้เป็นภาพสามมิติ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะทำมันให้ดีที่สุด พร้อมนำทัพนักแสดงมากฝีมือ เริ่มต้นด้วย โคลอี้ เกรซ มอเรซ สาวจิ๋วจิ๊ดมากความสามารถ ที่เดือนนี้เราคงเพิ่งผ่านผลงานมันส์ระห่ำเวหาเกรดบีอย่าง ประจัญบาน อสูรเวหา (Shadow in the Cloud) มารับบทสาวเจนวายผู้มีความมุ่งมั่นในการมองหาความสำเร็จ ไมเคิล พีน่า จากแอนท์ แมน ที่คราวนี้รับบทนิ่ง สุขุม และ โคลิน จอสต์ นักแสดงตลกหนุ่มจากรายการดังของอเมริกาอย่าง Saturday Night Live มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่ได้เป็นแค่แมวกับหนู แต่คือ นิวยอร์ก พร้อมด้วยทีมเสียงประกอบจาก คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ตซ ผู้ประพันธ์เพลงจากซีรีส์ the boys ทั้งสองซีซั่นมาร่วมบรรเลงเพลงด้วย แค่คิดก็น่าจะพอโล่งใจได้ว่ามันจะต้องออกมาไม่แย่ มั้งนะ
“เมื่อทอมกับเจอร์รี่ป่วนจนบ้านแตก พวกเขาจึงถูกไล่ออกและต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาในมหานครนิวยอร์ก ที่ ๆ ทุกความฝันและความสำเร็จรอทุกคนอยู่ แต่อาจไม่ใช่พวกเขา กระทั่งพวกเขาได้ค้นพบที่อยู่ใหม่อย่างโรงแรมหรูชื่อดังกลางเมืองที่มี เคย์ล่า หญิงสาวไฟแรงและเจ้าเล่ห์ พนักงานน้องใหม่ของโรงแรมกำลังดูแลอยู่ แต่ไม่ทันที่จะได้เปิดศึกครั้งใหม่ให้โรงแรมแตก ปัญหาใหญ่ที่มากกว่าแค่แมวและหนูก็เกิดขึ้น เมื่องานแต่งที่ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษของคู่รักเศรษฐีอย่างเบนและเพตราถูกจัดขึ้น ทั้งคู่กับเคย์ล่าจึงต้องหาทางที่จะป้องกันไม่ให้เรื่องวุ่นวายนี้หลุดออกไป ไม่อย่างนั้นอนาคตของทุกคนรวมถึงโรงแรมอาจจบสิ้นไม่มีเหลือ แต่นี่มันทอมกับเจอร์รี่ไง แมวและหนูไม่สามารถญาติดีกันได้นานแน่ ยังไม่รวมกับ เทอเรนซ์ ผู้จัดการโรงแรมจอมเฮี้ยวและใจดำที่จับตามองดูพวกเขาอยู่ ศึกแมวและหนูอาจไม่สำคัญเท่ากับศึกคนปะทะคนก็เป็นได้ แล้วแบบนี้งานแต่งสุดเลิศหรูระดับศตวรรษนี้จะไปรอดมั้ยเนี่ย”
สนุกสนาน และคงไว้ถึงเสน่ห์ของต้นฉบับอย่างเต็มเปี่ยม
หากใครดูทอมแอนด์เจอร์รี่มาก็จะเดาแพทเทิร์นไม่ยากเลย เพราะในการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนค่อนข้างตรงไปตรงมา เล่าจากหนึ่งไปสิบ ไม่ได้มีปมอะไรที่ชวนให้ต้องความเข้าใจ แต่เสน่ห์ของมันคือการแบ่งพาร์ทอย่างลงตัวระหว่างเรื่องของทอมกับเจอร์รี่ที่ต้องฟาดฟันกันเพื่อจะได้อยู่ในโรงแรม กับเคย์ล่าที่ต้องพยายามรักษาโรงแรมนี้ไว้ไม่ให้เจ๊งซะก่อน ซึ่งมันก็ยังเป็นทอมแอนด์เจอร์รี่ที่มีคนมาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้มาแย่งพื้นที่เด่นของตัวละครหลักไป แต่กลับสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว แถมยังสามารถเปิดเรื่องราวใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้โดยที่ไม่รู้สึกว่านี่มันหนังคนแสดงที่ตัวละครการ์ตูนเป็นตัวประกอบ ไม่ใช่เลย แถมการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เป็นธรรมชาติสมกับที่ผู้กำกับ ทิม สตอรี่ตั้งใจไว้ ทำให้ในส่วนของการโลดแล่นในโลกสามมิติของตัวละครน่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องทำให้มันเป็นแมวจริง หรือหนูจริงได้ด้วยซ้ำ ทั้งยังหยิบเอกลักษณ์และนิสัยของตัวละครได้เหมือนกันกับที่อนิเมชั่นสั้นได้นำเสนอไว้ ทำให้ใครที่ดูการ์ตูนมาจะรู้สึกได้ถึงความเข้าถึงตัวละครได้โดยไม่ต้องเข้าใจอะไรยาก ด้วยฉากหรือมุกบางอันก็เหมือนหยิบจากตอนสั้นที่ใครหลายคนคงผ่านตามาแน่ ๆ มาเรียบเรียง ตีความเล่าใหม่อย่างร่วมสมัยและมีสไตล์ ไม่รู้สึกได้ถึงความยัดเยียด แต่มุกตลกก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่มากนัก เพราะมันจะเป็นไปตามการ์ตูนที่ดูผ่าน ๆ ตาเสียมากกว่า หยิบสิ่งของมาตีกัน วิ่งไล่กัน คิดกับดัก เล่นหูเล่นตากับคนดู ใครดูการ์ตูนมาก็อาจจะขำก๊าก ไม่ก็พอยิ้มมุมปากได้ เพราะนี่แหละคือข้อดีที่หนังไลฟ์แอ็คชั่นของทอมแอนด์เจอร์รี่ทำได้อย่างไม่มีข้อตำหนิเลย
ตัวละครล้วนมีเอกลักษณ์ และสนับสนุนเรื่องราว
สิ่งที่ทุกคนกลัวในหนังไลฟ์แอ็คชั่นคือ การมีตัวละครมนุษย์จะทำให้หนังดร็อปลงและเด่นกว่าตัวละครที่ไม่มีบทพูดหลัก ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ มันมีความสำคัญและได้ช่วยขับเน้นให้ปมตัวละครทอมกับเจอร์รี่ มีความน่าสนใจ ไม่แบนราบจนเป็นเป็นส่วนเกินเหมือนหนังไลฟ์แอ็คชั่นบางเรื่องที่ให้เวลากับมนุษย์มากมายที่ไม่เกี่ยวกับตัวละครหลัก อีกทั้งหนังไม่ได้ออกมาเยอะจนกลบสิ่งสำคัญที่ทอมแอนด์เจอร์รี่เป็น นั่นคือเรื่องของสงครามระหว่างแมวและหนู เพราะตัวละครเหล่านี้ก็มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง มีซีนประจำตัว อาจจะมากน้อยก็ตามความสำคัญของเรื่อง การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์ก็เหมือนเป็นสิ่งที่สะท้อนความสัมพันธ์ในเรื่องว่ามันมีความผูกพันมีความแน่นแฟ้น แต่จะพูดถึงตัวละครคนอย่างเดียวก็คงไม่ได้ เพราะตัวละครสัตว์ต่าง ๆ ที่เราเห็นผ่านตาในซีรีส์การ์ตูนก็โผล่มาให้ได้ว้าวกันสำหรับแฟน ๆ แต่ถ้าไม่ใช่หรือไม่รู้จัก ก็อาจจะได้เห็นสัตว์อื่น ๆ เป็นลายเซ็นเดียวกับทอมและเจอร์รี่ และมาสร้างความป่วนชวนหัวระดับที่หนังไซไฟยังให้ไม่ได้ เพราะมันเล่นใหญ่ไม่แคร์ตรรกะใด ๆ ในโลกความจริงเลย นอกจากการไล่ล่าระหว่างแมวกับหนู และผลของการกระทำของตัวละครเหล่านี้ก็จะส่งผลกับตัวละครอื่น ๆ ราวกับโดมิโน่เลยทีเดียว ทำให้หนังสามารถผูกตัวเองเป็นเรื่องเดียวกันได้โดยสมบูรณ์แบบ
ประเด็นน่าประทับใจ ไม่ได้แค่ไล่ตีกันอย่างเดียว
