โจ๊กเกอร์ รีวิว Joker
สรุป
สุดยอดหนังวายร้ายจากจักรวาล DC Comics ที่จะนำคุณดำดิ่งกับความมืดมนของตัวละคร และจะยิ่งกระชากคุณลงมาสู่จุดที่ลึกที่สุดของหุบเหวแห่งความบ้าคลั่ง
ดูจบมีจิตตก อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต
Overall
8.7/10User Review
( votes)Pros
- การแสดงที่ยอดเยี่ยมของวาคิน ฟีนิกซ์
- งานภาพและมุมกล้อง ที่ถ่ายทอดให้เห็นถึงความเน่าเฟะของสภาพเมืองก็อตแธมได้สมจริงสุดๆ
- เนื้อเรื่องที่สุดยอดและน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง
Cons
- เนื้อหามีความรุนแรง และจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
- จะไม่ได้เห็นโจ๊กเกอร์ที่เป็นเจ้าวางแผน แต่เป็นคนเสียสติเก็บกดรอวันระเบิดแทน
- ดูแล้วจิตตก อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต
ผลงานจากผู้กำกับฯ ทอดด์ ฟิลลิปส์ ที่จะพาเราไปรู้จักกับ จุดเริ่มต้นของมหาวายร้ายตลอดกาล อย่าง “โจ๊กเกอร์” โดยนำมาตีความใหม่เป็น “อาร์เธอร์ เฟลค” ชายผู้ที่มีอาการป่วยทางจิต และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมที่โหดร้ายของเมืองก็อตแธมก่อนที่สุดท้ายจะเลือกเส้นทางของตัวเองมาเป็นโจ๊กเกอร์ รับบทโดยวาคิน ฟีนิกซ์ เจ้าของนักแสดงผู้เข้าชิงรางวัล Oscar มาแล้วถึง 3 ครั้ง (“The Master”, “Walk the Line” และ “Gladiator”) ในการรับบทนี้วาคิน ฟีนิกซ์ ก็ได้ลงทุนลดน้ำหนักตัวเองถึง 24 กก. และศึกษาการเต้นที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิด ผ่านการเคลื่อนไหวของร่างกาย (Interpretive Dance) นอกจากนี้ยังศึกษาเรื่องราวของผู้ป่วยทางจิต หรือโรคคุมการหัวเราะไม่ได้ (Pathological Laugh) เพื่อที่จะถ่ายทอดบทบาทของตัวละครโจ๊กเกอร์ให้ดีที่สุดนั่นเอง
ตัวอย่างหนัง Joker โจ๊กเกอร์
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ DC ทำการหยิบวายร้ายมาสร้างเป็นหนัง โดยเรื่องแรกคือ Suicide Squad ที่เล่าเรื่องด้วยการที่เหล่าวายร้ายถูกรัฐบาลจับมารวมทีมเพื่อปกป้องโลก แต่กับโจ๊กเกอร์นั้น เป็นการนำเอาวายร้ายอมตะมาตีความใหม่ และสร้างเป็นหนังอาชญากรรม โดยเล่าเรื่องถึงความเป็นมาของโจ๊กเกอร์ผ่านอาร์เธอร์ เฟลค เพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่มีทั้งฮีโร่ หรือวายร้ายคนอื่นมาร่วมด้วยเลย และเรื่องราวที่จะเต็มไปด้วยความตึงเครียด และความรุนแรง รวมถึงฉากการฆาตรกรรมที่โหดเหี้ยมให้เห็นแบบจะๆ
เรื่องย่อ
อาร์เธอร์ เป็นชายคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายทารุณและสังคมที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เขาต้องเผชิญกับความอ้างว้างจนเปลี่ยนเขาจากที่เป็นคนอ่อนแอกลายเป็นคนโหดเหี้ยม เขารับจ้างแต่งชุดตัวตลกรายวัน จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาพยายามจะแสดงตลกเดี่ยว แต่กลับพบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องตลก เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่มีผู้คนอยู่รายล้อม ซึ่งเห็นได้จากเสียงหัวเราะที่ควบคุมไม่ได้และดูไม่เหมาะสม ยิ่งเขาพยายามควบคุมเท่าไหร่มันก็ยิ่งแสดงออกมามากขึ้น จนทำให้เขาแสดงความเยาะเย้ยและความรุนแรงออกมา