รีวิว The Crimes That Bind ใต้เงาอาชญากรรม (Netflix)
รีวิว The Crimes That Bind ใต้เงาอาชญากรรม
สรุป
หนังขึ้นโรงขึ้นศาลจากอาร์เจนติน่า ที่ชีวิตของหญิงสาววัยเกษียณพยายามปกป้องลูกชายของเธอ ที่เชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ แต่กลับต้องมาพัวพันกับคดีอีกหนึ่งคดีในบ้านของตนเอง นับเป็นหนังอาชญากรรมที่สะท้อนสังคมได้ในระดับน่าพอใจ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- สะท้อนความไม่ยุติธรรมในสังคมแบบประเทศโลกที่สามผ่านสองคดีอาญา
- หนังใช้เทคนิคการตัดสลับระหว่างสองคดี ได้เรียบง่าย แต่ชวนติดตามต่อ
- ผลงานการแสดงที่สร้างมิติให้ตัวละครของ ซีซิเลีย ร็อธ นักแสดงนำของเรื่อง
Cons
- ปมของเรื่องทั้งสองคดี คาดเดาได้ไม่ยาก เพราะรายละเอียดน้อย
- นักแสดงบางคนได้บทที่ยากเกินความสามารถ
- การจบแบบทางออกสวยงาม ขัดกับปมมืดมิดที่หนังพยายามสร้าง
แม้เหมือนจะห่างไกลความคุ้นเคยกับประเทศไทย แต่ Crímenes de familia หรือ The Crimes That Bind เป็นผลงานแนวอาชญากรรม แบบหนังขึ้นโรงขึ้นศาล (Courtroom Drama) ของ เซบาสเตีย ชินเดล เรื่องนี้ก็จะน่าจะเชื่อมโยงกับสังคมบ้านเราได้ไม่ยากนักเมื่อมันได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงว่าด้วยคดีที่เกิดขึ้นของครอบครัวหนึ่ง และเจาะประเด็นของมันได้อย่างน่าพอใจ
ตัวอย่าง The Crimes that Bind ใต้เงาอาชญากรรม (Netflix)
กล่าวถึงประเทศอาร์เจนติน่า เรามักถึงกีฬาฟุตบอลจากนักเตะระดับโลกอย่าง ดิเอโก มาราโดนา หรือ ลิโอเนล เมสซิหรือตัวอย่างของประเทศที่มักถูกยกเรื่องปัญหานโยบายประชานิยม เคยบริหารประเทศล้มเหลวจากโครงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตที่ปัจจุบันด้วยข้อมูลใหม่ๆ ก็ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เป็นผลจากประเด็นเพียงเรื่องเดียว …แต่เราจะไม่กล่าวถึงในรีวิวชิ้นนี้) อย่างไรก็ตามเมื่อกล่าวถึงวงการภาพยนตร์ของดินแดนแห่งนี้ หลายคนอาจไม่คุ้นเคยมากนัก
แท้ที่จริงอาร์เจนติน่า มีคนทำหนังโด่งดังในยุคใหม่ระดับโลกไม่น้อย ฟากฝั่งหนังอาร์ต นำโดย ลูเครเซีย มาร์เทล ด้วยผลงานอย่าง Headless Woman (2008) และ Zama (2017) ซึ่งได้รับการยกย่องติดอันดับรายชื่อหนังยอดเยี่ยมประจำปีจากการโหวตของนักวิจารณ์ภาพยนตร์ชั้นนำ และเคยถูกทาบทามให้กำกับหนังซุปเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล สตูดิโอมาแล้วอย่าง Black Widow แต่เธอได้ปฏิเสธไป ขณะที่หนังพาณิชย์ทำเงินและได้รับคำชมก็มีเช่นกันนั่นคือ The Secret in Their Eyes หนังอาชญากรรมปี ค.ศ.2009 ผลงานกำกับของ ฆวน โจเซ่ คาปาเนลล่า ที่ทำเงินทั่วโลกถึง 34 ล้านเหรียญฯ คว้ารางวัลหนังภาษาต่างประเทศจากออสการ์ และถูกฮอลลีวู้ดนำมารีเมคอีกครั้งในปี 2015
อาจจะด้วยความสำเร็จของ The Secret in Their Eyes รวมถึงเป็นประเทศที่ใช้ภาษาสเปนเป็นหลัก แนวทางหนังแนวทริลเลอร์ สืบสวนสอบสวนคดี ให้คนดูคาดเดาไปกับการพลิกผันหักมุมปมปริศนาในเรื่องซึ่งนับเป็นหนังประเภทที่นิยมในประเทศสเปนก็เป็นได้ ผลงานเรื่องนี้ และเรื่องอื่นๆ ของชินเดลจึงมาทางสายนี้ด้วยเช่นกัน
