playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Go Karts กล้าฝันพลังโกคาร์ท หนังแข่งรถเล็กจากแดนจิงโจ้

Go Karts

สรุป

หนังครอบครัว-แข่งรถโกคาร์ทจากออสเตรเลีย ที่แม้เนื้อเรื่องจะสูตรสำเร็จไม่ได้แปลกใหม่ แต่ถ่ายทอดความสับสนของวัยรุ่นคนหนึ่งผ่านกีฬาแข่งรถเล็กได้อย่างน่าพอใจ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • หนังแข่งรถโกคาร์ทที่นานๆ จะมีสักเรื่องและทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ
  • วิลเลียม ลอดเดอร์ ดาราวัยรุ่นของเรื่องฉายเสน่ห์ในฐานะดาราหน้าใหม่
  • ผู้กำกับเล่าเรื่องสไตล์ Karate Kid ได้ลงตัวมีเสน่ห์

Cons

  • พล็อตสไตล์หนังกีฬาที่คาดเดาได้ง่าย
  • รูปแบบการนำเสนอตัวละครที่ติดเชยๆ
  • ความสนุกแบบรถโกคาร์ทยากจะสู้กับรถแข่งสูตร 1

เมื่อเอ่ยถึงหนังออสเตรเลียสำหรับคนดูทั่วไปคงนึกออกนับเรื่องได้ แต่ก็มีผู้กำกับฝีมือดีมากมายหลายคนจากที่นี่แจ้งเกิดในฮอลลีวู้ด ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ เวียร์(Master and Commander), บาซ เลอห์มานน์ (The Great Gatsby), เคท ชอร์ตแลนด์ (Black Widow) แต่หากเมื่อนึกถึงหนังกีฬาแข่งรถโกคาร์ทควบรวมไปด้วยแล้วล่ะก็อาจยิ่งแทบนึกไม่ออกว่ามีเรื่องไหนทำมาก่อน

 Go Karts (2020) on IMDb
คะแนน IMDB

Go Karts กล้าฝันพลังโกคาร์ท

Go Karts หรือในอีกชื่อว่า Go ! เป็นหนังครอบครัวจากออสเตรเลีย ผลงานกำกับของ โอเว่น เทรเวอร์ ที่จับโลกกีฬาแข่งรถขนาดเล็กซึ่งมักเป็นจุดเริ่มต้นของนักกีฬาแข่งรถในแดนจิงโจ้มาทำ และเนตฟลิกซ์ได้ซื้อสิทธิ์ฉายสตรีมมิ่งทั่วโลก

เทรเวอร์ผู้กำกับหนังหน้าใหม่ชาวออสเตรเลียสำหรับหนังขนาดยาว แต่ก็สั่งสมประสบการณ์มาไม่น้อย เขาสร้างชื่อมาจากการทำหนังสั้นที่มาจากวิดีโอเกม Street Fighter ในชื่อ Street Fighter: Legacy (2010) ขณะเดียวกันเขาเองก็มีประสบการณ์ทำซีรี่ส์แข่งรถมาก่อนใน Top Gear(2008-2012) มันเป็นงานที่เดินตามรอยความสำเร็จของ Ride Like A Girl หนังแข่งม้าที่กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดของออสเตรเลียในปี 2019

จุดเริ่มต้นในการเลือกเรื่องนี้มาทำส่วนหนึ่งเพราะความชอบส่วนตัวในวัยเด็กที่มีต่อกีฬาประเภทนี้ เช่นเดียวกับโปรดิวเซอร์ของหนัง เจมี่ ฮิลตัน ทำให้เป็นแรงบันดาลใจพัฒนาการสร้างหนังสำหรับครอบครัวจากไอเดียนี้ และความท้าทายเมื่อเขาพบว่ามีหนังเกี่ยวกับโกคาร์ทเพียงไม่กี่เรื่อง และก็เป็นหนังห่วยทั้งสิ้น เพราะเขามองว่าด้วยรูปร่างรถ และรูปแบบการแข่งทำให้การถ่ายทอดให้ดูเป็นกีฬาที่เท่ในหนังนั้นทำได้ยาก แต่เขาก็มองเห็นเสน่ห์บางอย่างของกีฬานี้