อาร์เธอร์ทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง และไขว่คว้าตามหาคนที่เหมาะจะเป็นพ่อซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่นักธุรกิจมหาเศรษฐี โธมัส เวย์น ไปจนถึงพิธีกรรายการทีวี เมอร์เรย์ แฟรงค์ลิน เขาพบว่าตัวเองอยู่ปลายทางระหว่างโลกแห่งความจริงกับความบ้าคลั่ง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวกลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงมากมาย
แน่นอนเมื่อพูดถึงโจ๊กเกอร์ ก็ย่อมทำให้ต้องถูกเปรียบเทียบกับผลงานการแสดงของฮีธ เลดเจอร์ ใน Batman The Dark Knight ที่ถูกยกย่องว่าเป็น “โจ๊กเกอร์ ที่ดีที่สุด” ต้องบอกก่อนว่าไม่สามารถนำมาเทียบกันได้ทั้งหมด เพราะเวอร์ชั่นของฮีธ เลดเจอร์ คือโจ๊กเกอร์จอมวายร้ายเจ้าแห่งการวางแผนสุดน่าสะพรึงกลัว เป็นจอมวายร้ายสุดสมบูรณ์แบบ แม้ไม่ได้ใส่รายละเอียดประวัติของโจ๊กเกอร์มากนัก แต่ก็ทำให้ได้รู้ถึงความน่ากลัว และตัวตนที่เต็มไปด้วยความบิดเบี้ยวของโจ๊กเกอร์ได้เป็นอย่างดี แต่กับในหนังโจ๊กเกอร์ของวาคิน ฟีนิกซ์เป็นการเจาะลึกความเป็นมาของตั้งแต่ก่อนจะมาเป็นโจ๊กเกอร์ หรือถ้าให้พูดแล้วโจ๊กเกอร์วาคิน ฟีนิกซ์ ก็คือ “โจ๊กเกอร์ที่มีมิติที่สุด”
จากนี้อาจมีการสปอยล์เพื่อประกอบการรีวิว
งานภาพและมุมกล้อง
การถ่ายทำของหนังเรื่องนี้จะใช้การถ่ายทำแบบเล่นเองจริงๆ โดยจะพึ่ง CGI ให้น้อยที่สุด ดังนั้นหนังเรื่องนี้จะมีความสมจริงมาก และมีฉากการใช้ความรุนแรงที่สมจริงมากๆ ทำให้แม้ว่าเราจะรู้อยู่เต็มอกว่าเป็นบทของหนัง แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ และโทนของหนังก็ทำให้เรารู้ได้ว่าฉากนั้นมีความรุนแรงจริงๆ นอกจากนี้เรายังได้เห็นสภาพสังคมที่แสนเน่าเฟะของเมืองก็อตแธม เมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และขยะที่เต็มเมือง ผ่านฉากหลายๆ ฉากที่นำเสนอให้เราได้เห็นเป็นอย่างดี
การแสดงของตัวละครใน โจ๊กเกอร์
การแสดงของทุกคนในเรื่องนั้นดีมากๆ ทั้งการแสดงออกทางสีหน้า และท่าทาง ทำให้เราเชื่อได้ว่านักแสดงคือคนเดียวกับตัวละครที่เขาแสดงจริง โดยเฉพาะตัวละครหลักอย่างวาคิน ฟีนิกซ์ ที่รับบทอาร์เธอร์ เฟลค ที่ทำการบ้านมาอย่างดีและแสดงออกมาให้คนดูได้เห็นตลอดทั้งเรื่อง ทั้งสีหน้า ท่าทาง และการหัวเราะ แต่นอกจากวาคิน ฟีนิกซ์ แล้วก็ยังมีโรเบิร์ต เดอ นีโร ที่รับบทเป็นเมอร์รี่ย์ แฟลงคลิน พิธีกรรายการตลกผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับอาร์เธอร์ แต่กลับเป็นคนที่นำคลิปของอาร์เธอร์มาใส่ในรายการของเขา โดยเป็นคลิปที่อาร์เธอร์กำลังแสดงตลกแต่ไม่ตลกด้วยการมองโลกแง่ลบ และอาการป่วยของเขา ซึ่งการนำคลิปนั้นมาใส่ก็เป็นคือการประจานเขานั้นเอง เซซี บีตส์ รับบทเป็นโซฟี่ ดูมอนด์ คนรักของอาร์เธอร์ ที่แสดงให้เห็นถึงมุมหวานๆ ระหว่างเธอและอาร์เธอร์ และเบร็ตต์ คัลเลน รับบทเป็นโธมัส เวย์น ที่ต่างจากโธมัส เวย์น เวอร์ชั่นก่อนๆ อย่างชัดเจน เราจะได้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่แย่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดีเช่นกัน เป็นคนเห็นแก่ตัวที่ทำทุกอย่างเพื่อหน้าที่การงาน และหน้าตาทางสังคม โดยไม่สนใจบุคคลที่มีฐานะต้อยต่ำกว่าตัวเองเลย แต่ก็ยังมีความที่ปกป้องครอบครัวด้วยเช่นกัน
