รีวิว Horse Girl – สาวรักม้า ใจชำรุด มนุษย์ต่างดาว
Horse Girl
สรุป
รีวิว Horse Girl เรื่องราวของหญิงสาวชีวิตเหงาๆ คนหนึ่งในเมืองเล็กๆ ที่เกิดภาพฝันประหลาด และประสบปัญหาอาการจิตหลอน ที่ชวนสงสัยว่าแท้จริงเธอเป็นอะไรกันแน่
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- อลิสัน บรี ให้การแสดงที่ยอดเยี่ยมทั้งน่าเวทนา น่ารำคาญในตัวละครที่ทนทุกข์อาการทางจิต
- บรรยากาศหลอนๆ ที่เรียบง่าย แต่กลับสร้างความสงสัยได้ชะงัด
- เป็นหนังที่เหมาะกับการทำความเข้าใจผู้ปวยจิตเภทได้อย่างดี
Cons
- หนังมีเรื่องราวที่เครียด หนักหน่วง ไม่เหมาะกับการดุเพื่อความบันเทิง
- ฉากที่สร้างความเหวอซึ่งไม่เหมาะกับรสนิยมทุกคน
- เดินเรื่องค่อนข้างช้าแบบหนังอินดี้อเมริกัน
หนังบางเรื่องอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคนจากการพาเราไปสำรวจโลกที่หลอน และหนักหนาเกินกว่าจะชมเพื่อความบันเทิง หากเนื้อหาของมันก็ถ่ายทอดชีวิตตัวละครที่มีปัญหาทางจิตเพื่อสะท้อนปัญหาที่อาจกระทบกับใครอีกหลายคนที่ป่วย หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยเหล่านี้ให้ตระหนักถึงการช่วยเหลือบรรเทาอาการก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Horse Girl
Horse Girl นับเป็นหนังประเภทนั้น มันเปิดตัวในงานเทศกาลหนังซันแดนซ์ สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ.2019 โดยเป็นหนังฉายรอบปฐมทัศน์ที่นี่โดยไม่ได้เข้าร่วมประกวด แต่ก็เข้าตาบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ที่ซื้อสิทธิ์การจัดจำหน่าย และได้ฤกษ์ฉายไปเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2020 ที่ผ่านมา
มันเป็นงานโชว์ศักยภาพเต็มที่ของ อลิสัน บรี นักแสดงชาวอเมริกันวัย 37 ปี ผู้อยู่ในวงการมาร่วม 15 ปี เธอมีใบหน้าแบบดาราฮอลลีวู้ดยุคเก่า หลายคนรู้จักเธอจากบทบาทการแสดงในซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่อง Glow ทาง Netflix ที่พาเราไปสำรวจวงการมวยปล้ำหญิงและ Community รวมถึงเป็นนักแสดงสมทบให้กับภาพยนตร์หลายเรื่อง โดยเฉพาะจาก Glow ที่ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงจากหลายเวทีมาต่อเนื่องกันถึง 3 ปี ไม่ว่าจะเป็นลูกโลกทองคำ, Critics’ Choice Television, หรือ Satellite Awards โดยหนังเรื่องนี้ยังเป็นผลงานที่เธอร่วมเขียนบทกับผู้กำกับ เจฟฟ์ บาเอน่า ((Life After Beth ในปี 2014)) ซึ่งเธอเคยร่วมงานด้วยกันจาก Joshy และ The Little Hours โดยยังร่วมเป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย
หนังเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ที่ยายของเธอเองต้องเผชิญกับความทุกข์และเจ็บปวดทางใจจากอาการหวาดระแวงของโรคจิตเภท (Schizophrenia) ซึ่งส่งผลที่กระทบต่อแม่ของเธอด้วยอีกทางหนึ่ง และเป็นสิ่งที่บรีได้ยินมาตลอดชีวิต และนำส่วนผสมที่ได้อิทธิพลของหนังไซไฟ และหนังเขย่าขวัญเข้ามาใส่ในหนังเรื่องนี้ผ่านบรรยากาศเนิบช้าที่อาจจะไม่เหมาะกับคนดูที่ต้องการความตื่นเต้นเร้าใจ