หนังว่าด้วยชีวิตของอลิเซีย(ซีซิเลีย ร็อธ จาก All About My Mother – 1999) หญิงสาววัยปลดเกษียณซึ่งดูเผินๆ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับคนวัยเช่นเธอ ยามว่างก็จะไปสังสรรค์กับเพื่อนสาวรุ่นเดียวกันพูดคุยสารทุกข์สุกดิบ ช่วงเย็นยังใจดีออกไปรับซานติ ลูกของ แกลดีส์(ยานิน่า อาวิล่า) คนรับใช้พื้นเมืองที่โรงเรียน แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าแดเนียล(เบนจามิน อมาดิโอ จาก La última fiesta -2016) ลูกชายของตนติดคุกข้อหาข่มขืนและคุกคามภรรยาเก่า เธอเชื่ออย่างยิ่งว่าแดเนียลบริสุทธิ์ และการฟ้องร้องนับครั้งไม่ถ้วนของอดีตภรรยาของลูก จนกลายเป็นสาเหตุที่เขาและเธอไม่มีโอกาสไปเจอหลานชาย
ขณะเดียวกันในคืนหนึ่งขณะกำลังหาทางช่วยลูกให้พ้นคดี เธอและสามี อิกนาซิโอ(มิเกล อังเคล ก็ได้ยินเสียงบางอย่างชั้นล่าง และพบเหตุการณ์สะเทือนขวัญในบ้านอีกคดีหนึ่ง…ทำให้ชีวิตของเธอต้องข้องแวะกับคดีอาญาที่ตนไม่ได้ก่อถึงสองคดีอย่างคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับชื่อเรื่อง “อาชญากรรมในครอบครัว”
เซบาสเตียน ชินเดลเริ่มต้นการทำงานด้วยการคลุกคลีกับวงการสารคดีมาตลอดกว่าสิบปี ก่อนเขาจะได้กำกับผลงานหนังคนแสดงเรื่องแรก The Boss, Anatomy of a Crime(2014) ซึ่งสร้างจากคดีระหว่างคนขายเนื้อ และเจ้านายของตน ที่กวาดรางวัลจากหลายเทศกาล รวมถึง 4 รางวัลจากสมาพันธ์ภาพยนตร์อาร์เจนติน่า โดยรวมถึงรางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย น่าเสียดายที่หนังเขย่าขวัญเรื่องถัดมาซึ่งเข้าสร้างสำหรับฉายทางเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีแบบนั้น
ใน The Crimes That Bind ผลงานเรื่องต่อมานี้ เขาเลือกกลับมาทำหนังที่ดัดแปลงจากเรื่องจริงอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นทางที่ถนัดในฐานะผู้คร่ำหวอดกับงานสารคดีมาก่อนหน้า และผลลัพธ์นับว่าน่าพอใจในการสะท้อนให้เห็นปมปัญหาของคดีที่เกิดทั้งสองคดี ถึงแม้ท้ายที่สุดมันจะไม่สามารถปกปิดจุดอ่อนสำคัญของเรื่องสองประการได้ก็ตาม
ข้อด้อยของหนังคือแม้จะมีความพยายามนำสองคดีที่เกี่ยวพันกับครอบครัวของอลิเซียให้เนื้อเรื่องเข้มข้น โดยยังใช้เทคนิคตัดต่อแบบไม่ลำดับเวลาทั้งการย้อนภาพอดีต ไปจนข้ามไปยังเหตุการณ์ในอนาคตตลอดทั้งเรื่อง และทำได้อย่างลื่นไหลโดยไม่จำเป็นต้องดำเนินเรื่องเร่งเร้าอารมณ์ แต่ปมของเรื่องที่พยายามปิดกับคนดูนั้นคาดเดาได้ไม่ยากเลย ทั้งจากรายละเอียดที่ค่อยๆ เผยให้เห็น(แต่กลายเป็นว่าชัดมากเกิน) หรือการเลือกนักแสดงที่ได้รับบทที่เรียกร้องฝีมือการแสดงเพื่อให้เรื่องน่าค้นหากว่านี้เอง