ประเด็นสำคัญของเรื่องถือว่าเกิดความคาดหมายจากในตัวอย่างที่เห็นไปมาก เพราะนอกจากความสนุกของการตีกันยิ่งกว่าหนังแอ็คชั่นบู๊หลากผลาญที่จัดเต็มตลอด 1 ชั่วโมง 41 นาทีแล้ว บทของเรื่องยังมีความลึกซึ้งในด้านประเด็นของสังคมที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในเรื่องนี้ เรื่องของการทำงานระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ความทะเยอทะยานของคนที่อยากจะมีอนาคตและมีโอกาสเป็นที่ยอมรับของผู้คน การต้องมีเล่ห์เหลี่ยมในการทำอะไรสักอย่าง การพยายามจนกว่าจะสามารถทำสิ่งนั้นสำเร็จ การซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ความสัมพันธ์ของคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน เหมือนกับที่ทอมกับเจอร์รี่ได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ ว่า สังคมรอบ ๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหรือยับยั้งสงครามของแมวและหนูได้ แต่สังคมก็ทำให้แมวและหนูอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบ เพราะโลกจะดีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกัน เมื่อเชื่อใจกันแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดก็สามารถหาหนทางที่จะแก้ไข อาจจะไม่ต้องญาติดีกันแต่แค่ทำสิ่งดี ๆ ร่วมกันมันก็เจ๋งแล้ว แม้มันจะดูโลกสวยไปหน่อยถ้าดูตามหลักความเป็นจริง เรียกได้ว่าเป็นหนังตลกครอบครัวน้ำดีอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งทอมแอนด์เจอร์รี่มันอาจจะไม่ลึกซึ้งขนาดนี้ ถ้าขาดประเด็นแบบมนุษย์ที่มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้มันสมบูรณ์แบบ ดูจบเดินออกจากโรงคือยิ้มกว้างได้แน่นอน
องค์ประกอบมันดีงาม
งานสร้างทำให้ภาพระหว่างสองมิติกับสามมิติเข้ากับสภาพแวดล้อมกลมกลืนไป เพราะในตัวอย่างมันเหมือนว่าเราจะไม่ชินตากับงานภาพการ์ตูน แต่ในหนังมันจะปรับให้เลย ไม่ว่าตัวละครจะสัมผัสกับสิ่งไหนมันก็จะเหมือนว่าตัวละครเหล่านั้นกำลังแตะต้องหรือถูกแตะต้องอยู่จริง ๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง เป็นงานซีจี แต่มันเป็นไปได้ในโลกของภาพยนตร์และมีกลิ่นอายเดิมครบถ้วน อะไรที่เคยเห็นในการ์ตูน พอออกมาอยู่บนจอเงิน ก็สามารถทำให้เรามันเป็นเพียงสัตว์ที่ใช้ชีวิตแบบสัตว์ที่เป็นแบบ 3 มิติ จริง ๆ ต้องยกเครดิตให้กับ ทิม สตอรี่ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการยึดถือต้นฉบับ และการเขียนบทที่มีรายละเอียดอย่าง เควิน คอสเตลโล ที่สามารถเล่าบทของทอมแอนด์เจอร์รี่ในโลก 3 มิติ ทั้งมุกต่าง ๆ จังหวะ และความเล่นใหญ่แบบการ์ตูนไม่จางหายไป แถมยังทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าที่ในการ์ตูนสั้นให้เราอีก พอต้นฉบับมันดีแล้วยิ่งทำให้มันโดดเด่น เชื่อว่าแฟนหลายคนที่ได้ดูคงหมดข้อสงสัยเรื่องงานภาพ เพราะในตัวอย่างทำเหมือนว่าก็แค่นี้ แต่จริง ๆ มันไม่ได้มีแค่นี้ แต่ผมไม่ขอพูด เพราะมันใหญ่มาก และงานซีจีสองมิติก็ไม่ใช่ที่ควรประเมินค่าต่ำกว่าที่มันเป็นเพราะมันทำให้กลมกลืนก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ในส่วนของนักแสดงนำอย่าง โคลอี้ เกรซ มอเรซ แสดงเป็นหญิงสาวที่ดูไม่มีอะไรแต่ไม่มีอะไรได้สมกับฝีมือ แถมไม่รู้สึกขัดตาเวลาอยู่กับตัวละครสัตว์ เธอสามารถใช้จินตนาการให้ตัวการ์ตูนสัตว์ที่อยู่กับเธอ มีตัวตนจับต้องอย่างสมจริง