Close Enemies โมรอคโค-ฝรั่งเศส น้องพี่ที่ (ไม่) รัก
Close Enemies
สรุป
รีวิว Close Enemies หนังอาชญากรรมระทึกขวัญจากฝรั่งเศส เจาะชีวิตคนค้ายาในกรุงปารีส ผ่านสไตล์ที่สมจริง ไม่หวือหวา แต่ก็ลุ้นระทึกและสะเทือนอารมณ์ได้อย่างน่าสนใจ
Overall
7/10User Review
( vote)Pros
- เจาะลึกแวดวงอาชญากรรม คนค้ายาในฝรั่งเศสได้อย่างสมจริง
- สองนักแสดงปะทะอารมณ์กันอย่างทรงพลัง
- ประเด็นสายสัมพันธ์พี่น้องที่นำเสนอได้เจ็บปวด
Cons
- การเดินเรื่องที่ไม่หวือหวาอาจไม่ใช่หนังที่เหมาะกับคนที่คุ้นชินกับหนังอาชญากรรมของอเมริกา หรือฮ่องกง
- หนังไม่ได้ให้รายละเอียดพื้นเพของคนในเรื่อง ซึ่งทำให้คนดูบางส่วนยากจะทำความเข้าใจ
หากใครที่ชื่นชอบหนังแก็งสเตอร์–อาชญากรรมและกำลังมองหารสชาติใหม่ๆ Close Enemies ที่พากเราไปพบโลกของแก็งค์ค้ายาชาวโมรอคโคในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Close Enemies มิตรร้าย
ภาพยนตร์เริ่มต้นพาเราไปสัมผัสชายชาวโมรอคโคสองคนที่ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คนหนึ่งคือ ดริสส์(เรด้า คาเท็บ) เป็นตำรวจที่ตามจับคนค้ายาเชื้อชาติเดียวกัน กลายเป็นที่เขม่นของคนในชุมชนดังกล่าว กับ มานูเอล(แมเทียส ชูนาร์ต) คนขายยาที่กำลังเล่นบอลกับลูก และกำลังไปรอรับเพื่อนที่ออกจากคุก ซึ่งแท้จริงพวกเขาเคยสนิทสนมกัน และโชคชะตาทำให้ต้องมาร่วมงานกันอีกครั้ง เมื่อ อิมราน(อาเดล เบนเชริฟ) เพื่อนที่ร่วมกันค้ายากันมายาวนานถูกลอบยิงอย่างอุกอาจระหว่างไปส่งของร่วมกัน
มานูเอลที่หนีหัวซุกหัวซุนกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกที่ทางการตำรวจ และพวกเดียวกันต้องการ ก่อนที่เขาจะทราบภายหลังว่า อิมราน เป็นสายให้กับ ดริสส์ ซึ่งมาหาเขาเพื่อให้มาทำงานแทน แลกเปลี่ยนกับข้อมูลที่พอจะช่วยตามหาคนร้ายตัวจริงให้ได้
แม้จะเป็นเรื่องของชาวโมรอคโค แต่หนังเป็นการกำกับของ ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ดาวิด เออโลเฟน (David Oelhoffen) ซึ่งแจ้งเกิดจากได้รางวัลในการทำหนังสั้น และ In Your Wake หนังยาวเรื่องแรกของเขาได้รับการคัดเลือกให้เข้าฉายเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ในสาย International Critics’ Week ปี 2007 หนังเรื่องต่อมาซึ่งดัดแปลงจากเรื่องสั้นของนักเขียนชื่อดัง อัลแบรต์ กามูส์ ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลหนังเมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี และคว้า 3 รางวัลจากสายรองมาได้ในปี ค.ศ.2014
ขณะที่งานล่าสุดเรื่องนี้ ในชื่อฝรั่งเศสว่า Frères ennemis(พี่น้องที่เป็นอริกัน) ได้เข้าฉายในสายประกวดของเทศกาลหนังเมืองเวนิซ ปี 2018 รวมถึงเทศกาล Cognac Police Film Festival และคว้ารางวัลประเภทหนังฝรั่งเศสยอดเยี่ยมไปครอง
หากเอ่ยถึงหนังฝรั่งเศสหลายคนอาจคิดถึงหนังอาร์ท จากการจัดเทศกาลหนัง หากความเป็นจริงฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ผลิตหนังตลาดมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่มีชื่อจากหนังตลก หนังอาชญากรรมเองก็มีการสร้างทุกปี อาทิ The Crimson Rivers(2000), Tell No One(2006) หรือหนังไตรภาคที่ทำให้ เลียม นีสัน กลายเป็นแอ๊คชั่นสตาร์ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีอย่าง Taken ก็เป็นหนังฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม Close Enemies ไม่ใช่หนังที่มีฉากแอ๊คชั่นอัดแน่น และเดินเรื่องตื่นเต้นแบบเดียวกับ Taken สักนิด ตรงกันข้ามมันเดินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเจตนาเน้นรายละเอียดที่สมจริงของกลุ่มอาชญากรชาวโมรอคโค ซึ่งเป็นคนค้ายารายใหญ่ในฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยตามแฟลตย่านชานเมืองกรุงปารีส ที่แม้จะเป็นคนค้ายา แต่ชุมชนยังคงเหนียวแน่น ส่วนใหญ่รู้จักกันหมด รวมตัวและสนิทสนมกันฉันท์พี่น้องในครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความอึดอัดของพื้นที่ดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด
ดังฉากหนึ่งมานูเอลเผยความรู้สึกกับภรรยาของอิมรานบนดาดฟ้าสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่สามารถพูดคุยได้อย่างสะดวกใจว่าความเป็นครอบครัวของคนที่นี่ไม่เหมือนเดิมแล้ว พวกเขาใช้สถานะดังกล่าวคอยสอดส่องจับตาผู้คนที่อาจเป็นปฏิปักษ์แทนที่
ลักษณะดังกล่าวทำให้สภาพของสองตัวเอกอย่าง ดริสส์ และ มานูเอล ดูแปลกแยกออกไป คนหนึ่งโดดเดี่ยวเมื่อเลือกเส้นทางอาชีพที่ต่างไปจากคนอื่นๆ ขณะที่อีกคนแม้จะยังสนิทสนมกับชุมชน แต่สถานะที่เพิ่งแยกทางกับแฟนเก่ามีลูกติด ใช้ชีวิตแต่ละวันเที่ยวกลางคืน ก็ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของคนโมรอคโคด้วยกันนั้นดูห่างเหินออกไป
แต่ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือ โจร การเจาะรายละเอียดของหนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราเห็นว่าพวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ ต่างผูกพันกับคนในครอบครัว ทั้งสองคนต่างมีลูกที่พวกเขาอยากให้อยู่ปลอดภัย มีชีวิตที่ดีกว่าตน ซึ่งก็ไม่ต่างกับคนอื่นๆ ที่ถูกมองว่าเป็นอาชญากรในสังคม อย่าง อิมราน ที่ภรรยาของเขาเองเปิดเผยว่าเธอรู้ดีว่าสามีทำงานอะไร แต่ในบ้านเขาเป็นพ่อและสามีที่ดี เขาหาเลี้ยงครอบครัว ทำให้ความเป็นอยู่ และมีชีวิตที่ดีขึ้น
เช่นเดียวกับชื่อเรื่องที่แสดงความขัดแย้งในตัวเองกับสิ่งที่พวกเขาทำ ดริสส์และมานูเอลมีสถานภาพเป็นศัตรูที่ต้องใกล้ชิดกัน ขณะเดียวกันมันก็สะท้อนความต้องการส่วนตัว ที่ไปด้วยกันไม่ได้กับวิธีคิดของคนรอบข้างที่ทำงาน แม้กับตำรวจด้วยกันเอง ดริสส์ถูกมองอย่างกังขา เขาต้องอธิบายเสมอๆ ว่าที่ได้มาทำงานนี้เพราะเขาเป็นคนในที่รู้ไส้รู้พุงของคนโมรอคโคด้วยกัน และมีแนวคิดที่ไม่ลงรอยกับตำรวจฝรั่งเศสเสมอ เช่นเดียวกับ มานูเอล ที่อยากจะแก้แค้นให้อิมราน แต่ยิ่งสืบเรื่องราวมากเท่าไหร่ก็พบว่ามันซับซ้อนกว่าที่คิด ยากจะทำอะไรได้โดยง่าย
ซึ่งชวนให้ขบคิดถึงคำว่า “ศัตรูที่ใกล้ชิด” นั้นได้หลายทาง ที่เป็นได้ทั้งแง่บวก และลบ
ด้วยลีลาการเล่าที่ไม่เร็ว ไม่ค่อยมีดนตรีประกอบ ไม่มีลีลาโรแมนติกแบบหนังแก็งสเตอร์ฮ่องกง หรือหนังอเมริกา โดยเจตนา แม้จะมีแง่มุมที่ซาบซึ้งและเจ็บปวด แต่ก็ถ่ายทอดต่างออกไป หนังเรื่องนี้อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน หนังอาจจะไม่ได้สดใหม่เสียทีเดียว แต่ก็นับว่าถ่ายทอดความระทึกขวัญได้ตลอด ผ่านพลังการแสดงของสองนักแสดงหลัก(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมเทียส ชูนาร์ต จาก The Danish Girl ) รวมถึงนักแสดงสมทบหลายคนที่ใช้การปะทะอารมณ์ผ่านสีหน้าแววตาขับเน้นให้เรื่องราวน่าติดตามอยู่ตลอด
เมื่อหนังเข้าสู่ฉากรุนแรง และมีดนตรีคลอขึ้นมามันจึงสร้างความรู้สึกเร่งเร้าลุ้นระทึกร่วมไปกับพวกเขา และในตอนท้ายการใช้ดนตรีของชาวโมรอคโคก็ช่วยขับเน้นอารมณ์สะเทือนใจได้อย่างดียิ่ง
เพราะท้ายที่สุดแม้จะเป็นตำรวจ หรือโจร ชาวโมรอคโคอย่างพวกเขาก็ยังถูกมองเป็นเพียงคนนอก เป็นคนชั้นล่างในฝรั่งเศส ซึ่งล้วนผลักดันให้ชะตากรรมของพวกเขามีสภาพที่ไม่อาจก้าวข้ามสถานะดังกล่าวไปได้อยู่ดี