โรคจิตเภท เป็นโรคความผิดปกติทางจิตที่ส่งผลต่อการพูด การคิด การรับรู้ ของผู้ป่วย ทำให้ผู้ที่เป็นมีอาการประสาทหลอน หลงผิด ปลีกตัวจากสังคม หรือไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคนี้ อาจบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้ โดยต้องเข้ารับการรักษาเพื่อควบคุมอาการไปตลอดชีวิต ทั้งนี้จากสถิติปี 2014 สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยจิตเภทคิดเป็นจำนวน 1.1% หรือ จำนวน 2.6 ล้านคนซึ่งนับเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย
เมื่ออ้างถึงหนังที่ว่าด้วยตัวละครที่ป่วยเป็นโรคนี้ซึ่งรู้จักในวงกว้างคงไม่พ้น A Beautiful Mind ภาพยนตร์ปี 2001 ที่ได้รับรางวัลออสการ์ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบลอย่าง จอห์น แนช ที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าว และนำเสนอแบบหักมุม จนประสบความสำเร็จทั้งเงินและกล่อง
ขณะที่ Horse Girl ต่างออกไปเพราะมันเล่าชีวิตของ ซาร่าห์ หญิงสาวธรรมดาที่ไม่มีใครรู้จัก เธอทำงานในร้านขายงานฝีมือและทำงานศิลปะ สนิทสนมกับโจแอน(มอลลี่ แชนนอน) เจ้าของร้าน แต่นอกเหนือจากนั้นชีวิตเธอตัดขาดจากสังคม กลับห้องพักที่เช่าร่วมกับนิกกี้(เด็บบี้ ไรอัน) เพื่อมาดูซีรี่ส์โปรด ทำงานฝีมือเล็กน้อยระหว่างนั้น เป็นอย่างนี้มานานแทบทุกวัน จนวันหนึ่งนิกกี้ก็แนะนำเพื่อนผู้ชายให้กับเธอในงานวันเกิด รายละเอียดที่เปลี่ยนแปลงไปจากความซ้ำซากอันแสนน่าเบื่อของหญิงสาวคนนี้ก็เริ่มขึ้น
ดูเผินๆ ซาร่าห์ก็เป็นผู้หญิงเหงาๆ ธรรมดาคนหนึ่ง แต่คนดูก็จะเริ่มตั้งแต่อาการเลือดกำเดาออกง่าย เฝ้าคิดถึงแม่ที่เพิ่งจากไป มักมีภาพฝันราวกับเธอตื่นมาในยานของมนุษย์ต่างดาว และอาการนอนละเมอตอนกลางคืนที่หนักหนาขึ้นทุกวัน รวมไปถึงความหมกมุ่นค้นหาที่มาของตัวเองจากเครื่องตรวจวัดดีเอ็นเอจากน้ำลาย ที่โจแอนแนะนำ ยิ่งทำให้เธออยากรู้ว่าแท้จริงเธอเป็นใครมากขึ้นๆ
ในอีกด้านหนึ่งปมในอดีตก็ค่อยๆ เผยให้เห็นสิ่งที่ทำให้เธอค่อยๆ ปลีกตัวจากสังคม อมทุกข์กับเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาราวกับค่อยๆ ลอกเปลือกตัวละครตัวนี้ให้เห็นสิ่งต่างๆ ในใจเธอทีละนิดไปจนจบ พร้อมๆ กับอาการทางจิตที่หนักหนาขึ้นเรื่อยๆ ซาร่าห์หมกมุ่นเรื่องราวแบบที่เรียกว่าทฤษฎีสมคบคิด ขณะที่คนอื่นพูดคุยเรื่องเหล่านี้สนุกๆ แต่เธอกลับจริงจังกับเรื่องมนุษย์ต่างดาว การถูกจับทดลองประหลาด การโคลนนิ่ง และแม้จะมีใครแนะนำให้ไปหาจิตแพทย์ แต่เธอก็ยืนกรานปฏิเสธทุกครั้ง
ในเรื่องยังเสียดสีสังคมอเมริกาจากซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่อง Purtagory ซึ่งเป็นซีรี่ส์หลอกๆ ที่ทำมาสำหรับในเรื่องนี้เท่านั้น แต่เป็นงานที่มีส่วนผสมแบบซีรี่ส์อเมริกันที่เราคุ้นเคยกันดี เรื่องราวของคู่หูตำรวจชายหญิง ชันสูตรศพ ตามหาฆาตกร โดยมีเรื่องของเทพเจ้า ปีศาจร้าย ผสมผสานกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เข้าไป…แม้จะเป็นงานที่ผ่านการคิดอีกระดับให้ไกลกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าว แต่ก็เหมือนจะบอกกลายๆ ว่าสื่อเหล่านี้ก็มีอิทธิพลไม่น้อยให้คนอเมริกาหมกมุ่นกับวิทยาศาสตร์ลวงโลก หรือทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งสำหรับคนธรรมดาคงไม่ส่งผลอะไร แต่กลับส่งผลอย่างยิ่งกับคนที่มีแนวโน้มจะเกิดอาการทางจิต