ผลลัพธ์กลายเป็นหนังที่แม้จะไม่ได้เทียบเท่าหนังกีฬาแข่งรถฟอร์มูล่าวัน แต่ก็นับเป็นหนังครอบครัวที่ทำได้น่าพอใจ โดยเฉพาะฉากแข่งรถที่ต้องนับว่าเทรเวอร์ประสบความสำเร็จทีเดียว

เรื่องราวเกิดขึ้นที่บัสเซลตัน เมืองเล็กๆ ของออสเตรเลีย ที่ครอบครัวฮูเปอร์ย้ายมาจากซิดนี่ย์เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมืองที่พวกเขาไม่รู้จักใคร กับบ้านที่ต้องซ่อมแซม เช่นเดียวกับแม่ (ฟรานเซส โอคอนเนอร์ จาก The Conjuring 2) ที่ต้องแก้ปัญหาของ แจ๊ค (วิลเลียม ล็อดเดอร์) ลูกชายวัยรุ่นที่สร้างเรื่องกลุ้มใจมาแต่เดิม เขาชอบขับรถซิ่ง และขับรถเป็นรูปโดนัท ไม่เว้นแม้แต่ที่เมืองแห่งใหม่นี้ แต่เธอก็แทบไม่มีเวลาดูแล

แจ๊คไปร่วมงานปาร์ตี้แข่งรถโกคาร์ทที่ตอนแรกเขาดูแคลน แต่เมื่อได้ลองสัมผัสมันก็ติดใจในกีฬาท้าความเร็วนี้ ในงานเขายังได้เพื่อนใหม่ โคลิน (ดาเรียส อมาร์ฟิโอ เจฟเฟอร์สัน) เด็กวัยรุ่นผิวสีร่างเล็ก พร้อมๆ กับถูกเขม่นจากดีน(คูเปอร์ แวน กรูเทล) แชมป์แข่งรถโกคาร์ท และพรรคพวก ดีนเป็นลูกชายของเศรษฐีที่อยากปั้นให้ลูกของตนได้เป็นแชมป์ระดับประเทศ ขณะเดียวกันเขาก็แอบชอบแมนดี้ (อนาสตาเซีย บอมพัส) น้องสาวของดีนที่รักการเป็นช่างเครื่องมากกว่าการแข่งรถในสนาม

เรื่องราวหลังจากนั้นเป็นเหมือน Karate Kid(1984) ภาคโกคาร์ท แจ๊คได้พบกับ แพทริค(ริชาร์ด ร็อกซ์เบิร์ก) อดีตนักแข่งรถฝีมือเยี่ยม ที่ปัจจุบันเปิดสนามแข่งโกคาร์ทที่ไม่มีคนมาใช้ นอนอยู่ในรถบ้านเพียงลำพังจากความเจ็บปวดในอดีต ที่ใช้งานเขามากกว่าให้ฝึกแข่งรถ แต่กลายเป็นการฝึกทักษะพื้นฐานอย่างที่ตนไม่คาดคิด
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือสอนในสิ่งที่เขาไม่เข้าใจที่สุด นั่นคือความอดทน รอจังหวะสำคัญในการที่จะเอาชนะคู่แข่ง มากกว่าใช้อารมณ์ฉุนเฉียว คึกคะนองเพื่อจะเอาชนะท่าเดียว พร้อมๆ กับการช่วยเหลือจากเพื่อนและหญิงสาวที่เก่งเรื่องเครื่องยนต์