เนื้อเรื่องของ โจ๊กเกอร์
ก่อนอื่นต้องชื่นชมผู้กำกับอย่างทอดด์ ฟิลลิปส์ ที่เรียบเรียงเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี ที่ให้เราเห็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นเกือบทั้งหมดของเรื่อง แต่เรากลับโดนสับขาหลอกจากตัวอย่างเกือบจะทั้งหมด เรื่องราวเริ่มที่อาร์เธอร์ เฟลค ชายผู้ที่มีความฝันอยากจะเป็นดาวตลก เพื่อให้เขากับแม่อยู่สบาย และเพื่อให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ด้วยความที่มีอาการป่วยทางจิต คือไม่สามารถควบคุมการหัวเราะของตัวเองได้ เมื่อได้รับความเครียด ทำให้มักโดนผู้คนมองว่าแปลกประหลาด และเพราะความที่เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมอย่างก็อตแธม ทำให้เขาโดนทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ จนถึงขนาดมีเพื่อนยกปืนพกให้ และเขาก็นำมันติดตัวไว้เสมอ จนวันนึงที่เขาไปแสดงตลกที่โรงพยาบาล แล้วทำปืนตก ทำให้เขาถูกไล่ออก ระหว่างที่กำลังกลับบ้านด้วยความเครียดที่รุมเร้า เขาจึงไม่สามารถคุมอาการหัวเราะของตัวเองได้ ทำให้โดนพนักงานของเวย์นรุมซ้อม จนเขาสติหลุดและควักปืนมายิงพนักงานทั้ง 3 คนจนถึงแก่ความตาย และนั่นเป็นจุดเริ่มของการดำดิ่งสู่ความมืดจนไม่สามารถออกมาสู่แสงสว่างได้อีกเลย
สรุปโดยรวม
นี่คือหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่ง แต่อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน และอาจไม่ถูกใจทุกคน เราอาจไม่ได้มีความสุขไปกับมัน ไม่ได้หัวเราะกับมัน ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจระเบิดตูมตามเร้าใจ ไม่ได้เห็นฮีโร่ เหมือนในหนังจากคอมิกเรื่องอื่นๆ มันอาจเป็นหนังของคนธรรมดาที่เจอวันแย่ ๆ ด้วยความที่เป็นหนังสะท้อนสังคม ที่ว่าด้วยเรื่องการเหยียดของชนชั้นวรรณะ และการเหยียดบุคคลที่มีภาวะความผิดปกติทางจิต ซึ่งเป็นเรื่องที่มีอยู่ในทุกประเทศ และอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้
นอกจากนี้หนัง Joker ยังสามารถคว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยม สิงโตทองคำ (Golden Lion) จากเทศกาลหนังเมืองเวนิสปี 2019 พร้อมการยืนปรบมือยาวนานของผู้ชมหลายนาที และเมื่อได้ดูจนจบก็ได้เข้าใจในทันทีว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงได้รับรางวัล และสมควรกับการได้รับรางวัลแล้ว เรียกว่าเป็นหนังจากคอมิกเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลสิงโตทองคำ และอาจมีลุ้นได้รับรางวัล Oscar ด้วยเลยทีเดียว ตัวหนังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการพาเราจมดิ่งลงไปพร้อมตัวละครอย่าง อาร์เธอร์ เฟลค เราจึงเข้าใจในการกระทำของเขา เราจะรู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่กลับกันเราก็จะทั้งเกลียดและไม่ชอบเขา เรารู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นผิด แต่เราจะรู้สึกอยากเอาใจช่วย
รวมบทความเกี่ยวกับหนัง/ซีรี่ย์
บทความเก่าๆของ yumenoyuuki
Beyblade Burst ทำความรู้จัก กับของเล่นเด็ก ที่ไม่เด็กอีกต่อไป