Horse Girl ยังเป็นงานในแบบที่เรียกว่า เจาะลึกตัวละคร (Character Study) ซึ่ง อลิสัน บรี ถ่ายทอดชีวิตและอาการทางจิตของซาร่าห์ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งความเพี้ยน เก็บกด กลายเป็นคนพูดถึงเรื่องที่ตนหมกมุ่นจนน่ารำคาญ และน่าเวทนาไปพร้อมๆ กัน
ชื่อหนังอธิบายถึงม้าของซาร่าห์ ม้าที่เธอรักและเคยได้มีโอกาสเรียนเมื่อยังเด็ก แต่ปัจจุบันเธอได้แต่เฝ้ามองมันในคอก เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของมันอีกต่อไป ได้แต่เดินทางไปที่คอกเพื่อดูเด็กคนอื่นขี่ ดูคนเลี้ยงม้าในคอกแบบห่างๆ และไม่มีสิทธิจะทำอะไรได้ตามใจ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับตัวเธอเองที่รู้สึกถูกกักขังกับความทรงจำที่ทรมานอยู่ตลอดเวลา
ในขณะที่ A Beautiful Mind สะท้อนให้เห็นทางออกของ จอห์น แนช ที่สามารถอยู่ร่วมกับอาการทางจิตของตนเองได้ งานชิ้นนี้ก็ต่างออกไป หนังชวนให้เราตีความในบทสรุปที่แสนแฟนตาซีว่าแท้จริงชีวิตของเธอจะลงเอยแบบไหนกันแน่ มันอาจเป็นเพียงจินตนาการของเธอเอง หรือเป็นเพียงบทสรุปที่ฉากหน้าดูแสนสวยงามที่แท้จริงอาจต้องเผชิญกับความทุกข์ที่ยิ่งกว่าหลังจากนั้น
ไม่ต่างกับผู้ป่วยจิตเภทหลายคนในบ้านเรา ที่จำนวนไม่น้อยกลายเป็นคนเร่ร่อนตัดขาดตัวเองจากภายนอก
(สปอยล์ตอนจบ)
หลังจากซาร่าห์อาการหมกมุ่นรุนแรงขึ้น เธอถูกจับส่งไปยังโรงพยาบาลรักษาอาการทางจิต ขณะที่เล่ารายละเอียดให้จิตแพทย์ฟัง เธอก็อธิบายถึงเรื่องของยายที่ป่วยจิตเภทและต้องตายเพียงลำพังหลังถูกส่งกลับมายังบ้าน นั่นทำให้เธอต่อต้านการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ คืนหนึ่งขณะนอนในห้องผู้ป่วย เธอก็หาทางเดินหนีออกมา เมื่อกลับบ้านเธอได้เห็นหญิงสาวอีกคนในฝัน ซึ่งเป็นคนที่เธอยังไม่เคยเจอ ก่อนจะใช้เวลาตัดผ้ามาทำเป็นชุดที่คล้ายกับชุดอวกาศของมนุษย์ต่างดาวแบบที่เธอจินตนาการ และนำชุดที่ตัดดังกล่าวสำหรับม้าของเธอด้วย แต่ก็ถูกไล่ออกมาจากฟาร์มอีกครั้ง เธอเดินทางกลับห้องและพบกับดาร์เรนที่พร้อมจะรักในตัวเธอ ขณะร่วมรักกันดาร์เรนเปลี่ยนกลายเป็นดาร์เรนตัวเอกในซีรี่ส์ Purtagory ที่เธอชื่นชอบ
เช้าวันถัดมา แพทย์ได้แจ้งว่าเธอสามารถกลับบ้านได้แล้ว ซาร่าห์มีความสุข เธอเดินไปยังคอกม้าและจูงมัน พามันเข้าสู่ป่า พร้อมๆ กับเธอที่มองแสงแดดบนท้องฟ้าอย่างมีความสุข ซึ่งฉากนี้สะท้อนให้เราเลือกเองว่านี่คือจินตนาการของเธอหรือไม่ ? แต่จากเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ตอนที่เธอหนีออกจากโรงพยาบาล ขณะที่ในห้องเรายังเห็นซาร่าห์มองลงมายังตัวเธออีกคนที่หนีไป ดาร์เรนที่เธอร่วมรักเป็นพระเอกซีรี่ส์ คาดเดาได้ไม่ยากว่านี่อจินตนาการของเธอ และม้าคือสัญลักษณ์ของการเป็นอิสระอีกครั้ง