เพราะแม้แจ๊คจะเป็นเด็กหนุ่มหล่อเหลา แต่เขากลับไม่ประสีประสาในเรื่องความรัก การคบหาสานต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือใคร จนแพทริคเองยังกลัวว่าแจ๊คจะเดินตารอยตน เขาสนใจหมกมุ่นแต่รถและความเร็ว
แต่ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับไม่เข้าใจปัญหาของตัวเอง ที่ยังไม่อาจสลัดความรู้สึกเสียใจต่อการจากไปของพ่อ หากเก็บความรู้สึกดังกล่าวเอาไว้ และกลายเป็นภาพหลอนติดตัวมาโดยตลอด ส่งผลต่อการแข่งขันรถโกคาร์ททุกครั้ง เพราะพ่อเป็นคนรักรถ และเป็นเสมือนเงาที่เขาพยายามเอาชนะ

เทรเวอร์สร้างฉากแข่งรถที่มีลานแข่งสนามไม่ใหญ่ด้วยการตัดต่อที่เร้าใจ มีการใช้เทคนิคแบ่งเฟรม และภาพกราฟฟิคต่างๆ มาสร้างสีสันได้ค่อนข้างได้ผล จนเราพอจะลืมไปว่าภาพกว้างโดยรวมสนามเหล่านี้อาจไม่ได้ดูดีโดดเด่นเหมือนสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันไปได้

รวมถึงฉากที่หลอกหลอนแจ๊ค เป็นการตัดต่อแบบมองทาจที่มีลีลาคล้ายกับหนังเกี่ยวกับยาเสพติดเรื่องดัง Requiem for a Dream(2000) แต่เอาเทคนิคภาพเกรนแตก และบิดเบี้ยวในลักษณะการเล่นวิดีโอเกมจากจอโทรทัศน์เก่าๆ มาใช้แทน สลับกับสีหน้าของเด็กหนุ่ม โดยไม่ต้องมีภาพรุนแรง แต่สร้างผลทางอารมณ์ได้อย่างดี

และอาจด้วยความที่หนังเองพูดถึงกีฬาที่ไม่ได้รับความนิยมมาก และเกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ แต่ในเรื่องรถโกคาร์ทเป็นเหมือนตัวเอกหนึ่ง การเล่ารายละเอียดชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ของผู้คนในเมือง ไม่ว่าจะเป็นความรักของคริสตี้ แม่ของแจ๊คกับนายตำรวจขี้อาย หรือความสัมพันธ์ที่เล่าถึงอดีต และความฝันให้กันฟังของแจ๊ค และแมนดี้ ซึ่งแสดงให้เห็นทางเลือกที่ใครอาจคาดไม่ถึง อย่างความฝันจะกลายเป็นช่างแต่งรถหญิงมือหนึ่ง นับเป็นเสน่ห์เล็กๆ ที่ต่างไปจากหนังประเภทเดียวกันของฮอลลีวู้ด

ปัญหาสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ พล็อต และรายละเอียดตัวละครอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ค่อนข้างเชย (เช่น เพื่อนสนิทอย่างโคลิน ที่เป็นเหมือนตัวประกอบผิวสีบุคลิกตลกๆ สมัยก่อน) และทำอย่างไรการเลือกเล่าเกี่ยวกับรถโกคาร์ท ก็คงให้ภาพความเร็ว แรง เร้าใจสู้รถแข่งจริงๆ ไม่ได้อยู่ดี

แต่ในแง่การทำหนังครอบครัว เทรเวอร์สอบผ่านในการทำหนังให้สนุก และนำเสนอประสบการณ์เคว้งและสูญเสียของวัยรุ่นคนหนึ่งได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว

ฉากที่ดีที่สุดฉากหนึ่งเป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อแจ๊คเสียศูนย์ เขาและแม่ปรับความเข้าใจกันอย่างจริงจัง วิลเลียม ลอดเดอร์ นักแสดงหน้าใหม่ และฟรานเซส โอคอนเนอร์ ทำหน้าที่ของทั้งคู่ได้อย่างซาบซึ้งกินใจ

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!