ซึ่งนักแสดงที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีฝีมือมาก ๆ ในซีนอารมณ์ หรือซีนมีแผน เจ้าเล่ห์ สนุกสนานของเธอก็มีเสน่ห์ชวนให้มองตลอดทั้งเรื่อง เช่นเดียวกับ ไมเคิล เพนญ่า ที่สลัดลุคฮา มาเป็นลุคโหด แต่มันก็ไปไม่รอดเพราะหนังตั้งใจให้พี่แกมาโดนแมวและหนูป่วนประสาทจนแทบคลั่ง และยังสามารถเล่นใหญ่ได้อย่างไม่ติดขัด น่าเสียดายก็แต่เคนจองที่ออกมาเพื่อขโมยซีน แล้วก็ไม่มีบทบาทสำคัญอะไร แต่ที่ดีมาก ๆ คือ โคลิน จอสต์ และ พาลลาวี ชาร์ดา ในบทสองสามีภรรยาที่แสดงได้อย่างมีเคมีลงตัว แถมยังมีซีนดราม่าเรียกน้ำตาระดับหนังรักโรแมนติกเลยทีเดียว เพราะแบบนี้ดนตรีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนอารมณ์และเรื่องราว โดยดนตรีของเรื่องจะเป็นสไตล์ป๊อบฮิปฮ็อบยุคเก่า ๆ ซึ่งความพิเศษคือ ทิม สตอรี่รับหน้าที่ร้องเพลงเอง ร่วมกับนักร้องคนอื่น ๆ ด้วย แหม เหมาหมดเลยนะครับคุณผู้กำกับ ผู้ประพันธ์เพลงอย่าง คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ตซ ก็สามารถหยิบเอากิมมิคจากต้นฉบับมาบิดให้เป็นร่วมสมัยและเพิ่มความสนุกได้อย่างไม่ติดขัดเลย เพราะหนังไม่จำเป็นต้องเหมือนการ์ตูนไปทั้งหมด แต่หยิบกิมมิคมาใช้ได้อย่างชาญฉลาดก็ประสบความสำเร็จแล้ว
ควรชมหรือข้าม
ถือว่าเป็นม้ามืดและยุคใหม่ของไลฟ์แอ็คชั่นค่ายวอร์เนอร์เลยทีเดียว หลังจากที่ต้องซบเซามาเป็นเวลา 18 ปี นับตั้งแต่ ลูนี่ย์ ทูนส์ รวมพลพรรคผจญภัยสุดโลก (Looney Tunes: Back in Action) ออกฉายเมื่อปี 2003 นี่จึงเป็นภาพยนตร์ตลกแห่งปีที่ควรจูงครอบครัวไปดูในวันหยุดมาก ๆ เพราะดูได้ทุกเพศทุกวัย สนุกสนาน ไม่ต้องคิดเยอะให้ปวดหัว ยิ่งถ้าชอบทอมแอนด์เจอร์รี่อยู่แล้ว คุณจะชอบมันมาก ๆ มันเป็นหนังไลฟ์แอ็คชั่นที่สามารถแตกแขนงตัวเองให้เป็นหนังตลกครอบครัวที่แสนอบอุ่นโดยยังมีทอมกับเจอร์รี่อยู่ในเรื่อง ทั้งยังดึงเสน่ห์ของต้นฉบับและขับเน้นให้มันมาอยู่ในจอเงินอย่างไม่มีผิดเพี้ยนและยกระดับให้ดีกว่าที่มันเคยเป็น มุกตลกขำ ๆ บทภาพยนตร์ที่น่าประทับใจในประเด็นต่าง ๆ และการได้เห็นตัวการ์ตูนออกมาโลดแล่นในโลกความเป็นจริงในภาพยนตร์ก็อาจเป็นสิ่งที่เราอยากเห็นในยุคที่มีแต่ความวุ่นวายของโลก ลองใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมง เข้าไปดูเรื่องนี้ในโรงแล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน คุณจะได้กลับไปรู้สึกเหมือนตอนดูทอมแอนด์เจอร์รี่ทุกครั้งที่ได้กลับเข้าไปในโลกในวันเด็กให้คุณหวนนึกถึง และแม้จะยังไม่คอนเฟิร์ม แต่ถ้ากระแสดี ทิม สตอรี่บอกว่าเราอาจจะได้เห็นตัวละครใหม่ ๆ มาปรากฏในภาคต่อก็ได้ ก็อยากให้ทำรายได้ทั่วโลกเยอะ ๆ นี่จะไม่มีความผิดหวังหรือความเศร้าให้คุณเลย ไปดูเถอะ อย่ารีบออกจากโรงล่ะ เพราะมีเอนเครดิตท้ายด้วย 1 ตัว ฮามาก ๆ
ตัวอย่างล่าสุด Tom and Jerry ทอมแอนด์เจอร์รี่ : ฉบับภาพยนตร์ (2021)
Tom and Jerry (2021) ทอมแอนด์เจอร์รี่ : ฉบับภาพยนตร์
วันนี้ ในโรงภาพยนตร์