อีกประการต่อมาคือบทสรุปที่หาทางออกแบบโรแมนติค ซึ่งหลังจากเผยปมดำมืดของครอบครัวอลิเซียแล้ว หนังเองกลับเลือกด้วยวิธีที่ตัวละครบรรลุ และมองหาทางเลือกใหม่ๆ ให้ชีวิตกลับมาดีขึ้น ซึ่งหากมองว่าหนังเป็นงานอาชญากรรมที่พยายามสร้างบรรยากาศเขย่าขวัญอยู่บ้าง ทางเลือกบทสรุปเช่นนี้ก็นับว่าไม่ได้ช่วยขยี้ปมที่หนังให้รายละเอียดเอาไว้อย่างน่าเสียดาย กลายเป็นงานสอนใจความหลงผิดของตัวละครหลักที่มีความลึกในมิติตัวละครขึ้นมาบ้างเท่านั้น
สิ่งที่งานชิ้นนี้ทำได้ดีคือการสะท้อนให้เห็นความผิดพลาดในครอบครัวแบบยุคเก่า ที่ยังคงเลี้ยงดูลูกแบบพ่อแม่รังแกฉัน ขณะเดียวกันเมื่อสาวใช้ของเรื่องเป็นชนพื้นเมืองอินเดียนแดง คดีของเธอก็เชื่อมโยงถึงสภาพสังคมของประเทศอาร์เจนติน่าได้ด้วยเช่นกันที่มีลักษณะเข้าข้างคนผิวขาวด้วยกันมากยิ่งกว่าชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่กลายเป็นคนไร้การศึกษา และถูกกดให้ทำงานใช้แรงงาน ซึ่งด้วยสายตาแบบชนชั้นกลางมีฐานะอย่างอลิเซีย เธอคิดเพียงแต่ว่าสิ่งที่ครอบครัวตนเองอุปการะคนรับใช้เช่นนี้ก็นับว่ามากเกินพอแล้ว
อีกเรื่องคือภาพสะท้อนของประเทศโลกที่สาม ซึ่งกระบวนการยุติธรรมสามารถใช้เส้นสาย และเงินเพื่อมอบความชอบธรรมให้กับผู้ที่จ่ายได้ และยังสะท้อนระบบราชการที่ล่าช้า ไร้ประสิทธิภาพ ที่ทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงกับปัญหาสังคมที่บ้านเราน่าจะคุ้นเคยในข่าวต่างๆ ได้ไม่ยากเลย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการแสดงของ ซิซิเลีย ร็อธ นักแสดงเชื้อสายอาร์เจนไตน์ที่ไปโด่งดังและมีผลงานโดดเด่นในสเปนช่วยยุค 80s กับ เปโดร อัลโมโดวาร์ มีส่วนช่วยทำให้ตัวละครหลักอย่าง อลิเซีย มีมิติมากขึ้น กลบช่องโหว่ของหนังได้บ้าง เพราะเธอทำให้เราเห็นสัญชาตญาณความเป็นแม่ ความรู้สึกหลงผิด เห็นแก่ตัว พร้อมๆ กับสำนึก และยอมรับความผิดพลาดได้อย่างไม่มีสะดุด และทำให้ความหวานจนดูอุดมคติเกินงามของหนังไม่ดูหลุดจากเรื่องจนเกินไปนัก
คำเตือน : ส่วนนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง
เพื่อช่วยลูก อลิเซียที่แม้จะไม่ได้ร่ำรวยมากนัก และที่บ้านเองก็พบว่าเงินหายบ่อยๆ ตัดสินใจจ้างทนายที่สามารถใช้เงินช่วยคดี โดยไม่ฟังคำทัดทานของสามี แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงลิบจนเธอยอมขายบ้าน และย้ายไปอยู่คอนโดก็ตาม
ในเวลาต่อมาเธอจึงพบว่าแท้ที่จริงแดเนียลสร้างปัญหาไว้มากมายจริงๆ ทั้งติดยา ทำร้ายทุบตีภรรยา ข่มขืนเธอ แม้จะหลุดคดีแล้วก็ยังไม่วายจะมาขอเงินเธออยู่ดีเพื่อไปลงทุนทำธุรกิจแบบลมๆ แล้งๆ
แกลดีส ซึ่งคลอดลูกคนที่สองโดยเธอไม่ยอมเปิดเผยว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ตัดสินใจทิ้งลูกให้เสียชีวิตในห้องน้ำ อลิเซียและสามีมาพบทำให้ศาลตัดสินจำคุกแกลดีส์รวม 18 ปี แต่เมื่อไปเยี่ยมเธออีกครั้ง แกลดีส์ก็สารภาพว่าวันหนึ่งที่แดเนียลลักลอบเข้าบ้านเพื่อขโมยเงิน เขาได้ข่มขืนเธอ และเด็กคนที่เสียชีวิตไปคือลูกของเขา
อลิเซียเสียใจที่เข้าข้างลูกด้วยความหลงผิด เธอตัดสินใจไปหาอดีตภรรยาของแดเนียลเพื่อมอบหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดี และทำให้เธอได้เจอหลานชายอีกครั้ง